หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 298 องค์ชายเก้าผู้ที่ถนัดก่อเรื่องทำร้ายคนอื่นแต่กลับไม่มีผลดีอะไรกับตัวเอง (1)

หวนคืนชะตาแค้น

​“​เจ้า​ไม่ต้อง​กลัว​…​”​ ​ครั้น​เห็น​ใบหน้า​ซูบ​ตอบ​ของ​นาง​ซีดเซียว​ ​มู่​ชิง​อีก​็​เอ่ย​ปลอบ​เสียง​นุ่มนวล​ ​“​หาก​เผลอ​เกิดเรื่อง​เหนือ​ความคาดหมาย​ใด​ขึ้น​ ​ข้า​จะ​ถือว่า​เจ้า​จงรักภักดี​ต่อตระกูล​กู้​ ​ส่วน​เงิน​ที่​พ่อ​ของ​เจ้า​ลัก​เอา​ไป​ ​ข้า​จะ​ไม่​ถือโทษ​เอา​ความ​ใด​ก็ได้​ ​เจ้า​คิดเห็น​เช่นไร​เล่า​”

​“​ไม่​…​ไม่เอา​”​ ​โจว​หลี​เอ๋อร​์​ปล่อย​แขน​เสื้อ​ที่​ดึง​ไว้​อย่างรวดเร็ว​ ​สอง​มือ​ที่​ยัน​พื้น​ไว้​รีบ​ดัน​ตัว​ถอยกรูด​ไป​ด้านหลัง​ ​“​ไม่​นะ​…​คุณชาย​ปล่อย​ข้า​ไป​เถิด​”

​“​อู๋​ซิน​ ​เอา​ตัวนาง​ออก​ไป​”

​“​ขอรับ​ ​คุณชาย​”​ ​อู๋​ซิน​ขานรับ​พลาง​พยักหน้า

​“​ไม่​!​ ​ไม่​นะ​…​ช่วย​ด้วย​ ​เจ้า​มัน​ปีศาจ​ชั่วร้าย​…​”​ ​โจว​หลี​เอ๋อร​์​อดไม่ไหว​ตะโกน​กรีดร้อง​ขึ้น​อย่าง​ควบคุมตัว​เอง​ไม่อยู่​ ​ในที่สุด​ก่อนที่​มือ​ของ​อู๋​ซิน​จะ​แตะต้อง​ตัวนาง​ ​นาง​ก็​ชิง​หมดสติ​ไป​เสียก่อน

​อู๋​ซิน​เก็บ​มือ​กลับ​เงียบๆ​ ​แล้ว​มอง​มู่​ชิง​อี​เอ่ย​ถาม​ว่า​ ​“​คุณชาย​ ​จะ​ส่งตัว​นาง​ให้​องค์​ชาย​เก้า​จริงๆ​ ​หรือ​”

​มู่​ชิง​อีก​ลอก​ตา​ใส่​อย่าง​เอือมระอา​ ​“​แค่​ล้อเล่น​เท่านั้น​แหละ​ ​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​ชื่อเสียง​ของ​องค์​ชาย​เก้า​จะ​ทำ​คน​เกรงกลัว​ได้ขนาด​นี้​”​ ​ส่ง​คน​อย่าง​โจว​หลี​เอ๋อร​์​ไป​จวน​องค์​ชาย​เก้า​แล้ว​จะ​มีประโยชน์​ใด​เล่า

​อู๋​ซิน​ก้มหน้า​ลง​อย่าง​ละอายใจ​ ​ก่อนหน้านี้​องค์​ชาย​เก้า​ลืม​บอก​คุณหนู​ไป​ว่า​ชื่อเสียง​ของ​เขา​ย่ำแย่​มานาน​แล้ว

​หาก​เปรียบเทียบ​เมืองหลวง​แคว้น​เย​่ว​์​กับ​เมืองหลวง​แคว้น​หวา​ก็​ถือว่า​ทิวทัศน์​งดงาม​สม​คำ​ร่ำ​ลือ​จริงๆ​ ​หาก​กล่าวถึง​เรื่อง​พื้นที่​คง​เรียก​ได้​ว่า​กว้างขวาง​กว่า​เมืองหลวง​แคว้น​หวา​อยู่​หน่อย​ ​เพราะ​ภูมิศาสตร์​ตั้ง​ติดกับ​ชายแดน​แว่นแคว้น​ต่างๆ​ ​มากมาย​ ​ใน​เมืองหลวง​จึง​มีพ​่อ​ค้า​จาก​แต่ละ​แคว้น​เดิน​ขวักไขว่​พลุกพล่าน​เต็มไปหมด​ ​กระทั่ง​คนที​่​มี​เส้น​ผม​และ​ดวงตา​หลาก​สีสัน​ก็​ปรากฏ​ให้​เห็น​อยู่​ไม่น้อย​ ​ประชาชน​ใน​เมืองหลวง​เอง​ก็​คุ้นเคย​จน​เห็น​เป็นเรื่อง​ปกติ​นาน​แล้ว​ ​สู้​ประชาชน​แคว้น​หวา​ไม่ได้​ที่​ยังคง​รู้สึก​แปลกตา​อยู่​บ้าง

​มู่​ชิง​อี​มา​ได้​ประจวบ​เวลา​พอดี​เพราะ​เป็นช่วง​ที่​ดอก​พุด​ตาน​ทั้ง​นอก​และ​ใน​เมืองหลวง​แคว้น​เย​่ว​์​ต่าง​บานสะพรั่ง​ ​ดอก​พุด​ตาน​ ​ดอก​สาม​ผิว​หรือ​ดอกไม้​วงศ์ตระกูล​เดียว​กับ​ชบา​ ​ดอก​ขนาดใหญ่​หลาก​สีสัน​งดงาม​ ​มีทั​้​งด​อก​สีแดง​ ​สีชมพู​ ​สีเงิน​ขาว​ ​เป็นต้น​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ตอนเช้า​ดอก​จะ​บาน​เป็น​สีขาว​หรือ​สีอ่อน​ ​ตอนกลางวัน​หรือ​ตอน​พลบค่ำ​จะ​เบ่งบาน​เปลี่ยนเป็น​สีชมพู​บานเย็น​ ​หนึ่ง​วัน​เปลี่ยน​หลาย​สี​จน​ใครๆ​ ​ต่าง​เรียกว่า​ ​“​พุด​ตาน​ดอก​สามสี​”

​ทั่วทั้ง​นอก​และ​ใน​เมืองหลวง​แคว้น​เย​่ว​์​ปลูก​ต้น​ดอก​พุด​ตาน​เรียงราย​เต็มไปหมด​ ​ซึ่ง​ขับ​ให้​ความ​เงียบเหงา​ช่วง​ปลาย​ฤดูกาล​ใบไม้​ผลิ​ที่​ใกล้​เข้ามา​เยือน​ใน​เมืองหลวง​ให้​ดู​มีชีวิตชีวา​งดงาม​ขึ้น​มาก​

​มู่​ชิง​อี​เดิน​ใน​เมืองหลวง​เพียงลำพัง​ ​บน​ท้องถนน​ใหญ่​มี​คน​เดิน​ขวักไขว่​ไปมา​เช่นกัน​ ​แต่​หาก​กล่าว​อย่างขบขัน​ ​ที่นี่​กลับ​ไม่ได้​เหมือน​แคว้น​หวา​ไป​เสีย​หมด​และ​เทียบ​กัน​ไม่​ติด​ด้วยซ้ำ

​นาง​เดิน​สุ่ม​เลือก​โรงน้ำชา​ที่​บรรยากาศ​ดู​คึกคัก​สัก​แห่ง​แล้ว​นั่ง​พักผ่อน​ ​สั่ง​ชามา​หนึ่ง​กา​พร้อม​ของว่าง​สอง​ที่​ ​จากนั้น​ก็​นั่ง​ชม​ความงาม​ที่​แสน​ครึกครื้น​ซึ่ง​ต่าง​จาก​แคว้น​หวา​อยู่​ข้าง​ริม​หน้าต่าง

​จู่ๆ​ ​ก็​ปรากฏตัว​หนุ่มน้อย​รูปงาม​คน​หนึ่ง​โผล่​มาย​่​อมตก​เป็น​เป้าสายตา​ของ​คน​รอบข้าง​อยู่​แล้ว​ ​เลย​มี​คน​เข้ามา​ทักทาย​พูดคุย​ด้วย​อยู่​บ่อยครั้ง

​“​น้องชาย​ผู้​นี้​ ​ข้า​ขออนุญาต​แล้วกัน​”​ ​เสียง​บุรุษ​เจือ​เสียงหัวเราะ​เสียง​หนึ่ง​ดัง​แว่ว​ขึ้น​ด้าน​ข้าง​ ​มู่​ชิง​อี​เลิก​คิ้ว​หันไป​มอง​แต่กลับ​เห็น​บุรุษ​หนุ่ม​สวม​ชุด​ผ้าแพร​สีฟ้า​คน​หนึ่ง​ ​นาง​เห็น​เพียง​สีหน้า​เหนื่อยล้า​ของ​บุรุษ​ผู้​นั้น​แต่กลับ​แต่ง​แต้ม​ไป​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​หว่าง​คิ้ว​แฝง​ไป​ด้วย​ความสง่า​ใจกว้าง​ ​ทันทีที่​เห็น​ก็​รู้​เลย​ว่า​หาก​ไม่ใช่​คนใน​ตระกูล​มั่งคั่ง​ก็​ต้อง​เป็น​ขุนนาง

​มู่​ชิง​อี​พยักหน้า​เอ่ย​ ​“​ท่าน​คือ​…​”

​บุรุษ​ผู้​นั้น​เอ่ย​อย่าง​รู้สึก​ผิด​ ​“​ข้ามี​นาม​ว่า​หนา​นก​งอ​วี​้​ ​ข้า​ยัง​ไม่ได้​ถาม​น้องชาย​เลย​ว่า​มีนาม​ว่า​อะไร​หรือ​”

​มู่​ชิง​อี​ตกใจ​อยู่​บ้าง​ ​“​ที่แท้​ก็​คือ​คุณชาย​ของ​ท่าน​แม่ทัพ​ใหญ่​ตระกูล​หนา​นกง​นี่เอง​ ​เป็นเกียรติ​ยิ่งนัก​”​ ​ถึงแม้​จะ​มา​แคว้น​เย​่ว​์​ได้​ไม่นาน​ ​แต่​คนที​่​ควร​รู้จัก​นาง​กลับ​จดจำ​ได้​อย่างแม่นยำ​ไม่มี​ตกหล่น​ ​แต่ไหนแต่ไรมา​นาง​เป็น​คน​ชอบ​วางแผน​อย่าง​รอบคอบ​ก่อน​ค่อย​ลงมือ​อยู่​แล้ว​ ​ฉะนั้น​นาง​จึง​ไม่มีทาง​เดิน​เพ่นพ่าน​มาถึง​สถานที่​แห่งหนึ​่ง​โดย​จำ​ชื่อ​คนสำคัญ​ไม่ได้​เลย​สัก​คน​แน่นอน

​บุรุษ​ผู้​นี้​ก็​คือ​หนา​นก​งอ​วี​้​บุตรชาย​คน​รอง​ของ​หนา​นกง​เจ​วี​๋​ยสุด​ยอด​แม่ทัพ​ใหญ่​อันดับ​หนึ่ง​ผู้​น่าเกรงขาม​ใน​ตอนนี้​ ​หนา​นกง​เจ​วี​๋ย​ไม่เพียงแต่​เป็น​แม่ทัพ​ใหญ่​ที่​น่าเกรงขาม​เท่านั้น​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ยัง​เป็น​ท่าน​น้า​ของ​องค์​ชาย​สอง​จวง​อ๋อง​หรง​เซ​วี​ยน​แห่ง​แคว้น​เย​่ว​์​อีก​ต่างหาก​ ​บัดนี้​องค์​ชาย​ใน​ราชสำนัก​จะ​แบ่ง​เป็น​สาม​พวก​คร่าวๆ​ ​ถึงแม้​ดู​ทรง​แล้ว​อิทธิพล​อำนาจ​อาจจะ​สูสี​พอ​ๆ​ ​กัน​ ​แต่​ใน​กองทัพ​พวก​องค์​ชาย​สอง​กลับ​คะแนน​นำลิ่ว​มา​เป็นอัน​ดับ​หนึ่ง​ ​ดังนั้น​ตระกูล​หนา​นกง​ที่​สนับสนุน​องค์​ชาย​สอง​ ​นาง​ย่อม​ต้อง​ทำความรู้จัก​มาก​่อน​แล้ว

​ครั้น​ได้ยิน​คำพูด​ของ​มู่​ชิง​อี​ ​หนา​นก​งอ​วี​้​ก็​อด​ยิ้ม​เจื่อน​ลง​ไม่ได้​พลัน​เอ่ย​ ​“​ดูท่าทาง​น้องชาย​จะ​ไม่ใช่​คนใน​เมืองหลวง​ ​แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​…​ชื่อเสียง​ของ​ท่าน​พ่อ​จะ​ดัง​ไป​ไกล​ขนาด​นี้​ ​ในเมื่อ​แม้แต่​ข้า​เอง​ก็​พลอย​ได้รับ​ผลประโยชน์​ดี​ๆ​ ​มา​ไม่น้อย​”

​มู่​ชิง​อี​ยิ้ม​กล่าว​ ​“​ท่าน​แม่ทัพ​หนา​นกง​ชื่อเสียง​และ​อิทธิพล​ดัง​ไป​ไกล​ ​ข้า​จะ​ไม่รู้​จัก​ได้​อย่างไรเล่า​”​ ​ดูท่าทาง​หนา​นก​งอ​วี​้​จะ​ไม่ได้​ดู​ภาคภูมิใจ​กับ​การ​มีบิ​ดา​เป็น​หนา​นกง​เจ​วี​๋ย​เลย​ ​ก็​ใช่​ ​สำนวน​ที่ว่า​ลูก​ไม่​ย่อม​หล่น​ไม่​ไกล​ต้น​ ​ในเมื่อ​บิดา​เก่งกาจ​ขนาด​นี้​ ​สำหรับ​บุตรชาย​แล้ว​ย่อม​กดดัน​มาก​เป็นธรรมดา​ ​หาก​ทำดี​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​สมควร​แล้ว​ ​แต่​หาก​ทำไม​่​ดีขึ้น​มาก​ลับ​จะ​ทำให้​ชื่อเสียง​ของ​บิดา​เสื่อมเสีย​แทน

​หนา​นก​งอ​วี​้​โบกมือ​กล่าว​ ​“​ยัง​ไม่ได้​บอกชื่อ​ของ​น้องชาย​เลย​ ​น้องชาย​หน้าตา​หล่อเหลา​ขนาด​นี้​ ​เกรง​ว่า​ผ่าน​ไป​อีก​สอง​ปีหน้า​ตา​คง​ไม่​แพ้​…​เหอะ​ ​ไม่รู้​ว่า​เจ้า​จะ​บอกชื่อ​เสียง​เรียง​นาม​ได้​หรือไม่​”​ ​ครั้น​รู้​ว่า​ตน​หลุด​พูด​ใน​สิ่ง​ที่​ไม่​ควร​พูด​ ​หนา​นก​งอ​วี​้​ก็​ตัด​คำพูด​ที่​อยาก​จะ​พูด​ก่อนหน้านี้​ทิ้ง​เสียดื​้อ​ๆ

​มู่​ชิง​อี​เอง​ก็​ไม่ได้​ใส่ใจ​ ​ยกมือ​ประสาน​ทำความเคารพ​ ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ข้ามี​นาม​ว่า​กู้​หลิว​อวิ​๋น​ ​ขอ​คารวะ​คุณชาย​หนา​นกง​ขอรับ​”

​“​กู้​หลิว​อวิ​๋น​หรือ​ ​พัดผ่าน​ไปมา​ตาม​สายลม​ ​งามสง่า​ดั่ง​เมฆา​ ​ช่าง​เป็น​ชื่อ​ที่​ดีจริง​ๆ​”​ ​หนา​นก​งอ​วี​้​เอ่ย​ชื่นชม

​มู่​ชิง​อี​ยิ้ม​กล่าว​ ​“​คุณชาย​ชม​เกินไป​แล้ว​”

​หนา​นก​งอ​วี​้​นั่งลง​ฝั่ง​ตรงข้าม​ของ​มู่​ชิง​อี​แล้ว​ยิ้ม​เอ่ย​อย่าง​เริงร่า​ว่า​ ​“​เห็น​หลิว​อวิ​๋​นก​็​รู้​เลย​ว่า​เป็น​นักปราชญ์​ที่มา​จาก​ตระกูล​ผู้มีความรู้​ ​ข้า​เป็น​แค่นัก​สู้​เลย​ไม่​ค่อย​ชอบ​คำพูด​เกรงใจ​พวก​นั้น​เท่าไร​ ​หาก​หลิว​อวิ​๋น​ไม่รังเกียจ​ ​ข้า​จะ​เรียก​เจ้า​ว่า​หลิว​อวิ​๋น​ ​ส่วน​เจ้า​เรียก​ข้าว​่า​หนา​นก​งก​็​พอ​”

​มู่​ชิง​อี​ยิ้ม​กล่าว​ ​“​มิบั​งอา​จ.​..​หนา​นก​ง.​..​แต่ไหนแต่ไรมา​ท่าน​…​สนิทสนม​กับ​คน​ง่าย​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​”​ ​ด้วย​สถานะ​ของ​หนา​นก​งอ​วี​้​ก็​นับว่า​เป็นเรื่อง​อ่อนไหว​เช่นกัน​ ​มู่​ชิง​อีนึก​สงสัย​จริงๆ​ ​ว่า​คน​สถานะ​อย่าง​เขา​จะ​ยอม​ถ่อมตัว​มา​ผูกมิตร​กับ​คนที​่​รู้สึก​ถูกชะตา​ด้วย​ตอน​เจอกัน​ใน​โรงน้ำชา​โดยบังเอิญ​เช่นนี้​หรือ

​หนา​นก​งอ​วี​้​ส่าย​ศีรษะ​แล้ว​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ถึง​ข้า​จะ​มนุษยสัมพันธ์​ดี​ ​แต่​ก็​ใช่​ว่า​จะเข้า​หา​ผูกมิตร​คน​ไป​เรื่อย​เช่นนั้น​ ​แต่​…​พอ​ข้า​เห็น​หลิว​อวิ​๋น​แวบ​แรก​ก็​รู้สึก​ถูกชะตา​ด้วย​ ​มิได้​หรือ​ ​มา​ ​ข้า​ขอดื​่ม​ชา​แทน​สุรา​ให้​หลิว​อวิ​๋น​สัก​แก้ว​แล้วกัน​”

​มู่​ชิง​อี​ยกแก้ว​ชา​ขึ้น​ชนกับ​เขา​เบา​ๆ​ ​ก่อน​ยิ้ม​บาง​กล่าว​ ​“​ข้า​ต่างหาก​ที่​ต้อง​ดื่ม​ให้​หนา​นกง​ถึง​จะ​ถูก​”

​ทั้งสอง​ต่าง​สบตา​ฉีก​ยิ้ม​ให้​กัน​ ​หนา​นก​งอ​วี​้​เอ่ย​ถาม​อย่าง​ใคร่รู้​ ​“​หลิว​อวิ​๋​นมา​เมืองหลวง​ด้วย​เรื่อง​อัน​ใด​หรือ​”

​มู่​ชิง​อี​เอ่ย​ยิ้ม​ๆ​ ​“​ข้า​เป็น​คน​แคว้น​หวา​ ​ตระกูล​ข้ามี​กิจการ​เล็ก​ๆ​ ​ปกติ​จะ​ขาย​พวก​หนังสือ​ ​ครั้งนี้​ข้ามา​เมืองหลวง​ก็​แค่​คิด​ว่า​จะ​มาตระ​เวน​ดู​ทุกซอกทุกมุม​เพื่อ​เปิดโลก​สักหน่อย​ก็​เท่านั้น​”

​หนา​นก​งอ​วี​้​พยักหน้า​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​ถาม​ว่า​เหตุใด​คุณชาย​ผู้มั่งคั่ง​ของ​แคว้น​หวา​อย่าง​เขา​ถึง​ต้อง​วิ่ง​แจ้น​มา​เปิดโลก​ถึง​เมืองหลวง​แคว้น​เย​่ว​์​ ​เพียงแค่​เอ่ย​ว่า​ ​“​หาก​หลิว​อวิ​๋​นมี​เรื่อง​ใด​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​ก็​บอก​ข้ามา​ได้​เลย​”

​มู่​ชิง​อี​คลี่​ยิ้ม​เอ่ย​ขอบคุณ​แต่​ไม่ได้​พูด​อะไร​มาก​นัก​ ​ถึงแม้​หนา​นก​งอ​วี​้​จะ​พูด​เช่นนั้น​ ​แต่​ด้วย​ความสัมพันธ์​ของ​พวกเขา​หาก​มีเรื่อง​ใด​จริงๆ​ ​คง​หวัง​พึ่ง​เขา​ไม่ได้​ ​เพราะ​หาก​พูดมาก​ไป​จะ​ดู​แอบแฝง​เจตนา​อื่น​มากกว่า

​มู่​ชิง​อี​หันไป​มอง​นอก​หน้าต่าง​แล้ว​เปลี่ยน​หัวข้อ​สนทนา​เอ่ย​ ​“​เมืองหลวง​แคว้น​เย​่ว​์​และ​แคว้น​หวา​ต่างกัน​จริงๆ​ ​ถึงแม้​แคว้น​หวา​จะ​ตั้งอยู่​บน​ที่ราบลุ่ม​แม่น้ำ​ ​แต่​เวลานี้​กลับ​ดู​หงอยเหงา​ ​ทว่า​ตอนนี้​เมืองหลวง​แคว้น​เย​่ว​์​กลับ​มีด​อก​ไม้​หลาก​สีสัน​ช่วย​ขับ​ให้​ทิวทัศน์​งดงาม​”

​หนา​นก​งอ​วี​้​อด​เอ่ย​อย่าง​ภาคภูมิใจ​ไม่ได้​ว่า​ ​“​ถึงแม้​ข้า​จะ​ดูเบื​่อ​แล้ว​ ​แต่​ทุกปี​จะ​มี​เหล่า​นักปราชญ์​บัณฑิต​เดินทาง​แวะเวียน​มาช​มด​อก​พุด​ตาน​โดยเฉพาะ​ ​หลิว​อวิ​๋น​เอง​ก็​คงชื่น​ชอบ​ไม่​ต่างกัน​”

​มู่​ชิง​อี​พยักหน้า​กล่าว​ ​“​ต่อให้​ใบไม้​ใน​ป่าทึบ​จะ​ร่วงโรย​แห้งเหี่ยว​เป็น​สีเหลือง​ ​แต่​ดอก​พุด​ตาน​กลับ​เบ่งบาน​งาม​สะพรั่ง​ ​แบบนี้​ข้า​จะ​ไม่​ชอบ​ได้​อย่างไรเล่า​”

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท