หรงจิ่นลูบคางไปมาราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์ “บังเอิญขนาดนั้นเชียว…ยามที่มู่หรงอวี้อาการปางตายก็มีหมอฝีมือดีโผล่มาเลยหรือ อืม…เหมือนชิงชิงจะเคยบอกว่ามารดาของมู่หรงอวี้ก็มีฝีมือไม่ธรรมดาเหมือนกัน ดูท่าทางจูซื่อผู้นี้…น่าสนใจไม่เบาจริงๆ ลองตามสืบดูว่าคนของเย่าหวังกู่…มีความเกี่ยวพันกับตระกูลจูหรือไม่”
อู๋ฉิงอดไม่ได้ที่จะผงะกับความคิดที่ถลำลึกไปไกลขององค์ชายของตน แต่เขาก็ยังพยักหน้าขานรับอย่างนอบน้อม “กระหม่อมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ขณะเดียวกันในพระตำหนักฉินเจิ้งแห่งวังหลวง กำลังอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม
ฮ่องเต้แคว้นหวาทอดพระเนตรไปยังกลุ่มคนตรงหน้าในพระตำหนักด้วยสีหน้าถมึงทึง สุดท้ายก็เลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่เนี่ยอวิ๋นแล้วตรัสถาม “หนีไปกันหมดเลยหรือ หัวหน้าองครักษ์วังหน้าของเรา…ช่างทำให้เราผิดหวังนัก!”
เนี่ยอวิ๋นหลุบตาลงเอ่ยเสียงหนักแน่น “กระหม่อมไร้ความสามารถ ฝ่าบาททรงลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นหวาตรัสอย่างเกรี้ยวโกรธ “ลงโทษหรือ ลงโทษแล้วจะจับคนทรยศบ้านเมืองพวกนั้นมาได้หรือ เนี่ยอวิ๋น เจ้าช่างเหิมเกริมบังอาจขัดพระราชโองการของเราอย่างนั้นหรือ”
“ฝ่าบาทโปรดอย่ากริ้วเลย!” จ้าวจื่ออวี้รีบเปิดปากเอ่ย “หัวหน้าองครักษ์เนี่ยมีใจจงรักภักดีต่อฝ่าบาท มิบังอาจขัดพระบัญชาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“หืม” ฮ่องเต้แคว้นหวากลับไม่เผยสีหน้ายินดีเลยสักนิด พระองค์เพียงมองจ้าวจื่ออวี้อย่างเย็นชาแล้วตรัสว่า “เช่นนั้นเจ้าบอกเรามาว่าคนที่ป่วยออดแอดคนหนึ่งจะพาคนที่ไม่มีวิทยายุทธติวตัวเลยสองคนหนีรอดเงื้อมมือยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแคว้นหวาไปได้เช่นไร หรือจะบอกว่าความจริงแล้วสมญานามยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแคว้นหวาอย่างเนี่ยอวิ๋นเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่กุชื่อเสียงจอมปลอมขึ้นมาอย่างนั้นหรือ”
“ฝ่าบาท…” จ้าวจื่ออวี้รู้สึกตื่นตระหนกทันที ความจริงเรื่องวันนี้ยากที่จะอธิบายได้ อย่าว่าแต่ฮ่องเต้แคว้นหวาเลย เพราะแม้แต่ตัวจ้าวจื่ออวี้เองยังนึกสงสัย ด้วยความสามารถของเนี่ยอวิ๋น ไม่ว่าเช่นไรก็ไม่น่าปล่อยให้จังชิงหนีรอดไปได้ก่อนหน้านี้ตอนที่เนี่ยอวิ๋นบอกให้พวกเขาถอยออกไปก่อน เขาก็รู้สึกตงิดใจแปลกๆ เช่นกัน เดิมทีนึกว่าเนี่ยอวิ๋นจะเอาอยู่ แต่นึกไม่ถึงว่า…
แต่ต่อให้จ้าวจื่ออวี้จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เนี่ยอวิ๋นกับจังชิงผู้นั้นเจอหน้ากันเพียงสองครั้งแท้ๆ พวกเขาสนิทสนมกันมากขนาดไหนถึงทำให้เขากล้าขัดพระราชโองการของฝ่าบาทได้นะ
“ฝ่าบาท ตอนนั้นในมือของจังชิงมีอาวุธลับร้ายกาจอย่างหนึ่ง อีกทั้งข้างกายก็มียอดฝีมือคนหนึ่งคอยให้ความช่วยเหลือด้วย หัวหน้าองครักษ์เนี่ย…” เซ่าจิ่นหาข้อแก้ต่างให้เนี่ยอวิ๋นอย่างยากลำบาก
“หุบปาก!” ฮ่องเต้แคว้นหวากล่าวตำหนิ “หวังเหลียง เจ้าว่ามาสิ!”
รองหัวหน้าองครักษ์หวังลอบยิ้มในใจ เขารีบสาวเท้าก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พร้อมใส่สีตีไข่รอบหนึ่ง เขาย่อมเน้นเรื่องที่ว่าเนี่ยอวิ๋นทำงานสะเพร่าอย่างไร รวมถึงเห็นอกเห็นใจผิงอ๋องขนาดไหน สุดท้ายยังสั่งให้พวกเขาถอยไปรอที่ตีนเขาจนปล่อยโอกาสให้พวกจังชิงหนีรอดไปได้ รอกระทั่งพวกเขารู้ตัวพวกจังชิงก็หนีไปได้ครึ่งชั่วยามแล้ว ทันทีที่หลบหนีออกจากเมืองหลวงไปก็ย่อมซ่อนตัวหนีไปได้ทุกหนทุกแห่ง เช่นนี้จะไล่ล่าตามตัวพวกเขาได้เช่นไรอีก
“เนี่ยอวิ๋น! เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่” ฮ่องเต้แคว้นหวาคำรามเสียงดุดันอย่างเกรี้ยวโกรธ
เนี่ยอวิ๋นก้มศีรษะกล่าว “กระหม่อมไม่มีอะไรจะพูด ฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดี! ดี...” ฮ่องเต้แคว้นหวาหายใจหอบถี่ด้วยความโมโห ตรัสเสียงสูงแหลม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ก็เอาตัวไปประหารเดี๋ยวนี้!”
จ้าวจื่ออวี้และเซ่าจิ่นล้วนตกใจ รีบลุกขึ้นเอ่ย “ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“อย่าทรงกริ้วอย่างนั้นหรือ” ฮ่องเต้แคว้นหวายิ้มเยาะแล้วจับจ้องเนี่ยอวิ๋นด้วยสีหน้าราบเรียบ หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปฮ่องเต้แคว้นหวาคงไม่มีวันเชื่อใจเนี่ยอวิ๋นอีกแน่นอน แต่กลับไม่ต้องสงสัยในฝีมือวิทยายุทธของเนี่ยอวิ๋นเลย ยอดฝีมือลำดับต้นๆ เช่นนี้ หากไม่สามารถเอามาใช้งานให้ตนได้ เช่นนั้นฮ่องเต้แคว้นหวาก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปอยู่แล้ว เพราะไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งอาจจะกลายมาเป็นศัตรูของเขาก็ได้
เซ่าจิ่นคัดค้านโดยไม่คิดสนใจอะไรอีก เอ่ยเสียงสูง “เนี่ยอวิ๋นซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อฝ่าบาท แต่ไหนแต่ไรมาก็สร้างแต่คุณงามความดี ฝ่าบาทประหารเขาด้วยเรื่องแค่นี้อาจทำให้คนอื่นๆ ผิดหวังได้พ่ะย่ะค่ะ”
“กำเริบเสิบสานนัก!” ฮ่องเต้แคว้นหวาคำรามด้วยความโมโห
เซ่าจิ่นกัดฟันคุกเข่าลงกับพื้นแต่กลับยืนกรานไม่กล่าวขออภัยโทษใดๆ เห็นได้ชัดว่าเขายังยืนยันในความคิดของตนเอง จ้าวจื่ออวี้ที่อยู่ด้านข้างก็เปิดปากเอ่ยเช่นกัน “เรื่องที่ปล่อยให้พวกจังชิงหนีไปได้ พวกกระหม่อมเองก็มีความผิดเช่นกัน ฝ่าบาททรงเมตตาไว้ชีวิตเนี่ยอวิ๋นด้วยเถิด”
ฮ่องเต้แคว้นหวาอาจเมินต่อคำโน้มน้าวของเซ่าจิ่นได้ แต่เขากลับมองข้ามคำพูดของจ้าวจื่ออวี้ไม่ได้ เขาทำลายจวนซู่เฉิงโหวและจูเปี้ยนผิงหนานจวิ้นอ๋องไปแล้ว อีกทั้งองค์ชายก็เหลืออยู่ไม่กี่คน หากเขายังฆ่าอานซีจวิ้นอ๋องที่มีกองกำลังสำคัญในมืออีก เกรงว่าราชสำนักคงสั่นคลอนขึ้นมาจริงๆ อีกอย่างจ้าวจื่ออวี้ก็ยังเป็นหน้าเป็นตาเรื่องสงครามและเป็นโล่กำบังอันแข็งแกร่งของแคว้นหวาที่ใช้ต่อกรกับเป่ยฮั่นได้ ถึงแม้ฮ่องเต้แคว้นหวาจะโมโหจนมุทะลุไปบ้างแต่ก็ไม่คิดทำลายตัวเองแน่นอน
เพราะเหตุนี้สำหรับจ้าวจื่ออวี้แล้ว ฮ่องเต้แคว้นหวายังคิดจะเอาใจแล้วดึงเขาเข้ามาเป็นพวก พระองค์กวาดตามองเนี่ยอวิ๋นอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง เนี่ยอวิ๋นกับจ้าวจื่ออวี้มีความสัมพันธ์เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน เดิมทีเนี่ยอวิ๋นเองก็เป็นคนรักความเป็นธรรมมาก ขอแค่กำราบจ้าวจื่ออวี้ได้ก็ไม่ต้องกลัวว่าเนี่ยอวิ๋นจะเหิมเกริมเลย หากมีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้น พอถึงตอนนั้นค่อยฆ่าทิ้งก็ได้!
“ในเมื่ออานซีจวิ้นอ๋องเอ่ยขอชีวิตเนี่ยอวิ๋น เราก็จะไว้ชีวิตเจ้า” ฮ่องเต้แคว้นหวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ถึงจะไม่ประหารแต่ก็ต้องมีการลงโทษ ขอถอดถอนตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์วังหน้าของเนี่ยอวิ๋นแล้วลดขั้นเป็นเพียงองครักษ์ระดับสาม นอกจากนี้ต้องโดนโบยอีกสองร้อยที!”
เซ่าจิ่นอดสูดลมหายใจเข้าทางปากไม่ได้ โบยสองร้อยที...ลำพังคนทั่วไปโบยสามสิบถึงห้าสิบทีก็แทบไม่รอดแล้ว ต่อให้เนี่ยอวิ๋นจะมีกำลังภายในป้องกันตัว แต่ด้วยนิสัยของเนี่ยอวิ๋นไม่มีทางใช้กำลังภายในแน่นอน หากมีคนแอบเล่นตุกติก เกรงว่าต่อให้เนี่ยอวิ๋นไม่ตายก็ต้องพิการ
อีกอย่างลดตำแหน่งเป็นแค่องครักษ์ระดับสาม ถึงแม้เดิมทีตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์วังหน้าจะเทียบไม่ได้กับคนในราชสำนักแต่ก็สูงกว่าพวกข้าหลวงระดับสอง ทว่าบัดนี้กลับถูกลดมาอยู่ในระดับสาม ปกติองครักษ์ระดับสามในวังทำหน้าที่แค่เฝ้าประตูใหญ่เท่านั้น พระองค์จะเอายอดฝีมืออันดับหนึ่งของแคว้นหวาไปเฝ้าประตูใหญ่หรือ เวลานี้เซ่าจิ่นเข้าใจแล้วว่าฮ่องเต้แคว้นหวาเพียงโกรธแล้วลำเอียง แค่อยากทำให้เนี่ยอวิ๋นขายหน้าก็เท่านั้น
แต่ยามเผชิญกับความเกรี้ยวโกรธของฮ่องเต้แคว้นหวา นี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาพอจะทำได้แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่เลือกไม่ได้เช่นนี้พวกเขาสามคนเลยทำได้แค่เอ่ยขอบพระทัยอย่างพร้อมเพรียงกัน “ ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากไล่พวกเนี่ยอวิ๋นออกไปแล้ว ฮ่องเต้แคว้นหวาก็นั่งเหม่อลอยเพียงลำพังอยู่ในพระตำหนัก จู่ๆ ก็รู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในตลอดสองเดือนมานี้เหมือนดั่งความฝันที่ผุดขึ้นในสมองของเขาไม่หยุด
เพราะเหตุนี้ความโกรธที่มีต่อเนี่ยอวิ๋นในครั้งนี้ ความจริงส่วนมากเป็นแค่ความโกรธที่สะสมมานาน กระทั่งเวลานี้ฮ่องเต้แคว้นหวาก็อดยอมรับไม่ได้ว่าตนถูกคนอื่นปั่นหัว แรกเริ่มเรื่องจิ่วจ่วนหลิงหลงในวันคล้ายวันพระราชสมภพ กระทั่งวันงานเลี้ยงฉลองอภิเษกของจวนองค์ชายเก้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาถูกปั่นหัวจนสับสนไปหมด อีกอย่างเขาก็สูญเสียไปไม่น้อยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เขายังนึกรำคาญเรื่องแก่งแย่งชิงดีกันระหว่างเหล่าองค์ชาย แต่ภายในระยะสิบปีนี้เขาคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องนี้อีก นอกจากฝูอ๋องมู่หรงเค่อแล้ว องค์ชายที่อายุสิบชันษามีทั้งสวรรคตและบาดเจ็บทั้งสิ้น
พรูด! เลือดสีแดงสดถูกพ่นออกมาจากปากของฮ่องเต้แคว้นหวา
“ฝ่าบาท!” ขันทีที่แสร้งทำตัวเป็นเสามาตลอดรีบรุดหน้าเข้าไปประคองฮ่องเต้แคว้นหวาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ฝ่าบาท! ฝ่าบาท….เร็วเข้า ใครก็ได้ไปตามหมอหลวงมาที!”
ฮ่องเต้แคว้นหวาผลักคนที่เข้ามาประคองตนไว้ออกในคราเดียวแล้วยกมือขึ้นปาดรอยเลือดริมฝีปาก ยิ้มเย็นชาพลางตรัสว่า “ลูก…ลูกหลานตระกูลกู้ตัวแสบ กู้ซิ่วถิงตัวดี! รวมถึงบุตรชายตัวดีของเราด้วย! องค์รัชทายาทตัวดี!”
“ใครก็ได้เข้ามานี่ ถ่ายทอดพระราชโองการของเราลงไปว่าจับตายกู้ซิ่วถิงและมู่หรงซี! ใครที่เอาหัวมันมาได้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นกั๋วกง[1] รวมถึงประทานเงินรางวัลให้อีกหมื่นตำลึงทอง!” เสียงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายพยาบาทของฮ่องเต้แคว้นหวาดังสะท้อนไปทั่วทั้งพระตำหนัก
[1]กั๋วกง เป็นตำแหน่งที่ส่วนใหญ่แล้วฮ่องเต้จะประทานให้ขุนนาง แต่มีลำดับต่ำกว่าจวิ้นอ๋อง
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง