รอจนกระทั่งหรงจิ่นรู้สึกพอใจแล้วถึงปล่อยเขาลง บุรุษผู้นั้นรีบสำรอกออกมาอย่างรุนแรง เขาสำรอกออกมาพลางเผยท่าทีไร้เรี่ยวแรงอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ มองหรงจิ่นด้วยความหวาดกลัวแวบหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งโซซัดโซเซออกจากโรงเตี๊ยมไป
หรงจิ่นที่อยู่ด้านหลังแค่นยิ้มเย็นชา ทว่าต่อมากลับปรากฏแสงประกายสีแดงพุ่งออกไปจากแขนเสื้อ ทันใดนั้นบุรุษที่วิ่งอย่างคลุ้มคลั่งก็ชะงักฝีเท้าก่อนล้มลงสิ้นใจภายใต้สายตาของทุกคนที่กำลังจับจ้องอยู่ เลือดสีแดงเข้มไหลรินนองเต็มพื้น หากมีคนเข้าไปดูสักนิดก็จะค้นพบว่าทั่วทั้งร่างของเขาถูกหั่นเป็นชิ้น เพียงแต่ฝีดาบนั้นช่างว่องไว กระทั่งฟาดฟันในเวลาเดียวกันเลยทำให้รักษาร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“มีดซิวหลัว! คุณชายอวิ๋นอิ่น!” มีคนแอบสบถขึ้นอย่างตกใจ ยอดฝีมือที่ใช้มีดในการต่อสู้มีไม่มาก แถมยังมีฝีมือดั่งยอดเซียนเช่นนี้ ท่วงท่าที่ทำให้คนมองกระบวนท่าแทบไม่ทันคงมีเพียงคุณชายอวิ๋นอิ่นเท่านั้น จากนั้นทุกคนก็มองไปทางบุรุษชุดดำ หน้ากากสีเงินลวดลายสีทอง ชุดผ้าแพรสีดำลายทอง มีคนไม่น้อยลอบก่นด่าตนเองว่าทำไมถึงตาบอดเดาตัวตนของอีกฝ่ายไม่ออก
ไม่ว่าในใจของชาวบ้านหรือคนในยุทธภพ คุณชายอวิ๋นอิ่นยากที่จะแยกแยะได้ว่าเป็นคนดีหรือเลวกันแน่เพราะเขาเคยจับโจร จัดการปลิดชีพโจรป่าตรงชายแดนแคว้นเย่ว์จนเกลี้ยง อีกทั้งเขายังเคยสังหารคนเลวทรามต่ำช้ามาก็ไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็ฆ่าคนดีไปมากทีเดียว อย่างเช่นคนที่ล่วงเกินทางคำพูดในวันนี้ก็ถูกฆ่าทิ้งซึ่งยิ่งไม่ใช่การกระทำของคนดีสักเท่าไรนัก
หรงจิ่นกลับไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด เขารับผ้าเช็ดหน้าที่ฮั่วซูส่งมาเช็ดมือก่อนหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เพราะชิงชิงยังรอเขาอยู่ตรงนั้น
ทุกคนต่างสังเกตเห็นเรื่องน่าตกตะลึงนี้ ยิ่งเขาเดินเข้าใกล้สาวน้อยชุดขาวที่มีผ้าปิดหน้าผู้นี้เท่าไร ไอสังหารบนร่างของคุณชายอวิ๋นอิ่นก็ยิ่งจางลงมากเท่านั้น
“อะไรกัน ใครกันที่เหี้ยมหาญกล้าหาเรื่องนักฆ่าฝีมือฉมังอย่างคุณชายอวิ๋นอิ่นได้” มีเสียงทุ้มต่ำกลั้วเสียงหัวเราะอย่างเฉยเมยดังแว่วมาจากนอกประตู
จากนั้นก็เห็นบุรุษในชุดสีม่วงคนหนึ่งประคองหญิงสาวชุดขาวร่างกายบอบบางเดินเข้ามาด้านใน กระทั่งขณะที่เดินผ่านศพบนพื้นกลับไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย ราวกับนั่นไม่ใช่คนตายที่เลือดสดไหลอาบท่วมตัวคนหนึ่ง แต่เป็นเพียงก้อนหินที่ขวางทางอยู่เท่านั้น ทว่าหญิงสาวในชุดสีขาวข้างกายเขากลับอุทานอย่างตกใจ แล้วยิ่งขยับตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดเขามากขึ้นกว่าเดิม
“เว่ยอู๋จี้!” หรงจิ่นหรี่ตาลงพลางมองคนที่ย่างกรายเข้ามาในโรงเตี๊ยมด้วยท่าทีเย็นชา
เว่ยอู๋จี้คลี่ยิ้มบาง พยักหน้าเอ่ยเสียงเบา “คุณชายอวิ๋นอิ่น เจอกันอีกแล้ว”
“คุณชายเว่ย” ผู้ดูแลโชคร้ายที่เดิมทีหลบอยู่อีกฝั่งลอบสบถกับตัวเองก่อนเดินออกมาอย่างรวดเร็ว สำหรับคนทำมาค้าขายแล้ว คุณชายเว่ยสำคัญกว่าคนในยุทธภพมาก เว่ยอู๋จี้เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในใต้หล้า ในมือมีทรัพย์สินครอบครองอยู่ไม่รู้ตั้งเท่าไร ขอแค่คนทั่วไปได้ผูกสัมพันธ์สักนิดก็พอกินพอใช้ไปจนตายแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้คุณชายเว่ยจะมาเยือนถึงหอมู่หวาจนชวนให้เขารู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว
เว่ยอู๋จี้ยิ้มพลางพยักหน้า ทว่าสายตาของคนส่วนมากกลับยังคงจับจ้องร่างของหรงจิ่น เขาเจอะเจออวิ๋นอิ่นไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง กระทั่งยากจะคาดเดานิสัยของอวิ๋นอิ่นได้ หากจู่ๆ ตอนนี้เขาลงไม้ลงมือขึ้นมาคงรับมือกับสถานการณ์ไม่ได้ไหวจริงๆ เกรงว่าบนโลกนี้คนที่รู้ว่าเว่ยอู๋จี้เป็นยอดฝีมือคงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
จากนั้นแววตาของเว่ยอู๋จี้ก็เลื่อนไปจับจ้องร่างของมู่ชิงอีแทนแล้วเลิกคิ้วด้วยความตกใจ “แม่นางผู้นี้คือ” ดวงตาภายใต้ผ้าผืนบางคู่นั้นช่างคุ้นตานัก แต่ชั่ววินาทีนั้นเว่ยอู๋จี้กลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นแม่นางผู้นี้จากที่ใด แต่เขามั่นใจว่าต้องเป็นหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่งแน่นอน เพียงแต่ปกติแล้วอวิ๋นอิ่นไปไหนมาไหนเพียงลำพัง จู่ๆ รอบกายก็ปรากฏกลุ่มคนโผล่มามากมายขนาดนี้ช่างน่าแปลกใจมากจริงๆ
หรงจิ่นแค่นเสียงเบาอย่างไม่สนใจคำถามของเว่ยอู๋จี้ แต่กลับจูงมือมู่ชิงอีเดินขึ้นไปด้านบน
พวกเทียนเฉวียนสามคนด้านหลังจับจ้องเว่ยอู๋จี้อย่างระแวดระวัง คนอื่นๆ อาจไม่รู้ว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขากับคุณชายเว่ยเป็นศัตรูคู่แค้นกัน แต่พวกเขาจะไม่รู้ฝีมือที่เก็บซ่อนอยู่ของเว่ยอู๋จี้ได้เช่นไร
เว่ยอู๋จี้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “คุณชายอวิ๋นอิ่น ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอกันสักครั้ง เจ้าตระหนี่ได้แม้แต่สุราจอกเดียวเชียวหรือ ข้ายังอยากสนทนาเรื่องสำนักคุ้มกันหลิงเวยเมื่อหลายวันก่อนกับคุณชายอยู่เลย”
หรงจิ่นที่อยู่ด้านบนแสยะยิ้มเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ขึ้นมาเถิด”
ภายในห้องส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดชั้นสอง ครู่เดียวก็มีคนเข้ามาถึงแปดเก้าคนแต่กลับไม่รู้สึกเบียดเสียดเลยสักนิด หรงจิ่นพามู่ชิงอีมานั่งลงตรงเก้าอี้หลัก แล้วปรายตามองเว่ยอู๋จี้ที่เดินเข้ามาอย่างเย็นชา ส่วนเทียนซู เทียนเสวียนและฮั่วซูนั่งลงด้านหลังพวกเขาสองคน เว่ยอู๋จี้ส่ายศีรษะ แต่ก็ไม่ได้ช่างเลือกเลยดึงเชียนหลิงนั่งลงตรงตำแหน่งล่างสุด ส่วนองครักษ์ที่ติดตามเว่ยอู๋จี้มาสองคนกลับยืนรออยู่นอกประตู
เว่ยอู๋จี้กวาดตามองมู่ชิงอีแล้วเอ่ย “เจอคุณชายอวิ๋นอิ่นในเมืองเผิงเช่นนี้ข้ามิได้ตกใจนัก เพียงแต่…ข้าคิดไม่ถึงว่าคุณชายอวิ๋นอิ่นจะสนใจหญ้าเซียนเก้าเมฆาด้วย”
หรงจิ่นยิ้มเอ่ย “หญ้าเซียนเก้าเมฆาเป็นของล้ำค่าในใต้หล้า จะมีใครไม่สนใจกันเล่า อย่าว่าแต่ข้าเลย เพราะแม้แต่คุณชายเว่ยที่ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้ายังรีบแจ้นมาเลยมิใช่หรือ”
เว่ยอู๋จี้ยิ้มขมขื่น “ข้าพูดตามตรง ข้าจำเป็นต้องได้หญ้าเซียนเก้าเมฆามา คุณชายอวิ๋นอิ่นโปรดหลีกทางให้ด้วย สินค้าของสำนักคุ้มกันหลิงเวยครั้งก่อนถือว่ายกให้เป็นของกำนัลคุณชายทั้งหมด ขอแค่ครั้งนี้เจ้าไม่ลงมือ จบเรื่องแล้วข้ายังมีของกำนัลตอบแทนเจ้าอีก”
คงโทษเว่ยอู๋จี้ที่ระมัดระวังหรงจิ่นขนาดนี้ไม่ได้ เพราะในสายตาของเว่ยอู๋จี้แต่ไหนแต่ไรมาความทรงจำที่มีต่อคุณชายอวิ๋นอิ่นก็คือชอบทำร้ายคนอื่นทั้งที่ไม่ได้สร้างผลประโยชน์ใดให้ตัวเอง แถมยังทำอะไรตามอำเภอใจ ต่อให้เขาไม่ได้หญ้าเซียนเก้าเมฆาไป แต่ในขณะเดียวกันด้วยนิสัยของเขาย่อมก่อกวนเว่ยอู๋จี้แน่นอน เรื่องความสามารถในการก่อกวนของคุณชายอวิ๋นอิ่นถือว่าเขาเห็นมาไม่น้อยแล้ว เมื่อก่อนอวิ๋นอิ่นออกโรงเพียงคนเดียว แต่กลับทำให้เศรษฐีอันดับหนึ่งในใต้หล้าและยอดฝีมือชั้นแนวหน้าอย่างเว่ยอู๋จี้ปวดศีรษะอย่างยิ่ง กระทั่งเห็นวิทยายุทธอันแกร่งกล้าแล้วจริงๆ
ไม่รู้ว่าหรงจิ่นไปคว้าพัดเล่มหนึ่งมาจากไหน เขาคลี่พัดออกเสียงดัง พรึ่บ! ก่อนโบกพัดสองทีด้วยท่าทีผ่อนคลายแล้วเอ่ย “เรื่องนี้…คงไม่ได้”
เว่ยอู๋จี้มุ่นคิ้ว “ทำไมเล่า คุณชายมีวิทยายุทธ์แกร่งกล้า ต่อให้ไม่มีหญ้าเซียนเก้าเมฆาก็เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุทธภพแล้ว หญ้าเซียนเก้าเมฆาไม่มีความหมายใดต่อคุณชายเลย คุณชายอวิ๋นอิ่นเองก็สนใจชื่อเสียงจอมปลอมในใต้หล้าเช่นกันหรือ”
หรงจิ่นเลิกคิ้วเอ่ยถาม “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นหญ้าเซียนเก้าเมฆามีประโยชน์อันใดกับเจ้าหรือ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากเจ้าได้มันไปแล้วจะไม่พัฒนาวิทยายุทธเพื่อเอามาต่อกรกับข้าเล่า”
เว่ยอู๋จี้ก้มหน้ามองเชียนหลิงแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเบา “คุณชายน่าจะยังจำได้ว่าหลายปีก่อนฝีดาบนั้นเกือบปลิดชีวิตของหลิงเชียนไปแล้ว”
“เจ้าหาให้นาง?” หรงจิ่นมุ่นคิ้วแล้วแค่นเสียงเบาทีหนึ่ง “เปล่าประโยชน์”
“เช่นนั้นคุณชายเล่า” เว่ยอู๋จี้มุ่นคิ้วเอ่ยถาม หรงจิ่นยกยิ้มเย็นชาที่มุมปากเอ่ย “ภรรยาของข้ายังดูอ่อนเยาว์ ข้าอยากลองดูว่าหญ้าเซียนเก้าเมฆาจะทำให้นางดูอ่อนเยาว์ไปได้ชั่วนิรันดร์หรือไม่”
“ที่แท้ก็อวิ๋นฮูหยินนี่เอง ข้าเว่ยอู๋จี้ เสียมารยาทแล้ว”
มู่ชิงอีพยักหน้าเอ่ยเสียงเบา “คุณชายเว่ยพูดเกินไปแล้ว ท่านพี่ชอบก่อกวนไปเรื่อย คุณชายเว่ยอย่าได้ถือสาเลย”
เว่ยอู๋จี้กล่าวว่า “มิกล้า” ก่อนขมวดคิ้วมองหรงจิ่นเอ่ย “ในสายตาของคุณชายอวิ๋นอิ่น ชีวิตของคนๆ หนึ่งต่ำต้อยกว่าความงามของฮูหยินอีกหรือ หากเป็นเช่นนั้นข้ายินดียกของบำรุงความงามชั้นดีทั่วทั้งใต้หล้าที่สะสมไว้ให้ฮูหยินทั้งหมดแล้วกัน”