หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 295 ลูกน้องทรงอิทธิพลเริ่มโค่นล้มเจ้านาย (2)

หวนคืนชะตาแค้น

นับ​ต่อจากนี้​ไป​ ​ชื่อเสียง​ใน​เรื่อง​ของ​ความโหด​ของ​องค์​ชาย​เก้า​ก็​ยิ่ง​มากขึ้น​ ​เพิ่ม​ระดับ​ความ​น่ากลัว​ให้​ตัวเอง​จน​ใครต่อใคร​กระทั่ง​ลูกเล็กเด็กแดง​ที่​ร้องห่มร้องไห้​ตอนกลางคืน​ต่าง​เงียบกริบ​ได้​สำเร็จ​เลย​ทีเดียว

เมื่อ​ได้ยิน​ข่าว​นี้​อู๋​ซิน​ก็​พาน​ตัวสั่น​สะท้าน​ตาม​ไป​ด้วย​ ​เขา​เพียง​จับจ้อง​คุณหนู​ที่นั่ง​อ่าน​สมุดบัญชี​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​นิ่ง​โดย​ไม่​สะทกสะท้าน​และ​ทำได้​แค่​ปิดปากเงียบ​กริบ​เท่านั้น

มู่​ชิง​อี​ไม่​ออกจาก​จวน​เลย​มา​เป็นเวลา​สอง​วัน​เพราะ​เอาแต่​นั่ง​ตรวจสอบ​สมุดบัญชี​ใน​ระยะเวลา​สอง​สาม​ปีนี​้​อยู่​ใน​จวน​ ​ส่วน​สมุดบัญชี​ที่​ก่อนหน้านี้​ยัง​ไม่​ส่ง​มาก​็​ล้วน​ถูก​ส่ง​มา​ใน​หนึ่ง​วัน​ถัดมา​ตามหลัง​ ​ทว่า​มู่​ชิง​อี​แค่​เปิด​อ่าน​คร่าวๆ​ ​ครั้ง​เดียว​ก็​ยิ้มเยาะ​แล้ว​โยน​ไป​ไว้​อีก​ฝั่ง​ ​สอง​วันนี้​นอกจาก​ดู​สมุดบัญชี​แล้ว​ ​เรื่อง​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​ทำความเข้าใจ​เรื่อง​ระหว่าง​เหล่า​ผู้ทรงอิทธิพล​ใน​เมืองหลวง​ตลอด​หลาย​ปี​มานี​้​ ​ถึงแม้​มู่​ชิง​อี​จะ​ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​องค์​ชาย​ถึง​ให้ความสนใจ​เรื่อง​พวก​นี้​มากกว่า​เรื่อง​กิจการ​ของ​ตระกูล​ตน​เสียอีก​ ​ทว่า​นาง​ก็​ยังคง​พยายาม​ส่ง​เอกสาร​ข้อมูล​ที่​ตน​พอ​จะ​รวบรวม​ได้​ไป​ให้​ ​ส่วน​ที่​ขาดเหลือ​ย่อม​ใช้​ให้​อู๋​ซิน​ที่​เคย​เป็น​องครักษ์​และ​คน​ติดตาม​สำคัญ​ข้าง​กาย​หรง​จิ​่น​ไป​จัดการ​หา​เพิ่มเติม​อยู่​แล้ว

เหมือนว่า​จะ​แตกต่าง​จาก​เหล่า​องค์​ชาย​แคว้น​หวา​ที่​เอาแต่​แอบ​แก่งแย่งชิงดี​กัน​อย่าง​ลับ​ๆ​ ​เพราะ​การช่วงชิง​ของ​แคว้น​เย​่ว​์​เปิดเผย​โจ่งแจ้ง​และ​โหดเหี้ยม​อำมหิต​มากกว่า​ ​ถึงแม้​ฮ่องเต้​แคว้น​เย​่ว​์​จะ​อายุ​เลย​หกสิบ​ชันษา​ไป​นาน​แล้ว​ ​แต่​ความสามารถ​ใน​การปกครอง​แคว้น​เย​่ว​์​กลับ​เหนือกว่า​ฮ่องเต้​แคว้น​หวา​อยู่​มาก​ ​เขา​ไม่​เกรงกลัว​การ​แก่งแย่ง​ชิง​บัลลังก์​ของ​เหล่า​องค์​ชายเล​ยสัก​นิด​ ​กระทั่ง​แอบ​สื่อ​ความหมาย​เชิง​ให้กำลังใจ​ใน​การช่วงชิง​บัลลังก์​แก่​พวกเขา​อีก​ต่างหาก​ ​เพื่อ​แย่ง​กัน​แสดงความสามารถ​ต่อหน้า​เสด็จ​พ่อ​ ​ขอ​แค่​เป็นเรื่อง​ที่​ฮ่องเต้​ทรง​รับสั่ง​ ​เหล่า​องค์​ชาย​ย่อม​พร้อม​ทุ่ม​สุด​แรง​ทำ​อย่างเต็มที่​ ​เพราะเหตุนี้​ทั่วทั้ง​ราชสำนัก​จึง​ดู​ขลัง​และ​มีชีวิตชีวา​กว่า​แคว้น​เย​่ว​์​มาก​ทีเดียว

มู่​หรง​เทียน​แห่ง​แคว้น​เย​่ว​์​ขึ้น​ครองราชย์​ตั้งแต่​วัยเยาว์​เฉกเช่น​เดียว​กับ​ฮ่องเต้​แคว้น​หวา​ ​ช่วง​วัย​หนุ่ม​ยิ่ง​ทรงพระ​ปรีชา​สร้าง​ความรุ่งเรือง​ให้​บ้านเมือง​ไม่น้อย​ ​หาก​กล่าวถึง​คุณงามความดี​คง​เรียก​ได้​ว่า​เขา​เบียด​แทรก​อยู่​ใน​สาม​ลำดับ​แรก​ตั้งแต่​สถาปนา​แคว้น​เย​่ว​์​มาต​ลอด​หลาย​ร้อย​ปี​เลย​กว่า​ว่า​ได้​ ​เพียงแต่​ช่วง​วัย​หนุ่ม​ของ​มู่​หรง​เทียน​เรียก​ได้​ว่า​ทั้ง​ปราดเปรื่อง​และ​เด็ดขาด​แต่​ก็​ยัง​ให้​ความเคารพ​ยกย่อง​คนที​่​มีคุณ​ธรรม​และ​ความสามารถ​อยู่​บ้าง​ ​ทว่า​พอ​อายุ​มากขึ้น​มู่​หรง​เทียน​กลับ​ยิ่ง​เข้มงวด​กระทั่ง​เลือดเย็น​ต่อ​ขุนนาง​และ​บุตร​ของ​ตน​มากกว่า​เดิม

เรื่อง​อย่าง​ประหาร​ยก​ครัว​ ​ใน​แคว้น​เย​่ว​์​ถือว่า​ไม่ใช่​เรื่องใหญ่​อะไร​ด้วยซ้ำ​ ​แม้แต่​เหตุการณ์​ที่​ขุนนาง​หรือ​ตระกูล​ผู้ทรงอิทธิพล​ถูก​ตี​ตาย​ใน​ราชสำนัก​ก็​ยัง​เกิดขึ้น​อยู่​บ่อยครั้ง​ ​หาก​เรื่อง​แบบนี้​เกิดขึ้น​ใน​แคว้น​หวา​คง​มิ​อาจ​จินตนาการ​ได้​ ​เพราะ​ต่อให้​ฮ่องเต้​แคว้น​หวา​จะ​เกลียดชัง​กู้​มู่​เหยี​ยน​ ​แต่​สุดท้าย​ก็​จับ​เข้า​คุก​แล้ว​ให้​กรม​อาญา​ตัดสิน​ลงโทษ

และ​เพราะ​ความโหดเหี้ยม​อำมหิต​ของ​มู่​หรง​เทียน​ ​เหล่า​องค์​ชาย​ที่​ช่วงชิง​บัลลังก์​จึง​ต้อง​รู้จัก​ขอบเขต​ต่อหน้า​พระองค์​เช่นกัน​ ​กระทั่ง​บัดนี้​กลับ​ยัง​ไม่เคย​ปรากฏ​ข่าว​ที่ว่า​เหล่า​องค์​ชาย​ฆ่า​กันเอง​เพื่อ​ช่วงชิง​บัลลังก์​ให้​เห็น​เลย

มู่​หรง​เทียน​มีโอ​รส​สิบเอ็ด​คน​และ​ธิดา​เก้า​คน​ ​หนึ่ง​ใน​นั้น​องค์​ชาย​คนโต​หรง​หวง​ปีนี​้​อายุ​ก็​ปา​ไป​สี่​สิบสอง​ชันษา​แล้ว​ ​ถูก​แต่งตั้ง​เป็น​จื้อ​อ๋อง​ ​คนเล​็​กสุด​คือ​องค์​ชาย​สิบเอ็ด​ ​ปีนี​้​อายุ​ได้​สิบ​เจ็ด​ชันษา​แล้ว​ ​บัดนี้​สถานการณ์​ใน​ราชสำนัก​วุ่นวาย​ซับซ้อน​มาก​ ​จาก​ฮองเฮา​ที่​ให้กำเนิด​องค์​ชาย​คนโต​จื้อ​อ๋อง​ ​องค์​ชาย​แปด​และ​องค์​ชาย​สิบเอ็ด​คือ​พวก​เดียวกัน​ ​องค์​ชาย​สี่ต​วน​อ๋อง​ ​องค์​ชาย​ห้า​ ​องค์​ชาย​เจ็ด​และ​องค์​ชาย​สิบ​คือ​พวก​เดียวกัน​ ​นอกจากนี้​ยัง​มี​องค์​ชาย​สอง​จวง​อ๋อง​หรง​เซ​วี​ยน​ที่​มี​ความดี​ความชอบ​เรื่อง​การทหาร​และ​องค์​ชาย​หก​เป็น​พวก​เดียวกัน​ ​อีกทั้ง​ยัง​มี​หรง​จิ​่​นองค​์​ชาย​เก้า​ผู้​โดดเดี่ยว​นอกเหนือจาก​คน​เหล่านี้​ด้วย​อีก​คน​ ​เพราะเหตุนี้​หรง​จิ​่น​จึง​พยายาม​ทุ่มเท​ดึง​ตัว​ที่ปรึกษา​มาจาก​แคว้น​หวา​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​สุดท้าย​เขา​เอง​ก็​เตรียม​ลง​แข่ง​ช่วงชิง​บัลลังก์​ในไม่ช้า​ก็​เร็ว​เช่นกัน

“​เช่นนั้น​…​แล้ว​องค์​ชาย​สาม​เล่า​”​ ​มู่​ชิง​อี​เอ่ย​ถาม

อู๋​ซิน​มอง​มู่​ชิง​อี​ที่​กำลัง​จับจ้อง​ม้วน​กระดาษ​ตรงหน้า​พลาง​ครุ่นคิด​บางอย่าง​ ​เขา​ลังเล​ครู่หนึ่ง​ถึง​เอ่ย​ ​“​องค์​ชาย​สาม​สวิน​อ๋อง​ ​เขา​…​สุขภาพ​ไม่ดี​ ​แต่ไหนแต่ไรมา​เลย​ไม่ได้​เข้าร่วม​การช่วงชิง​บัลลังก์​กับ​เหล่า​องค์​ชาย​คนอื่นๆ​ ​อยู่​แล้ว​ขอรับ​”

“​สุขภาพ​ไม่ดี​หรือ​”​ ​มู่​ชิง​อี​มอง​อู๋​ซิน​ด้วย​สีหน้า​เหมือน​ยิ้ม​แต่​ก็​ไม่​ยิ้ม​ ​องค์​ชาย​เก้า​เอง​ก็​ขึ้นชื่อว่า​สุขภาพ​ไม่ดี​เหมือนกัน​ ​ทว่า​ฆ่า​ใคร​กลับ​ไม่เคย​ออม​มือ​เลย​สักครั้ง

อู๋​ซิน​ลูบ​จมูก​ไปมา​อย่าง​เหนื่อยหน่าย​ใจ​กล่าว​ ​“​เรื่อง​นี้​…​ให้​องค์​ชาย​เก้า​เป็น​คน​บอก​ท่าน​เอง​จะ​ดีกว่า​ขอรับ​”

“​เหมย​เหนียง​เล่า​”​ ​ครั้น​ไม่ได้​คำตอบ​จาก​อู๋​ซิน​ ​มู่​ชิง​อี​เลย​เบือน​สายตา​ไป​จับจ้อง​เหมย​เหนียง​ที่​ยืน​อยู่​อีก​ฝั่ง​แทน​ ​เหมย​เหนียง​ลังเลใจ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ถึง​กล่าว​ ​“​ความจริง​…​เรื่อง​นี้​เหมย​เหนียง​เอง​ก็​ทราบ​ไม่​ค่อย​แน่ชัด​นัก​ ​เดิมที​องค์​ชาย​สาม​เป็น​บุตรชาย​ของ​เหวย​กุ้ย​เฟย​ที่​สวรรคต​ไป​แล้ว​ ​ต่อมา​องค์​ชาย​ได้​อภิเษก​กับ​บุตร​ภรรยา​เอก​ของ​ตระกูล​เหมย​ขึ้น​เป็น​พระ​ชายา​ ​สิบ​เก้า​ปีก่อน​จู่ๆ​ ​พระ​ชายา​สวิน​ก็​สวรรคต​ไป​ ​นับตั้งแต่​นั้น​มา​องค์​ชาย​สาม​ก็​ร่างกาย​อ่อนแอ​ป่วย​อยู่​เรื่อยๆ​”

มู่​ชิง​อี​ผุด​ความคิด​บางอย่าง​ขึ้น​มา​ใน​หัว​ ​มุ่น​คิ้ว​เอ่ย​ ​“​ตระกูล​เหมย​…​เหมือนว่า​ท่าน​แม่​ของ​องค์​ชาย​เก้า​ก็​เป็น​คน​ของ​ตระกูล​เหมย​มิใช่​หรือ​”​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​สีหน้า​ที่​ดู​แปลก​พิกล​ของ​อู๋​ซิน​ ​เดิมที​มู่​ชิง​อี​เอง​ก็​คง​ไม่​คิด​ไป​ใน​แนวทาง​นี้​ ​แต่​เพราะ​ความ​เหมาะเจาะ​ใน​เรื่อง​ของ​เวลา​กลับ​ทำให้​คน​เข้าใจ​ได้​อย่างง่ายดาย​มาก​ ​จู่ๆ​ ​เมื่อ​สิบ​เก้า​ปีก่อน​พระ​ชายา​เหมย​ก็​เสด็จ​สวรรคต​ไป​ ​ประจวบ​กับ​สิบ​เก้า​ปีก่อน​จู่ๆ​ ​พระสนม​เหมย​ก็​เข้า​วัง​มา​และ​ได้รับ​ความ​โปรดปราน​จาก​ฮ่องเต้​ ​ตอนนั้น​เหลือ​เพียง​หรง​จิ​่​นองค​์​ชาย​เก้า​ ​ถึงแม้​สอง​ปี​หลังจากนั้น​พระสนม​เหมย​จะ​ล่วงลับ​ไป​แล้ว​ ​แต่​จาก​ท่าที​ที่​ฮ่องเต้​แคว้น​เย​่ว​์​ทรง​ปฏิบัติ​กับ​หรง​จิ​่​นก​ลับ​แตกต่าง​ออก​ไป​จน​กล่าว​ได้​ว่าความ​โปรดปราน​ของ​พระสนม​เหมย​ใน​ตอนนั้น​กลับ​ไม่ได้​เกิดขึ้น​เพียง​ช่วง​ระยะเวลา​สั้น​ๆ​ ​แน่นอน

“​คุณชาย​…​หาก​อยากรู้​เรื่อง​นี้​ ​คุณชาย​ไป​ถาม​องค์​ชาย​เก้า​เอง​จะ​ดีกว่า​”​ ​อู๋​ซิน​เอ่ย​ตอบ​ด้วย​สีหน้า​ขาวซีด

ทว่า​เหมย​เหนียง​กลับ​ไม่มีความคิด​เห็น​ใด​กับ​เรื่อง​นี้​ ​ข่าว​เรื่อง​ที่​พระ​ชายา​เหมย​และ​เหมย​กุ้ย​เฟย​เป็น​สายเลือด​เดียวกัน​ต่าง​รับรู้​โดย​ถ้วนหน้า​กัน​นาน​แล้ว​ ​ส่วน​ความจริง​ที่แท้​จริง​ย่อม​ไม่ใช่​เรื่อง​ที่​เหล่า​ประชาชน​ทั่วไป​จะ​รับรู้​ได้​ ​อย่างมาก​ก็​เป็น​แค่​การคาด​เดา​และ​ข่าว​ที่​กุ​ขึ้น​มา​ของ​พวก​คนที​่​เบื่อหน่าย​ก็​เท่านั้น

มู่​ชิง​อี​พยักหน้า​พลัน​แอบ​คาดเดา​ใน​ใจ​ได้​คร่าวๆ​ ​นาง​เอง​ก็​ไม่ได้​มี​งานอดิเรก​ชอบ​บีบบังคับ​อู๋​ซิน​แล้ว​รั้น​จะ​ให้​ขุด​เรื่องส่วนตัว​ของ​คนอื่น​ให้​ได้ขนาด​นั้น​ ​เพียงแต่​ในเมื่อ​ตัดสินใจ​มุ่งมั่น​ว่า​จะ​ช่วย​หรง​จิ​่น​แล้ว​ ​เรื่อง​ที่​ควร​รู้​ย่อม​ต้อง​เข้าใจ​เรื่องราว​คร่าวๆ​ ​ก่อน​ถึง​จะ​ถูก

“​คุณชาย​ ​ผู้ดูแล​ทุกท่าน​ขอ​เข้าพบ​เจ้าค่ะ​”​ ​โจว​หลี​เอ๋อร​์​ที่อยู่​นอก​ประตู​เดิน​เข้ามา​เอ่ย​รายงาน​เสียง​เบา​ ​ในเมื่อ​เหล่า​ผู้ดูแล​ใจกว้าง​ยอม​ส่ง​บุตรสาว​เข้ามา​เป็น​บ่าว​รับใช้​ ​หาก​ไม่​ใช้งาน​สักหน่อย​คง​รู้สึก​ผิด​ต่อ​พวกเขา​น่าดู​ ​เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​หาก​พวกเขา​รู้​ว่า​คุณชาย​ตระกูล​กู้​ที่​พวกเขา​กำลัง​ใช้​แผน​นี้​ด้วย​กลับเป็น​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​ ​นาง​ใคร่รู้​นัก​ว่า​พวกเขา​จะ​ทำ​สีหน้า​เช่นไร

“​ข้า​รู้​แล้ว​ ​ออก​ไป​เถิด​”​ ​มู่​ชิง​อี​เอ่ย​เสียง​เรียบ

โจว​หลี​เอ๋อร​์​มอง​มู่​ชิง​อี​ด้วย​ความ​เง้า​งอน​แวบ​หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​ก้มหน้า​เดิน​ออก​ไป​อย่าง​ไม่พอใจ​นัก​ ​ถึงอย่างไร​นาง​ก็​ขึ้นชื่อว่า​เป็นสาว​งาม​ร่าง​บาง​อ้อนแอ้น​ ​แต่​หลาย​วัน​มานี​้​คุณชาย​ผู้​นี้​กลับ​ไม่​มองหน้า​นาง​เลย​สักนิด​ ​หรือ​เพราะ​ยัง​เด็ก​เกินไป​เลย​ไม่เข้าใจ​เรื่อง​ชอบ​สตรี​อย่างนั้น​หรือ​ ​แต่​เหล่า​คุณชาย​ที่​อายุ​รุ่นราวคราวเดียวกัน​ใน​เมืองหลวง​ต่อให้​จะ​ไม่ได้​แต่งงาน​แต่​ส่วนมาก​มักจะ​มี​หญิงสาว​คอย​รับใช้​อยู่​ใน​จวน​อยู่​แล้ว​ทั้งนั้น

ครั้น​เห็นท่า​ที​ไม่พอใจ​ของ​โจว​หลี​เอ๋อร​์​ ​เหมย​เหนียง​ก็​อด​ปิดปาก​แอบ​หัวเราะ​ไม่ได้

“​หัวเราะ​เรื่อง​ใด​หรือ​”​ ​มู่​ชิง​อี​เอ่ย​ถาม​พร้อม​รอยยิ้ม

เหมย​เหนียง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​คุณชาย​อายุ​แค่นี้​แต่กลับ​ดึงดูด​เหล่า​แม่นาง​ได้​ไม่น้อย​…​หาก​ผ่าน​ไป​อีก​สัก​สอง​สาม​ปี​เกรง​ว่า​คง​ทำเอา​องค์​ชาย​เก้า​หนุ่ม​รูปงาม​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​แคว้น​เย​่ว​์​คง​ต้อง​ยอม​ถอย​ให้​แล้ว​กระมัง​ ​หาก​เหมย​เหนียง​อายุ​น้อยกว่า​นี้​สัก​ยี่สิบ​ปี​ ​ไม่แน่​ข้า​เอง​ก็​คง​หลง​คุณชาย​หัวปักหัวปำ​ตาม​ไป​ด้วย​”

มู่​ชิง​อี​อด​กระตุก​ยิ้ม​มุม​ปาก​ไม่ได้​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​ไป​เถิด​ ​ไป​เจอ​เหล่า​ผู้ดูแล​พวก​นั้น​กัน​”

ใน​ห้อง​หนังสือ​ใหญ่​หน้า​จวน​มี​คน​นั่ง​อยู่​จำนวน​ไม่น้อย​แล้ว​ ​คน​เหล่านี้​ล้วน​เป็น​ผู้ดูแล​กิจการ​ตระกูล​กู้​ที่อยู่​ใน​ละแวก​เมืองหลวง​ทั้งสิ้น​ ​แน่นอน​ว่า​คน​พวก​นี้​ย่อม​ไม่รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​เจ้าของกิจการ​มีส​ถานะ​เป็น​ใคร​กัน​แน่​ ​หรือ​เพราะเหตุนี้​เลย​ทำให้​มี​คน​ไม่น้อย​ผุด​ความคิด​บางอย่าง​ที่​ไม่​ควรคิด​ขึ้น​ ​เดิมที​ตอนที่​ตระกูล​กู้​ยังอยู่​ยัง​มี​ความสามารถ​และ​มี​คน​คอย​จัดการ​ดูแล​จึง​ทำให้​พวกเขา​ไม่กล้า​คิด​ไม่​ซื่อ​ ​แต่​เพราะ​หลาย​ปี​มานี​้เฝิง​จื่อ​สุ่ย​คนเดียว​ยุ่ง​จน​แทบ​ทำ​อะไร​ไม่ทัน​ ​อีกทั้ง​เหมย​เหนียง​เอง​ก็​เป็น​แค่​ผู้หญิง​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​ ​คน​พวก​นี้​เลย​เริ่ม​คิด​เล่น​ตุกติก​ขึ้น​มา

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท