หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 277 ออกจากเมืองหลวง เจ้าสำนักเย่าหวังกู่ (4)

หวนคืนชะตาแค้น

มู่​ชิง​อี​เอ่ย​ ​“​ต่อให้​ไม่​ไป​สำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​ ​ตอนนี้​พวกเรา​ก็​อยู่​ที่​แคว้น​หวา​ต่อไป​ไม่ได้​”​ ​ตอนนี้​พวกเขา​เป็น​นักโทษ​ที่​ถูก​หมายหัว​ของ​เชื้อพระวงศ์​ใน​แคว้น​หวา​ ​ต่อให้​ฮ่องเต้​แคว้น​หวา​จะ​รักศักดิ์​ศรี​ไม่มีทาง​ป่าวประกาศ​ตาม​จับ​พวกเขา​ไป​ทั่ว​ใต้​หล้า​ ​ทว่า​แต่ไหนแต่ไรมา​พลัง​ที่เก็บ​ซ่อน​ไว้​ของ​เหล่า​เชื้อพระวงศ์​มีอยู่​ไม่น้อย​ ​และ​นั่น​กลับ​สร้าง​ความวุ่นวาย​มากกว่า​เดิม​ด้วย

​“​มู่​ชิง​อี​พูด​ถูก​”​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​ยิ้ม​กล่าว

​มู่​หรง​ซี​เอง​ก็​ไร้​หนทาง​จะ​คัดค้าน​ได้​เลย​ทำได้​แค่​พยักหน้า​เห็นด้วย

​ใน​ห้อง​ลับ​แห่งหนึ​่ง​ของ​จวน​ราชทูต​แคว้น​เย​่ว​์​ ​หรง​เหยี​่​ยน​ได้ยิน​คำพูด​ของ​ท่าน​หมอ​เช่นนั้น​ก็​เผย​สีหน้า​ไม่​สู้​ดีนัก​ ​“​ไร้​หนทาง​แล้ว​จริงๆ​ ​หรือ​”

​ท่าน​หมอ​ผู้​นี้​เป็น​หมอ​ที่​ตามมา​กับ​ขบวน​ราชทูต​แคว้น​เย​่ว​์​จึง​ไม่จำเป็น​ต้อง​พูดจา​พะ​ว้า​พะวง​อะไร​ ​เขา​ส่าย​ศีรษะ​เอ่ย​ ​“​กง​อ๋อง​เส้น​ชีพจร​เสียหาย​ ​เดิมที​อาการ​ไม่ได้​หนัก​อะไร​มากมาย​แค่​รักษา​ดู​อาการ​สัก​สาม​ถึง​ห้า​เดือน​ก็​หาย​แล้ว​ ​แต่​เพราะ​ภายหลัง​กง​อ๋อง​ผลีผลาม​ใช้กำลัง​ภายใน​ ​อีกทั้ง​ระยะนี้​มีเรื่อง​กลัดกลุ้ม​ใจ​และ​อารมณ์ร้อน​ฉุนเฉียว​อยู่​บ่อยครั้ง​ ​บัดนี้​เส้น​ชีพจร​ถูก​ทำลาย​ ​กระหม่อม​ฝีมือ​การรักษา​ไม่ได้เรื่อง​ ​เกรง​ว่า​คง​ไร้​หนทาง​จะ​ช่วยรักษา​ได้​”

​“​ต่อให้​ไม่ได้​ก็​ต้อง​ยื้อ​จนกว่า​เขา​จะ​ยอม​มอบ​ของ​ให้​ข้า​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​!​”​ ​หรง​เหยี​่​ยน​เอ่ย​อย่าง​โมโห​ เขา​ยอม​ลำบาก​ตรากตรำ​เอาชีวิต​ไป​เสี่ยง​แผนการ​อันตราย​มาตั​้ง​นาน​ ​ถึงแม้​จะ​กล่าวว่า​ผลลัพธ์​น่ายินดี​ ​แต่​มู่​หร​งอ​วี​้​ยัง​ไม่ได้​จ่าย​ค่าตอบแทน​อะไร​สัก​อย่าง​ ​หาก​ปล่อย​ให้​ตาย​ไป​แบบนี้​ ​เขา​ก็​ขาดทุน​แย่​สิ

​ท่าน​หมอ​ส่าย​ศีรษะ​อย่าง​จนใจ​ เขา​เป็น​หมอ​ ​ช่วยรักษา​ได้​แต่​คงช่วย​ชีวิต​ไม่ไหว​ ​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​กง​อ๋อง​สาหัส​ขนาด​นี้​แต่​ยัง​รวบรวม​ลมหายใจ​เฮือกสุดท้าย​ไว้​ได้​ถือว่า​ไม่​ง่าย​จริงๆ​ “​เส้น​ชีพจร​ที่​ได้ความ​เสียหาย​ของ​กง​อ๋อง​ ​นอกจาก​จะ​มียา​วิเศษ​หายาก​ใน​โลก​หรือ​ยอด​ฝีมือ​ขั้นสูง​ยอม​ใช้กำลัง​ภายใน​ช่วย​ต่อ​เส้น​ชีพจร​ให้​เขา​ ​มิเช่นนั้น​คง​ไม่มี​ยา​ใด​รักษา​ได้​”

​“​ช่าง​ไร้ประโยชน์​นัก​!​”​ ​หรง​เหยี​่​ยน​ตวาด​ใส่​ด้วย​สีหน้า​ดุดัน

​“​รายงาน​ท่าน​อ๋อง​ ​ด้านนอก​มีคุณ​ชาย​ท่าน​หนึ่ง​มา​ขอ​พบ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​ ​องครักษ์​นอก​ประตู​กล่าว​รายงาน​ด้วย​น้ำเสียง​นอบน้อม​ ​หรง​เหยี​่​ยน​กำลัง​เดือดดาล​จึง​เอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​ ​“​คุณชาย​ที่ใด​กัน​ ​ไม่​พบ​!​”

​องครักษ์​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ถึง​เอ่ย​ ​“​คุณชาย​ผู้​นั้น​บอกว่า​เขา​มาจาก​แคว้น​เย​่ว​์​ ​เขา​บอกว่า​…​เขา​เป็น​หมอ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

​“​เป็น​หมอ​หรือ​ ​เช่นนั้น​ก็​เชิญ​ไป​ที่​ห้อง​หนังสือ​”​ ​หรง​เหยี​่​ยน​ขมวดคิ้ว​ใคร่ครวญ​ก่อน​ตัดสินใจ​ออก​ไป​เจอ

​ใน​ห้อง​หนังสือ​ ​หรง​เหยี​่​ยน​เข้า​ประตู​มาก​็​เห็น​ชายหนุ่ม​ชุด​ขาว​คน​หนึ่ง​กำลัง​นั่ง​ถือ​หนังสือ​ก้มหน้า​พลิก​อ่าน​ไปมา​อยู่​ริม​หน้าต่าง

​ครั้น​ได้ยิน​เสียง​ ​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ถึง​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​หรง​เหยี​่​ยน​ ​“ต​วน​อ๋อง​ ​เป็นเกียรติ​นัก​”

​หรง​เหยี​่​ยน​มอง​สำรวจ​อย่างละเอียด​ถึง​เห็น​ว่า​หนุ่ม​ผู้​นั้น​อายุ​คง​ราวๆ​ ​ยี่สิบ​สี่​ถึง​ยี่สิบ​ห้า​ปี​เท่านั้น​ ​ใบหน้า​หล่อเหลา​เหนือ​ใคร​ ​เพียงแต่​สีหน้า​ที่​ปรากฏ​ให้​เห็น​มี​แต่​ความ​เย็นชา​ราวกับ​น้ำแข็ง​ ​ดวงตา​ทั้งสอง​ข้าง​ยิ่ง​มองไม่เห็น​ความอ่อนโยน​เลย​สักนิด​ราวกับ​น้ำแข็ง​เย็นเฉียบ​ที่​ถึงแม้​จะ​ผ่าน​ไป​เป็น​หมื่น​ปีก​็​ไม่มีทาง​ละลาย​ได้

​“​คุณชาย​เป็น​ใคร​ ​มาหา​ข้ามี​เรื่อง​อัน​ใด​”​ ​หรง​เหยี​่​ยน​เอ่ย​ถาม

​หนุ่ม​ชุด​ขาว​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ ​“​มั่ว​เวิ​่น​ฉิง​”

​“​มั่ว​เวิ​่น​ฉิง​หรือ​”​ ​หรง​เหยี​่​ยน​ผงะ​ไป​ด้วย​ท่าที​ตกใจ​ ​“​เป็น​…​เจ้าสำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​ถึงแม้​สำหรับ​คนนอก​แล้ว​สำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​จะ​ลึกลับ​มาก​ ​แต่​ถึงอย่างไร​ก็​อยู่​ใน​เขตแดน​แคว้น​เย​่ว​์​ ​เช่นนั้น​เหล่า​เชื้อพระวงศ์​แคว้น​เย​่ว​์​จะ​ไม่รู้​จัก​ได้​เช่นไร

​หนุ่ม​ชุด​ขาว​พยักหน้า​ด้วย​สีหน้า​ราบเรียบ

​ก็​ไม่​แปลก​หาก​หรง​เหยี​่​ยน​จะ​ไม่เชื่อ​ ​มั่ว​เวิ​่น​ฉิง​เป็น​เจ้าสำนัก​ของ​เย​่า​หวัง​กู่​ซึ่ง​หาก​กล่าวถึง​ฝีมือ​การรักษา​แล้ว​ย่อม​พูด​ได้​อย่าง​สมศักดิ์ศรี​เลย​ว่า​อยู่​เหนือ​ใคร​ใน​ใต้​หล้า​ ​อีกทั้ง​เล่าลือ​กัน​ว่า​หาก​ลูกศิษย์​ของ​เย​่า​หวัง​กู่​อายุ​ครบ​สิบห้า​ปีก​็​ต้อง​ออก​ผจญ​ยุทธ​ภพ​ ​อีก​อย่าง​มั่ว​เวิ​่น​ฉิ​งก​็​มีชื่อเสียง​โด่งดัง​มาตั​้ง​แต่​อายุ​สิบห้า​สิบ​หก​ปีก่อน​แล้ว​ ​ถึงแม้​จะ​เป็นระยะ​เวลา​สั้น​ๆ​ ​เพียง​ชั่วพริบตา​เดียว​ ​แต่​หาก​ลอง​คำนวณ​ดูแล​้​วอ​ย่าง​น้อย​มั่ว​เวิ​่น​ฉิ​งก​็​น่าจะ​อายุ​สามสิบ​เอ็ด​สามสิบ​สอง​ปี​ ​ทว่า​บุรุษ​หนุ่ม​ตรงหน้า​ ​ก่อนหน้านี้​ที่​เดา​ว่า​เขา​อายุ​ยี่สิบ​สี่​ยี่สิบ​ห้า​เพราะ​ดู​จาก​ใบหน้า​อ่อนวัย​ของ​เขา​ ​มิเช่นนั้น​หาก​บอกว่า​เพิ่ง​บรรลุนิติภาวะ​เกรง​ว่า​ก็​คงมี​คน​เชื่อ​เช่นกัน

​“​ไม่เชื่อ​หรือ​”​ ​มั่ว​เวิ​่ย​ฉิง​เลิก​คิ้ว​เอ่ย​ถาม

​“​มิบั​งอาจ​ ​เพียงแต่​คิดไม่ถึง​ว่า​คุณชาย​มั่ว​จะ​เดินทาง​มาถึง​แคว้น​หวา​ ​ข้า​ก็​แค่​ตกใจ​เท่านั้น​”​ ​หรง​เหยี​่​ยน​เชื่อ​ว่า​บน​โลก​นี้​คงมี​ไม่​กี่​คนที​่​จะ​กล้า​หาเรื่อง​มั่ว​เวิ​่น​ฉิง​ ​ถึงแม้​ฝีมือ​วิทยา​ยุทธ​ของ​คนใน​สำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​เป็น​เช่นไร​บ้าง​จะ​ไม่มีใคร​รู้​ ​แต่​เรื่อง​พิษ​เป็น​เช่นไร​คนอื่นๆ​ ​ต่าง​รู้ดี​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​ว่า​อย่างน้อย​หมอ​มีชื่อ​ใน​ใต้​หล้า​เกิน​ครึ่ง​ล้วน​ออกมา​จาก​สำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​หรือ​กระทั่ง​มี​ความเกี่ยวข้อง​กับ​สำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​ ​เพราะเหตุนี้​ถึง​ทำให้​สำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​กลายเป็น​สำนัก​ที่​มี​ไม่​กี่​คน​บน​โลก​ใบ​นี้​ที่​คิด​จะ​กล้า​ล่วงเกิน​หรือ​สบประมาท

​“​ไม่รู้​ว่า​คุณชาย​มั่ว​มาที​่​นี่​ด้วย​เรื่อง​อัน​ใด​หรือ​”​ ​หรง​เหยี​่​ยม​เอ่ย​ถาม​ยิ้ม​ๆ​ ​การ​ได้​พูดคุย​ผูก​สัมพันธ์​กับ​เจ้าสำนัก​เย​่า​หวัง​กู่​ย่อม​เป็นเรื่อง​ที่​ดี

​มั่ว​เวิ​่น​ฉิง​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ ​“​มาหา​คน​”

​“​มาหา​ใคร​หรือ​ ​ข้า​สามารถ​ช่วย​ตามหา​ได้​หรือไม่​”

​แววตา​เย็นชา​ของ​มั่ว​เวิ​่น​ฉิ​งก​วาด​มอง​ใบหน้า​ของ​เขา​แล้ว​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ ​“​มู่​หร​งอ​วี​้​”

​หรง​เหยี​่​ยน​ชะงัก​ไป​ ​เพราะ​สีหน้า​ของ​มั่ว​เวิ​่น​ฉิง​เรียบ​นิ่ง​เกินไป​จึง​ทำให้​เขา​ดู​ไม่​ออก​ว่า​ตกลง​เขา​ผู้​นี้​มี​ความแค้น​กับ​มู่​หร​งอ​วี​้​หรือ​มี​ความเกี่ยวข้อง​อัน​ใด​ด้วยกัน​แน่​ ​ขณะที่​กำลัง​ชั่งใจ​ก็ได้​ยิน​มั่ว​เวิ​่น​ฉิง​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​เขา​อยู่​ที่นี่​ ​ข้า​ช่วย​เขา​ได้​”

​“​…​”

​เพื่อ​จับกุม​ตัว​พวก​มู่​ชิง​อี​ ​ทั้ง​นอก​และ​ใน​เมืองหลวง​จึง​มี​คน​คุ้มกัน​อย่าง​แน่นหนา​ ​ขบวน​เดินทาง​กลับ​ซี​หลิง​ต้อง​หยุดชะงัก​ลง​เพราะ​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​หรง​เหยี​่​ยน​ยัง​ไม่​ฟื้นตัว​ดี​และ​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​องค์​หญิง​ไหว​หยาง​ยัง​สาหัส​เลย​ต้อง​อยู่​ต่อ​ชั่วคราว​ ​ขณะเดียวกัน​ใน​เมืองหลวง​ก็​จัด​พิธีศพ​อยู่​หลาย​จุด​และ​ปกคลุม​ไป​ด้วย​ความ​โศกเศร้า​ตกแต่ง​ด้วย​ผ้า​สีขาว​ดำ​ตลอด​เดือน​เจ็ด

​พวก​มู่​ชิง​อี​ทั้ง​สาม​คนยัง​คง​พัก​อยู่​ใน​กระท่อม​นอกเมือง​ ​ถึงแม้​ตัดสินใจ​แล้ว​ว่า​จะ​ไป​จาก​แคว้น​หวา​ ​แต่​ใช่​ว่า​บท​จะ​ไป​ก็​ตัดใจ​ไป​ได้​เลย​จริงๆ​ ​ด้วย​อิทธิพล​ที่​เหลือของ​ตระกูล​กู้​ต้อง​จัดการ​วาง​ใหม่​ทั้งหมด​ ​เพียงแต่​คนที​่​ส่งออก​มาตาม​จับกุม​ตัว​พวกเขา​มีอยู่​ไม่น้อย​ ​พวกเขา​ทั้ง​สาม​เลย​ทำได้​แค่​อยู่​ใน​กระท่อม​ไม่​โผล่​หน้า​ออก​ไป​ไหน​อย่าง​ช่วยไม่ได้

​วันนี้​ขณะที่​พวก​มู่​ชิง​อีกำ​ลัง​นั่ง​สนทนา​กัน​อยู่​ใน​ห้อง​ ​องครักษ์​ด้านนอก​ก็​รีบ​พุ่งตัว​เข้ามา​ร้อง​ขึ้น​ว่า​ ​“​คุณชาย​แย่​แล้ว​!​ ​องครักษ์​ใน​วัง​มา​แล้ว​ขอรับ​!​”

​มู่​ชิง​อี​เอ่ย​อย่าง​ตกอกตกใจ​ ​“​อะไร​นะ​ ​ทำไม​ถึง​…​”

​พูด​ยัง​ไม่ทัน​จบ​ ​อู๋​ซิน​ก็​พุ่งตัว​ตาม​เข้ามา​เอ่ย​เสียง​ขรึม​ ​“​คุณหนู​ ​เนี่ย​อวิ​๋น​ ​เซ่า​จิ​่น​และ​จ้าว​จื่อ​อวี​้​พา​คน​มุ่งหน้า​มาทาง​นี้​แล้ว​”

​มู่​ชิง​อีส​งบ​สติอารมณ์​แล้ว​เอ่ย​ ​“​พวกเขา​มา​เพื่อ​ตรวจค้น​หรือ​ได้​ข้อมูล​ยืนยัน​มา​แล้ว​”​ ​อู๋​ซิน​กล่าว​ ​“​พวกเขา​พา​คน​มา​ไม่น้อย​ ​มี​ความเป็นไปได้​สูง​มาก​ว่า​จะ​ได้รับ​ข้อมูล​ยืนยัน​มา​แล้ว​”

​หาก​ตอนนี้​มัว​แต่​ไตร่ตรอง​ว่า​เบาะแส​ของ​พวกเขา​ถูก​แพร่งพราย​ออก​ไป​ได้​เช่นไร​ก็​ไม่มี​ประโยชน์​ ​พวกเขา​ต้อง​หนี​อันตราย​ครั้งนี้​ไป​ให้​ได้​ก่อน​ถึง​จะ​เป็นเรื่อง​สำคัญ​ที่สุด

​“​อู๋​ซิน​ ​เจ้า​พาชิ​งอี​รีบ​หนี​ไป​ทาง​ประตู​หลัง​ก่อน​ ​พวก​เจ้า​สอง​คน​เป็น​แค่​เป้าหมาย​เล็ก​ๆ​ ​พวกเขา​ตามหา​พวก​เจ้า​ไม่​เจอ​ง่ายๆ​ ​แน่นอน​”​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​ลุกขึ้น​เอ่ย​เสียง​ขรึม

​“​ไม่ได้​!​”​ ​มู่​ชิง​อีก​ล่าว​ปฏิเสธ​เสียงแข็ง​ ​นาง​จะ​หนี​ไป​คนเดียว​ได้​เช่นไร

​“​อู๋​ซิน​ ​เจ้า​พา​พี่ใหญ่​หนี​ไป​ ​ข้า​กับ​พี่ชาย​จะ​อยู่​ที่นี่​”​ ​มู่​ชิง​อีก​ล่าว​เสียง​หนักแน่น

​มู่​หรง​ซีนวด​หว่าง​คิ้ว​รู้สึก​ปวดเศียรเวียนเกล้า​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​หยุด​ทะเลาะ​กันได​้​แล้ว​ ​มิเช่นนั้น​คง​ไม่มีใคร​ได้​หนี​ไป​ทั้งนั้น​ ​อู๋​ซิน​ ​เจ้า​พาตั​วชิ​งอี​หนี​ไป​ ​ข้า​จะ​พา​คนอื่นๆ​ ​และ​ซิ่ว​ถิง​หนี​ไป​อีก​ฝั่ง​ ​แยกย้าย​กัน​ไป​จะ​ปลอดภัย​กว่า​”

​มู่​ชิง​อี​และ​กู้​ซิ่ว​ถิง​ล้วน​ไร้ความสามารถ​ใน​การต่อสู้​ ​อู๋​ซิน​ฝีมือ​วิทยา​ยุทธ​ใช้ได้​ ​หาก​พา​ผู้หญิง​ไป​คนเดียว​น่าจะ​ดีกว่า​แบก​ผู้ชาย​คน​หนึ่ง​ไป​ด้วย​ซึ่ง​คง​กินแรง​มากกว่า​ ​ที่นี่​ก็​มี​องครักษ์​อยู่​พอสมควร​ ​อีกทั้ง​วิทยา​ยุทธ​ของ​มู่​หรง​ซี​เอง​ก็​ไม่ได้​แย่​ ​หาก​นำ​องครักษ์​และ​คุ้มกัน​กู้​ซิ่ว​ถิ​งอ​อก​ไป​อาจจะ​พอ​หนี​ได้​บ้าง

​มู่​ชิง​อี​และ​กู้​ซิ่ว​ถิง​สบตา​กัน​และ​เข้าใจ​ดี​ว่าความ​คิด​ของ​มู่​หรง​ซี​เป็น​วิธีการ​ที่​ดีที​่​สุด​แล้ว​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​ยกมือ​ลูบ​ศีรษะ​ของ​มู่​ชิง​อี​เอ่ย​เสียงอ่อน​โยน​ ​“​ระวังตัว​ด้วย​ ​หาก​ภายหลัง​กลับมา​รวมตัวกัน​ไม่ได้​ ​พี่ใหญ่​จะ​ไปหา​เจ้าที่​แคว้น​เย​่ว​์​ก็แล้วกัน​”

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท