มู่ชิงอีกัดริมฝีปากเบาๆ พยักหน้ากล่าว “ข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่…พี่ชาย พวกท่านก็ต้องรักษาตัวดีๆ นะเจ้าคะ”
อู๋ซินพรูลมหายใจ เก็บข้าวของอย่างลวกๆ ก่อนจะลากตัวมู่ชิงอีออกไป เขาเป็นองครักษ์ที่หรงจิ่นมอบให้มู่ชิงอีย่อมต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทุกอย่างของคุณหนูอยู่แล้ว แต่หากคุณหนูยังยืนกรานจะให้เขาคุ้มกันคุณชายใหญ่ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำเช่นไร
วิชาตัวเบาของอู๋ซินดีไม่น้อย เพียงครู่เดียวก็ไปถึงที่ราบระหว่างสองหุบเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมนัก พอหันกลับไปก็เห็นพวกเนี่ยอวิ๋นนำเหล่าองครักษ์ในวังและทหารอารักขากลุ่มใหญ่ไปล้อมกระท่อมไว้ตามคาด
มู่ชิงอีขมวดคิ้วขบคิดอย่างเงียบๆ หากมีเนี่ยอวิ๋นอยู่ด้วย โอกาสที่พวกพี่ใหญ่จะหนีรอดคงริบหรี่มาก
ไม่นานในกระท่อมก็เกิดประกายไฟขึ้นมา มู่ชิงอีกัดฟันกล่าว “อู๋ซิน เจ้าล่อคนมาทางนี้ได้หรือไม่”
อู๋ซินมองมู่ชิงอีด้วยความลำบากใจ ลำพังแค่เขาคนเดียว ต่อให้อยากแค่ไหนแต่การล่อคนกลุ่มใหญ่อย่างพวกเขามาทางนี้กลับเป็นเรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูก็จะตกอยู่ในอันตราย “คุณหนู โปรดเห็นแก่ความปลอดภัยของคุณหนูเป็นหลักด้วย”
“หากข้าปลอดภัยเพียงคนเดียว พวกพี่ใหญ่ก็จบสิ้นกันพอดี” มู่ชิงอีเอ่ยเสียงขรึม “ถ้าทำไม่ได้…เช่นนั้นพวกเราก็ลุยด้วยกันเถิด”
อู๋ซินถอนหายใจอย่างจนใจ ทำได้แค่พามู่ชิงอีมุ่งหน้าไปทางที่พวกกู้ซิ่วถิงและมู่หรงซีจะหลบหนี คุณหนูวางกลอุบายจัดการคนนอกโดยไม่คิดออมมือเลยสักนิด อีกทั้งแม่นยำและไร้ซึ่งความปรานีจนน่าตกใจ แต่ยามที่เผชิญหน้ากับเรื่องของคุณชายกู้ กลับกระวนกระวายใจราวกับหากไม่ได้ให้ความสนใจคุณชายกู้แล้วจะขาดใจตายเสียอย่างนั้น
ระหว่างการหลบหนี เหล่าองครักษ์ตระกูลกู้จะมีฝีมือสู้องครักษ์ในวังและทหารอารักขาที่ถูกคัดสรรฝึกซ้อมมาอย่างดีได้เช่นไร พอไล่ล่ากันไปถึงช่องเขาที่คับแคบแห่งหนึ่ง ในที่สุดก็ถูกไล่ตามจนทัน ถึงแม้ระหว่างนั้นจะมีองครักษ์ที่มีความจงรักภักดีหลอกล่อดึงดูดความสนใจของคู่ต่อสู้จนแบ่งทหารไล่ตามไปไม่น้อย แต่กำลังหลักกลับไล่ตามหลังกู้ซิ่วถิงและมู่หรงซีอย่างเอาเป็นเอาตายไม่เลิกรา
“ผิงอ๋อง โปรดกลับไปกับพวกเราเถิด” จ้าวจื่ออวี้มองมู่หรงซีที่กุมดาบยาวพลางคุ้มกันตัวกู้ซิ่วถิงไว้ด้านหลังตรงหน้า ถอนหายใจเสียงเบาแล้วเอ่ยขึ้น
มู่หรงซียิ้มขมขื่นกล่าว “ข้ากลับไปกับพวกเจ้าแล้วปล่อยคนอื่นไปได้หรือไม่เล่า”
จ้าวจื่ออวี้ส่ายศีรษะอย่างจนใจเช่นกัน พวกเขาปฏิบัติตามพระบัญชาของฝ่าบาท ตอนนี้คนที่ติดตามมาไม่ใช่คนสนิทหรือวางใจได้ของพวกเขา หากฮ่องเต้แคว้นหวารู้ว่าพวกเขาปล่อยตัวกู้ซิ่วถิงไปทั้งๆ ที่อยู่ตรงหน้า เกรงว่าวันเวลาของพวกเขาสามคนก็คงสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ นี่ไม่ใช่แค่ชีวิตของพวกเขาสามคนเท่านั้น นอกจากเนี่ยอวิ๋นแล้ว จ้าวจื่ออวี้และเซ่าจิ่นต่างมีครอบครัวกันทั้งนั้น
เดิมทีมู่หรงซีก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้วจึงยิ้มบางเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลงมือเถิด พวกเจ้าฆ่าข้าแล้วถึงจะเอาตัวเขาไปได้” ในเมื่อได้ออกมาแล้ว ชั่วชีวิตนี้มู่หรงซีก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบเมืองหลวงแคว้นหวาอีก โดยเฉพาะวังหลวงที่เย็นยะเยือกและไร้ความปรานีแห่งนั้น
เซ่าจิ่นยิ้มเฝื่อนกล่าว “เหตุใดผิงอ๋องต้องทำเช่นนี้ด้วย พวกกระหม่อมเองก็ทำไปตามพระราชโองการ ท่านทั้งสองโปรดกลับวังไปพร้อมกับพวกข้าเถิด” ไม่ว่าจะเป็นอดีตองค์รัชทายาทหรือคุณชายใหญ่สกุลกู้ พวกเขาก็ไม่อยากลงไม้ลงมือกับใครเลย บางทีอาจเป็นเพราะคนที่ยอมรับในโชคชะตาอย่างพวกเขารู้สึกเลื่อมใสคนที่มีความกล้ามากกว่าพวกตน ถึงแม้ครั้งนี้พวกเขาเหล่านี้จะก่อเรื่องวุ่นวายจนทำให้พวกตนปวดเศียรเวียนเกล้าก็จริง แต่ก็อดกล่าวไม่ได้ว่าจัดการได้เยี่ยมยอดมากจริงๆ!
ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างยังคงอยู่ตรงช่องเขาอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่เพราะสถานที่คับแคบเกินไปจึงไม่ค่อยเอื้อให้พวกเขาพุ่งเข้าไปหาสักเท่าไรนัก อีกทั้งด้วยฝีมือวิทยายุทธของผิงอ๋อง นอกจากจ้าวจื่ออวี้และเนี่ยอวิ๋นแล้ว ไม่ว่าใครเข้ามาผลลัพธ์ส่วนมากก็คือถูกบั่นคอตายเรียบไม่มีเหลือ
“ข้ามีคำถามข้อหนึ่ง พวกท่านโปรดช่วยไขให้กระจ่างที” กู้ซิ่วถิงที่อยู่ด้านหลังมู่หรงซีเอ่ยถามเสียงเรียบ
จ้าวจื่ออวี้พยักหน้ากล่าว “เชิญคุณชายกู้ว่ามาเถิด”
กู้ซิ่วถิงเอ่ย “ทุกท่านตามหาพวกเราเจอได้เช่นไรหรือ”
จ้าวจื่ออวี้และเซ่าจิ่นสบตากัน เซ่าจิ่นเอ่ยตอบ “ผีเสื้อหลงทางสามารถตามหาตัวผิงอ๋องได้”
ผีเสื้อหลงทางหรือ กู้ซิ่วถิงใช้สมองลองตรึกตรองดูแต่กลับไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ทว่าเขาก็พอจะเดาออกว่าเจ้านั่นคืออะไร เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาไขปริศนานี้ เขาทำได้แค่จดไว้ในใจรอวันหน้ามีโอกาสรอดไปได้ค่อยไขคำตอบนี้อีกที แต่หากไม่มีวันหน้าแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบนี้เช่นกัน
เซ่าจิ่นไม่ได้อธิบายว่าตกลงแล้วเจ้าผีเสื้อหลงทางคืออะไร ตอนนี้พวกเขากำลังใช้สมองคิดว่าจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ลำบากในตอนนี้ไปได้เช่นไร อีกทั้งจะต่อกรสู้กับผิงอ๋องเช่นนี้ก็ไม่ได้แน่นอน ถึงแม้จะเอาชนะได้แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่อยากฆ่าผิงอ๋อง ทว่าปล่อยไปก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะพวกเขายังมีครอบครัวและอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
มู่หรงซีรู้ว่าด้วยอารมณ์ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครอ่อนข้อให้ใครแน่นอน เขาหันไปมองกู้ซิ่วถิงอย่างรู้สึกผิดแวบหนึ่ง “ซิ่วถิง...ข้าขอโทษ ข้าพลอยทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วย”
กู้ซิ่วถิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจกล่าว “พี่ชายพูดเรื่องน่าขันแล้ว กระหม่อมต่างหากที่ทำให้ท่านเดือดร้อนถึงจะถูก” ด้วยสถานะของมู่หรงซี องครักษ์ในวังและทหารอารักขาไม่มีทางลงมืออย่างโหดเหี้ยมแน่นอน อีกทั้งด้วยวิทยายุทธของเขาหากคิดจะหลบหนีก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ตนต่างหากที่เป็นตัวถ่วงถึงจะถูก
มู่หรงซียิ้มพลางส่ายศีรษะ ในเมื่อน้องชายไม่ติดใจอะไร เขาก็ไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจเช่นกัน ถึงอย่างไร…ก็เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วมิใช่หรือ
มู่หรงซีตวัดดาบยาวในมือแล้วชี้ไปที่ทุกคนตรงหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “หัวหน้าองครักษ์เนี่ย ลงมือเถิด”
“หัวหน้าองครักษ์เนี่ย อานซีจวิ้นอ๋อง รีบจับตัวให้ได้แล้วกลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงานฝ่าบาทกันเถิด!” เนี่ยอวิ๋นยังไม่พูดอะไร แต่บุรุษวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบทหารองครักษ์วังหน้าที่อยู่ด้านหลังพวกเขาสามคนกลับข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้ว เขาคือรองหัวหน้าองครักษ์วังหน้าที่ฮ่องเต้แคว้นหวาเพิ่งดึงตัวขึ้นมา ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ เพียงแต่ฝีมือวิทธยายุทธดีใช้ได้ เขาติดตามรับใช้ฮ่องเต้แคว้นหวามาสิบกว่าปีแล้วย่อมเป็นหนึ่งในคนสำคัญของฮ่องเต้แคว้นหวาเช่นกัน เขาปรารถนาอยากมาแทนที่เนี่ยอวิ๋น ถึงแม้อายุของเนี่ยอวิ๋นจะน้อยกว่าเขา แต่เรื่องฝีมือวิทยายุทธ ต่อให้เขาประจบสอพลอก็เทียบชั้นไม่ได้อยู่ดี
ครั้งนี้ที่เขาออกมากับพวกเนี่ยอวิ๋น หากบอกว่ามาช่วยเป็นแรงเสริมสู้บอกว่ามาคอยสอดส่องจะดีกว่า ในเมื่อจ้าวจื่ออวี้และเนี่ยอวิ๋นออกมาพร้อมกัน เช่นนั้นความเป็นไปได้ที่อยากได้แรงเสริมจึงน้อยนิดมากจริงๆ
เนี่ยอวิ๋นหันไปมองเขาด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่งเอ่ย “ในเมื่อรองหัวหน้าองครักษ์หวังอดใจรอไม่ไหวก็ลุยเข้าไปก่อนเลย”
“ชิ…” บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นพูดไม่ออกทันที เขาติดตามรับใช้ฮ่องเต้แคว้นหวามาสิบกว่าปีแล้วจะไม่รู้เรื่องฝีมือของผิงอ๋องได้เช่นไร ต่อให้ฝีมือของเขาจะเหนือกว่าผิงอ๋องแต่หากลงไม้ลงมือบนถนนที่คับแคบขนาดนี้ ไม่แน่หากเผลอไม่ทันระวังถูกสลัดลงเหวไปเล่า หากไม่มั่นใจว่าจะกำราบอีกฝ่ายได้แน่นอน เขาย่อมไม่คิดจะเสี่ยงด้วยอยู่แล้ว เขายังไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าองครักษ์วังหน้าเลย
จ้าวจื่ออวี้แค่นเสียงเบา พยักหน้ากล่าว “เนี่ยอวิ๋นพูดถูก รองหัวหน้าองครักษ์หวังลุยก่อนเลยเถิด ลำพังแค่ต่อกรกับผิงอ๋องก็ต้องให้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งออกโรงเลยหรือ”
“เอ่อคือ…” จ้าวจื่ออวี้กับเนี่ยอวิ๋นไม่เหมือนกัน จ้าวจื่ออวี้เป็นจวิ้นอ๋องที่ฮ่องเต้แคว้นหวาไว้วางใจและเชื่อมั่นในความสามารถทางการทหารอย่างแท้จริง ในเมื่อเขาเอ่ยปากเช่นนี้แล้ว รองหัวหน้าองครักษ์ย่อมเมินใส่ไม่ได้ เขาทำได้แค่ขานรับอย่างจนใจ “ขอรับ จวิ้นอ๋อง”
หากว่ากันอย่างเป็นธรรม ในเมื่อรองหัวหน้าองครักษ์หวังเป็นที่ถูกใจของฮ่องเต้แคว้นหวาจนชุบตัวขึ้นมาย่อมต้องมีฝีมือการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เพียงแต่ต่างกับมู่หรงซีที่สู้สุดแรงพร้อมยอมตาย เพราะเขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าเขาต้องการสิ่งใด แต่หากตายไปเขาก็จะไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ดังนั้นจากพลังความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจึงเป็นต่ออีกฝ่าย