หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 260 บั่นคอ ณ ลานประหาร (2)

หวนคืนชะตาแค้น

“​ข้า​ไม่เข้าใจ​ ​เกอ​ซู​ฮั่น​นั่น​มีเรื่อง​สำคัญ​อะไร​ถึง​รั้น​จะ​ให้​เจ้า​มาส​่ง​พวกเขา​ถึงที่​นี่​ด้วย​”​ ​หรง​จิ​่​นที​่​โงนเงน​ไป​ตาม​แรงลม​เอื่อยๆ​ ​บน​ต้นไม้​ยู่​ปาก​เอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ไม่พอใจ

มู่​ชิง​อี​แก้​คำพูด​ให้​ถูก​ด้วย​เสียง​เรียบ​ ​“​หม่อมฉัน​มาส​่ง​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ ​ก่อนหน้านี้​รับปาก​แล้ว​ว่า​จะ​มาส​่ง​ล่ำ​ลากัน​ ​เพียงแต่​น่าเสียดาย​ที่​ตอนนี้​…​”​ ​ตอนนี้​คนนอก​คิด​ว่านาง​หายตัว​ไป​อย่างไร​้​ร่องรอย​จึง​ไม่​เหมาะ​จะ​ปรากฏตัว​ใน​เมืองหลวง​ ​หาก​เวลานี้​ใช้​สถานะ​ของ​จัง​ชิง​มา​เจอ​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ย่อม​ไม่ใช่​เรื่อง​ที่​ดีนัก​เลย​ทำได้​แค่​มาส​่ง​นาง​ที่นี่​ ​“​อีก​อย่าง​เลี่ย​อ๋อง​ก็ดี​กับ​หม่อมฉัน​ไม่น้อย​ ​หาก​จะ​มาส​่ง​เขา​หน่อย​ก็​ไม่ใช่​เรื่อง​ผิด​อะไร​”

หรง​จิ​่น​แค่น​เสียง​เบา​ที​ ​“​แต่​ข้า​ดี​กับ​ชิง​ชิง​มากกว่า​นะ​”

มู่​ชิง​อี​แสร้งทำ​เป็น​ไม่ได้​ยิน​เสียง​บ่น​ของ​เขา​ ​หรง​จิ​่น​เอ่ย​ต่อ​ ​“​อีก​อย่าง​ถ้า​จะ​ส่ง​ก็​ออก​ไป​ส่ง​สิ​ ​หาก​เจ้า​มาส​่ง​แต่​นาง​ไม่เห็น​ก็​เท่ากับ​ว่า​เสียแรง​เปล่า​มิใช่​หรือ​”​ ​ใน​สายตา​ของ​หรง​จิ​่​นก​ลับ​ไม่เคย​มี​ความคิด​ละอายใจ​ใน​จิตสำนึก​ของ​ตนเอง​อะไร​ทำนอง​นั้น​เลย​ ​ในเมื่อ​ทำ​เรื่อง​ใด​ย่อม​ต้อง​ได้รับ​ผลตอบแทน​ที่​ควร​ได้รับ​ ​มิเช่นนั้น​สู้​นอน​เกียจคร้าน​อยู่​เฉยๆ​ ​ยังดี​เสีย​กว่า

มู่​ชิง​อี​หมุนตัว​เดินหนี​โดย​ไม่สน​ใจ​เขา​อีก​ ​หรง​จิ​่น​เอง​ก็​พอต​ระ​หนัก​ได้​บ้าง​เลย​ปิดปาก​ไม่​พูดจา​ซี้ซั้ว​อะไร​อีก

ผ่าน​ไป​นาน​ในที่สุด​ขบวน​ของ​ขุนนาง​ราชทูต​แคว้น​เป่ย​ฮั่น​ก็​ค่อยๆ​ ​ทยอย​ออกมา​จาก​เมืองหลวง​ ​สอง​คนที​่​นำ​อยู่​หัว​ขบวน​ก็​คือ​เกอ​ซู​ฮั่น​และ​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ซึ่ง​กำลัง​นั่ง​อยู่​บน​หลัง​ม้า​ ​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​สวม​ชุด​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​สีแดง​เพลิง​งดงาม​ ​หาก​มอง​จาก​มุม​ไกลๆ​ ​กลับ​เหมือน​กอง​เพลิง​ไฟ​สีสวย​งดงาม​สะกด​สายตา​ใครต่อใคร

“​พี่​สิบเอ็ด​ ​เหตุใด​พวกเรา​ต้อง​กลับ​เร็ว​ขนาด​นี้​ด้วย​เล่า​”​ ​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ขี่ม้า​อยู่​ข้าง​กาย​เกอ​ซู​ฮั่น​พลาง​บ่นพึมพำ​เสียง​เบา​ ​คนที​่​นั่ง​ใน​รถม้า​ด้านหลัง​ก็​คือ​เหอ​หรงจ​วิ​้น​จู่​และ​เหอ​หลินจ​วิ​้น​จู่​ที่​ไป​เกี่ยวดอง​ด้วย​ครั้งนี้​ ​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​กลับ​รำคาญใจ​หาก​จะ​ต้อง​นั่ง​คุย​เรื่องไร้สาระ​เหล่านั้น​กับ​พวก​นาง​ ​ทันทีที่​ออกจาก​เมืองหลวง​นาง​จึง​ปีน​ขึ้น​หลัง​ม้า​ทันที

เกอ​ซู​ฮั่น​อมยิ้ม​กล่าว​อย่าง​ไม่ใส่ใจ​นัก​ ​“​เจ้า​ก็​อยาก​กลับมา​ตั้ง​นาน​แล้ว​มิใช่​หรือ​ ​ไม่​คิดถึง​ท่าน​อา​ท่าน​น้า​ทั้งสอง​หรือ​อย่างไร​กัน​”

หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ขมวดคิ้ว​กล่าว​ ​“​ข้า​ต้อง​คิดถึง​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่​อยู่​แล้ว​ ​แต่​…​แต่​ชิง​อี​หายตัว​ไป​นี่​นา​ ​พวกเรา​ควร​รอ​หลังจาก​หา​ตัว​ชิง​อี​เจอ​ก่อน​แล้ว​ค่อย​กลับ​มิใช่​หรือ​”

เกอ​ซู​ฮั่น​มอง​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ด้วย​ความประหลาดใจ​แล้ว​เอ่ย​ ​“​เจ้า​กับ​เด็ก​นั่น​สนิทสนม​กัน​ไม่น้อย​”​ ​ถึงแม้​จะ​รู้​มาต​ลอด​ว่า​มู่​ชิง​อีกับ​หย่งจ​ยา​ถูกชะตา​กัน​มาก​ ​แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​หย่งจ​ยาจะ​ไม่ยอม​กลับ​แคว้น​เพราะ​เป็นห่วง​อันตราย​ของ​มู่​ชิง​อี

“​ก็​ข้า​ชอบ​ชิง​อีนี​่​นา​”​ ​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ย่น​จมูก​ยิ้ม​ตาหยี​มอง​เกอ​ซู​ฮั่น​แล้ว​เอ่ย​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​พี่​สิบเอ็ด​ก็​ชอบ​ชิง​อี​มาก​เหมือนกัน​ใช่ไหม​เล่า​”

เกอ​ซู​ฮั่น​ส่าย​ศีรษะ​อย่าง​เอือมระอา​ ​หาก​จะ​บอกว่า​ชอบ​มาก​ก็​คง​ไม่ใช่​ ​เพียงแต่​หาก​เทียบ​กับ​ผู้หญิง​คนอื่น​นาง​ไม่ได้​ดู​น่ารำคาญ​ขนาด​นั้น​ ​หาก​ต้องหา​ใคร​มา​เป็น​พระ​ชายา​ก็​ควร​หา​สตรีที​่​เหมือน​นาง​ถึง​จะ​ถูก​ ​เพียงแต่​น่าเสียดาย​ที่นาง​ไม่ยอม​ไป​เป่ย​ฮั่น​กับ​เขา​ ​เพราะ​หาก​จะ​หา​ผู้หญิง​เช่นนั้น​ใน​เป่ย​ฮั่น​…​คง​เป็นเรื่อง​ยาก

ครั้น​หันไป​เห็น​พี่​สิบเอ็ด​นานๆ​ ​ที​จะ​เหม่อลอย​เช่นนี้​ ​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ก็​ถอนหายใจ​อย่าง​เหนื่อยหน่าย​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​พี่​สิบเอ็ด​ชอบ​ชิง​อี​แท้ๆ​ ​เหตุใด​ถึง​รู้ตัว​ช้า​ขนาด​นี้​ ​ถ้า​กลับ​เป่ย​ฮั่น​ไป​ครั้งนี้​ก็​ไม่รู้​ว่า​เมื่อไร​จะ​ได้​เจอ​ชิง​อี​อีก​ ​ถึงแม้​จะ​ข่าวลือ​ว่า​มู่​ชิง​อี​ถูก​มู่​หร​งอ​วี​้​ฆ่า​ตาย​ไป​แล้ว​ ​แต่​หย่ง​ยาจ​วิ​้น​จู่​กลับ​มั่นใจ​มาก​ว่า​ชิง​อี​ไม่ได้​ตาย​ง่ายๆ​ ​ขนาด​นั้น​ ​อีก​อย่าง​ไม่มีใคร​หา​ศพ​ของ​นาง​เจอ​มิใช่​หรือ​ ​หวัง​เพียง​ว่า​หาก​รอ​วันที่​พี่​สิบเอ็ด​รู้ใจ​ตัวเอง​ ​ชิง​อี​คง​ไม่ได้​ชิง​มี​คู่ครอง​ไป​ก่อน​หรอก​นะ

หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​แอบ​รู้สึก​ลึก​ๆ​ ​ว่า​พี่ชาย​ที่​รู้ใจ​ตัวเอง​ช้า​เช่นนี้​ช่าง​ชวน​ให้​คนอื่น​ลำบากใจ​จริงๆ​ ​ภารกิจ​ที่​เสด็จ​พี่​มอบหมาย​ให้​ดู​ทรง​แล้ว​นาง​คง​ไร้ความสามารถ​จะ​จัดการ​ได้

ในเมื่อ​เกอ​ซู​ฮั่น​เป็นยอด​ฝีมือ​ใน​โลก​มนุษย์​ย่อม​รับรู้​ได้​อย่างง่ายดาย​ว่า​มี​คน​จับจ้อง​พวกเขา​อยู่​ ​เขา​สะบัดหน้า​หันไป​มอง​บน​เนินเขา​ข้างทาง​ที่​เพิ่ง​เดินผ่าน​มา​ ​จากนั้น​ก็​เห็น​หนุ่มน้อย​ใน​ชุด​สีขาว​ร่าง​บอบบาง​กำลัง​ยืน​มอง​มาทาง​พวกเขา​ ​ด้านหลัง​หนุ่มน้อย​ชุด​ขาว​มีบุ​รุษ​ซึ่ง​คล้าย​จะ​เป็น​องครักษ์​ยืน​อยู่​ด้วย​คน​หนึ่ง​ ​เกอ​ซู​ฮั่น​หรี่​ตาม​อง​ ​ทันใดนั้น​ก็​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​เขา​คือ​หนุ่มน้อย​จัง​ชิง​ที่​เคย​เจอ​หน้า​กัน​ไม่​กี่​ครั้ง​เมื่อ​หลาย​วันก่อน

เขา​พาน​คิด​ขึ้น​ได้​ว่า​ถึงแม้​จัง​ชิง​กับ​หย่งจ​ยาจะ​ไม่ได้​ไปมาหาสู่​กัน​มาก​นัก​แต่​หย่งจ​ยาก​ลับ​ชม​เขา​ไม่ขาดปาก​ ​มา​เยือน​แคว้น​หวานา​นข​นาด​นี้​ ​นอกจาก​องค์​ชาย​เก้า​แคว้น​เย​่ว​์​ที่​ทำให้​หย่งจ​ยาก​่น​ด่า​ได้​ไม่​หยุด​จน​อยาก​สับ​ร่าง​เป็น​ชิ้นๆ​ ​แล้ว​ ​คนที​่​หย่งจ​ยา​ให้ความสำคัญ​มาก​เหมือน​จะ​มี​แค่​มู่​ชิง​อี​และ​จัง​ชิง​สอง​คน​นี้​ ​หาก​จัง​ชิง​อยาก​มาส​่ง​ลากัน​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่​ปรากฏตัว​อย่างเปิดเผย​แต่​มาร​อส​่​งอยู​่​ตรงนี้​เล่า

ฉับพลัน​ใน​หัว​ก็​ผุด​ความคิด​เลือนราง​แวบ​เข้ามา​ ​ทว่า​เกอ​ซู​ฮั่น​ยัง​ไม่ทัน​จับ​มัน​ไว้​ได้​ก็​หายวับ​ไป​แล้ว​ ​เกอ​ซู​ฮั่น​ส่าย​ศีรษะ​ ​ถึงอย่างไร​เขา​ก็​เดินทางออก​จาก​แคว้น​หวามา​แล้ว​ ​คิดมาก​ไป​ก็​ไร้ประโยชน์

“​พี่​สิบเอ็ด​กำลัง​มอง​อะไร​อยู่​หรือ​”​ ​พอ​เลี้ยว​มาทาง​โค้ง​ของ​ถนนใหญ่​ ​ร่าง​ของ​หนุ่มน้อย​ชุด​ขาว​ก็​ค่อยๆ​ ​หาย​ลับ​จาก​ตรงหน้า​ไป​ ​เกอ​ซู​ฮั่น​ส่าย​ศีรษะ​กล่าว​ ​“​ไม่มี​อะไร​ ​เมื่อ​ครู่​เหมือน​เจอ​คน​หน้า​คุ้นๆ​ ​คน​หนึ่ง​ก็​เท่านั้น​”

หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​อารมณ์​ไม่​ค่อย​ดีนัก​เลย​ไม่​ค่อย​ร่าเริง​เท่าไร​ ​นาง​จึง​ไม่ได้​ถาม​ซักไซ้​ว่า​เกอ​ซู​ฮั่น​เจอ​ใคร​ต่อ​ ​มา​แคว้น​หวา​ครั้งนี้​นาง​มีส​หาย​เพียง​สอง​คน​เท่านั้น​ ​น่าเสียดาย​ที่​จัง​ชิง​ทำตัว​ลึกลับ​ ​ใน​ยาม​ปกติ​จึง​ตามหา​ตัว​เขา​ไม่​ค่อย​เจอ​ ​ชิง​อีก​็​ยัง​มาหาย​ตัว​ไป​อย่างไร​้​ร่องรอย​อีก​ ​ถึงแม้​ใกล้​จะ​ได้​กลับบ้าน​เป่ย​ฮั่น​ที่​ตน​คะนึง​หามา​นาน​ ​แต่​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ก็​ยัง​อาลัยอาวรณ์​อยู่ดี

ส่วน​ใคร​บางคน​ที่นาง​เคย​หวั่นไหว​ปัน​ใจน้อย​ๆ​ ​ให้​กลับ​โดน​นาง​โยนทิ้ง​หาย​ไป​ไม่เห็น​เงา​นาน​แล้ว​ ​คน​อย่าง​หรง​จิ​่น​ปาก​คอ​เราะร้าย​ ​สารเลว​ใจคิด​อกุศล​แบบ​นั้น​ ​ชั่วชีวิต​นี้​คง​ไม่มี​สตรี​คนใด​ยอม​แต่งงาน​กับ​เขา​แน่นอน​ ​นาง​เป็น​ถึง​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​ไม่มีทาง​ตาถั่ว​ถูกตา​ต้องใจ​คนสารเลว​พรรค์​นั้น​แน่นอน​ ​ส่วน​เรื่อง​ก่อนหน้านี้​ก็​แค่​…​หลงใหล​ใน​รูปลักษณ์​…​เท่านั้นเอง

ครั้น​เห็น​หย่งจ​ยาจ​วิ​้น​จู่​เดี๋ยว​พยักหน้า​เดี๋ยว​ส่ายหน้า​ ​เดี๋ยว​โมโห​เดี๋ยว​ยิ้ม​ร่า​แปลก​ๆ​ ​เช่นนั้น​ ​เกอ​ซู​ฮั่น​ก็​ส่าย​ศีรษะ​อย่าง​ระอา​ใจ​ ​ถึงอย่างไร​เขา​ก็​ไม่เข้าใจ​ความคิด​ของ​สตรี​ ​และ​ยิ่ง​ไม่เข้าใจ​ความคิด​แปลก​ๆ​ ​ของ​ลูกพี่ลูกน้อง​หญิง​คน​นี้​ของ​เขา​เข้าไป​ใหญ่

เกอ​ซู​ฮั่น​เดินทาง​ด้วย​ความรีบเร่ง​และ​ร้อนใจ​ ​ถึงแม้​เหล่า​องค์​ชาย​และ​ตระกูล​ผู้มีอิทธิพล​ใน​เมืองหลวง​จะ​รู้สึก​แปลกใจ​อยู่​บ้าง​แต่กลับ​ไม่ได้​สนใจ​อะไร​นัก​ ​ในเมื่อ​เกอ​ซู​ฮั่น​เป็น​ถึง​เลี่ย​อ๋อง​แห่ง​เป่ย​ฮั่น​ซึ่ง​มีส​ถานะ​สูงส่ง​อำนาจ​ล้นมือ​ ​ย่อม​ไม่มีเวลา​พักผ่อน​สบาย​ๆ​ ​อยู่​ใน​แคว้น​หวา​ได้​นาน​เฉกเช่น​ขุนนาง​ทูต​คนอื่นๆ​ ​อีกทั้ง​ตอนนี้​ทุกคน​ยิ่ง​ไม่ได้​สนใจ​การ​อยู่​หรือ​ไป​ของ​เกอ​ซู​ฮั่น​ท่าน​อ๋อง​แห่ง​เป่ย​ฮั่น​ผู้​นี้​ ​แต่​มีเรื่อง​สำคัญ​ยิ่งกว่านั้น​สำหรับ​พวกเขา​อย่างเช่น​…​การ​หายตัว​ไป​ของ​มู่​หร​งอ​วี​้​ ​งาน​อภิเษก​ของ​องค์​หญิง​ไหว​หยาง​และ​องค์​ชาย​เก้า​ที่​ใกล้​เข้ามา​ทุกที​ ​และ​ยิ่งไปกว่านั้น​…​คือ​การ​จัดการ​กับ​จวน​ซู่​เฉิง​โหว​ ​รวมถึง​ผลประโยชน์​และ​การ​แบ่งสรร​ปันส่วน​หลังจาก​จวน​กง​อ๋อง​ล่มสลาย​ไป​แล้ว

ตอนที่​มู่​หร​งอ​วี​้​ยังอยู่​ก่อน​นี้​ ​ถึงแม้​ระหว่าง​มู่​หรง​เสีย​และ​มู่​หรง​จ้าว​จะ​ไม่ได้​แสดงท่าที​ว่า​จะ​ร่วมมือ​กัน​อย่างชัดเจน​ ​แต่​ในแง่​ปฏิบัติ​กลับ​ร่วมมือ​กับ​อีก​ฝ่าย​อย่าง​ห้าม​ไม่อยู่​ ​แน่นอน​ว่า​เป็นผล​มาจาก​ฝีมือ​ของ​มู่​ชิง​อี​และ​กู้​ซิ่ว​ถิง​ที่​แอบ​จัดการ​อย่าง​ลับ​ๆ​ ​แต่​ตอนนี้​ศัตรู​ตัวฉกาจ​อย่าง​มู่​หร​งอ​วี​้​ไม่อยู่​แล้ว​ ​ดังนั้น​เหตุผล​ของ​การ​ร่วมมือ​กัน​อย่าง​สันติ​ระหว่าง​มู่​หรง​เสีย​และ​มู่​หรง​จ้าว​จึง​สิ้นสุดลง​ ​ไม่มีใคร​สามารถ​หยุดยั้ง​ให้​พวกเขา​ไม่​ให้​เห็น​อีก​ฝ่าย​เป็น​ศัตรู​ของ​ตัวเอง​ได้​ ​อีก​อย่าง​ไม่มีใคร​รู้สึก​แปลกใจ​กับ​การเปลี่ยนแปลง​เช่นนี้​เลย​ ​ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​องค์​ชาย​ที่​มีใจ​ทะเยอทะยาน​และ​ความสามารถ​ ​หาก​ไม่​ช่วงชิง​กัน​แล้ว​จะ​รอ​ให้​ตำแหน่ง​ฮ่องเต้​ตกลง​มา​เอง​หรือ​อย่างไร

“​คุณชาย​จัง​ ​บัดนี้​มู่​หร​งอ​วี​้​จบสิ้น​ทุกอย่าง​แล้ว​ ​ไม่รู้​ว่า​ต่อจากนี้​คุณชาย​มีคำ​ชี้แนะ​ใด​อีก​หรือไม่​”​ ​ใน​ห้องส่วนตัว​ชั้นสอง​ของ​เรือน​กุ้ย​หลิน​ ​มู่​หรง​เสียม​อง​หนุ่มน้อย​ชุด​ขาว​ที่นั่ง​จิบ​ชาด​้วย​ท่วงท่า​สบาย​ๆ​ ​ฝั่ง​ตรงข้าม​พลาง​เอ่ย​ถาม​ขึ้น

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท