หรงจิ่นแค่นเสียงเบา เลิกคิ้วพลางยกยิ้มมองเชียนหลิงแล้วเอ่ย “เว่ยอู๋จี้ บ่าวรับใช้ของเจ้ายังอยากได้ดอกไม้กระถางนี้อยู่อีกหรือไม่เล่า ข้าเป็นคนใจกว้างใช่ว่าจะตัดใจยกให้ไม่ได้เสียทีเดียว” ถึงอย่างไรตอนนี้คนที่ให้ดอกไม้ชิงชิงก็คือมั่วเวิ่นฉิง เขาเลยเห็นแล้วขัดหูขัดตา ค่อยหาต้นที่ดีกว่ามาให้ชิงชิงแล้วกัน
เว่ยอู๋จี้มุ่นคิ้วโดยไม่พูดอะไร เชียนหลิงกลับชิงเปิดปากพูดก่อน “ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณชายอวิ๋นอิ่นมาก พวกเรา…ไปหากันเองจะดีกว่า”
หรงจิ่นเลิกคิ้วเอ่ย “ไม่จำเป็นอย่างนั้นหรือ เว่ยอู๋จี้ ดูท่าทางผู้หญิงของเจ้าจะน่าสนใจไม่เบาเลย พอดอกไม้ไม่มีพิษก็ไม่อยากได้แล้วหรือ นางคงไม่ได้คิดจะเอามั่วเยามาใช้ลอบฆ่าสามีตัวเองหรอกกระมัง เจ้า…ก็ระวังตัวไว้หน่อยเถิด”
เว่ยอู๋จี้กระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างอดไม่ได้ เอ่ยเสียงเรียบ “ขอบคุณคุณชายอวิ๋นอิ่นที่เอ่ยเตือน ข้าจะรักษาตัวอย่างดี ส่วนเรื่องมั่วเยา ในเมื่อเจ้าสำนักมั่วมอบให้แม่นางมู่เป็นของขวัญ เชียนหลิงไม่มีทางแย่งไปหรอก”
หรงจิ่นสีหน้าขรึมลง ถึงแม้สวมหน้ากากจะทำให้ไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา แต่เพราะจู่ๆ ทั่งร่างก็แผ่กลิ่นอายออกมาเลยทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขาอย่างชัดเจน
“เว่ยอู๋จี้ คอยดูแลผู้หญิงของเจ้าไว้ให้ดีเถิด” หรงจิ่นเอ่ยเสียงเย็นชา
เว่ยอู๋จี้รั้งเชียนหลิงมาปกป้องไว้ในอ้อมอก ขมวดคิ้วเอ่ยอย่างไม่ชอบใจว่า “เชียนหลิงไปล่วงเกินคุณชายอวิ๋นอิ่นตรงที่ใดหรือ” ปัญหานี้ตามรุมเร้าเว่ยอู๋จี้มานานแล้ว เหมือนนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน อวิ๋นอิ่นก็ดูอาฆาตเชียนหลิงมาก ตอนแรกเขานึกว่าเพราะตนเลยพานโกรธเชียนหลิงไปด้วย จากนั้นก็ค่อยๆ ค้นพบว่าอวิ๋นอิ่นอาจจะเกลียดชังเขามาก แต่กลับชิงชังเชียนหลิงมากกว่า หากว่ากันตามจริงพวกเขาสองคนก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
หรงจิ่นโบกมือเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าก็แค่เห็นนางแล้วขัดหูขัดตาก็เท่านั้น”
เว่ยอู๋จี้เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบขรึม “ในฐานะบุรุษ เหตุใดคุณชายอวิ๋นอิ่นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับสตรีคนหนึ่งด้วยเล่า ตอนที่ท่านทำร้ายเชียนหลิงคราวนั้น หรือข้าควรจะทำกับแม่นางมู่ด้วยดี”
“เจ้าก็ลองดูสิ!” หรงจิ่นเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ ไอสังหารเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุมพุ่งทะลักไปหาเว่ยอู๋จี้ เว่ยอู๋จี้ย่อมไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แต่เชียนหลิงที่อยู่ด้านข้างเว่ยอู๋จี้กลับรับหายนะนั้นไปแล้วกระอักเลือดสดออกมา ชั่ววินาทีนั้นสีหน้าก็ขาวซีดดั่งกระดาษ พร้อมกลิ่นอายชีวิตที่อ่อนแรงลง
“อวิ๋นอิ่น!” เว่ยอู๋จี้พลันเดือดดาล หรงจิ่นคว้าตัวมู่ชิงอีมาด้านหลังตนในคราวเดียวพลางคีบมีดซิวหลัวไว้ตรงหว่างนิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ “หากเจ้ากล้าแตะต้องชิงชิงแม้แต่ปลายขน ข้ารับรองว่าจะเฉือนเนื้อผู้หญิงคนนี้ต่อหน้าเจ้าให้เป็นชิ้นๆ เลย”
“อู๋จี้” เชียนหลิงพิงอ้อมอกของเว่ยอู๋จี้แล้วร้องเรียกด้วยเสียงอ่อนแรง ไม่แปลกเลยที่เชียนหลิงจะหวาดกลัวคุณชายอวิ๋นอิ่นมากขนาดนี้ เพราะความสามารถของเว่ยอู๋จี้แข็งแกร่ง ทุกครั้งที่อวิ๋นอิ่นกับเว่ยอู๋จี้เผชิญหน้ากัน สุดท้ายคนที่บาดเจ็บก็คือเชียนหลิง ยังไม่ต้องพูดเรื่องถูกดาบแทงเข้ากลางทรวงอกจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อสามปีก่อน แต่เรื่องโชคร้ายอย่างวันนี้ก็ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่อวิ๋นอิ่นก็ดันชอบตั้งท่าเป็นปฏิปักษ์กับเว่ยอู๋จี้อยู่เรื่อย ทว่าเว่ยอู๋จี้กลับไม่เคยตอกกลับอวิ๋นอิ่นอย่างสุดแรงได้เลยสักครั้ง
เว่ยอู๋จี้สูดหายใจเข้าลึก รั้งร่างเชียนหลิงมาโอบไว้ก่อนหันไปพูดกับหรงจิ่นเสียงเรียบ “เรื่องครั้งนี้เราค่อยสะสางกันใหม่ ขอตัว”
“ยินดีทุกเมื่อ” หรงจิ่นเลิกคิ้วเอ่ยเสียงเรียบ เห็นได้ชัดว่าไม่เก็บคำพูดของเว่ยอู๋จี้มาใส่ใจเลยสักนิด
“คุณชายเว่ยยังคงรักแม่นางเชียนหลิงไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ” ครั้นเห็นเงาแผ่นหลังของเว่ยอู๋จี้ หรงเซวียนและหรงหวงถึงเดินเนิ่บๆ มาหาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ดูท่าทางพวกเขาคงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามด้วยก็เท่านั้น
หรงเซวียนขมวดคิ้วเอ่ยอย่างไม่ชอบใจว่า “ผู้หญิงแบบนั้นมีตั้งมากมาย ล่วงเกินคนอื่นเพื่อผู้หญิงแบบนั้นคุ้มค่าจริงหรือ เว่ยอู๋จี้ไม่เห็นเก่งกาจดั่งคำเล่าลือเลย” หากเป็นสาวงามล่มเมืองทำนองนั้นยังว่าไปอย่าง แต่สำหรับหรงเซวียนแล้วคนหน้าตาอย่างเชียนหลิงมีให้เกลื่อนเมืองหลวง แถมรับประกันได้ด้วยว่าแต่ละคนล้วนฉลาดเฉลียวและมากจากตระกูลชื่อดังอีกต่างหาก
หรงหวงลูบเคราสั้นพลางยิ้มเอ่ย “เรื่องนี้…ความรักไม่เข้าใครออกใคร แถมยังผูกพันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเราจะเข้าใจเหตุผลของความรู้สึกของคุณชายเว่ยได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ยินมาว่าแม่นางเชียนหลิงผู้นี้เติบโตมากับคุณชายเว่ย ถือว่าผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กกระมัง” หากไม่ได้เก่งกาจดั่งคำเล่าลือก็เป็นเรื่องดี เศรษฐีอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างเว่ยอู๋จี้ยอมล่วงเกินคนไปทั่วเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวย่อมดีกว่าดึงคนเข้าพวกเป็นไหนๆ ถึงแม้แต่ไหนแต่ไรมาคนในราชวงศ์จะไม่เห็นพวกคนในยุทธภพและเหล่าคนค้าขายอยู่ในสายตา แต่บางครั้งก็ต้องป้องกันไว้ก่อนบ้าง
มู่ชิงอีกำลังมองร่างเงาของเว่ยอู๋จี้ที่อุ้มเชียนหลิงเดินจากไปไกลแล้วเช่นกัน มุ่นคิ้วงามพลางครุ่นคิด เว่ยอู๋จี้รักเชียนหลิงจริงๆ น่ะหรือ
เดิมทีมู่ชิงอีคิดว่ารักอยู่แล้ว ในเมื่อสิ่งดีๆ ที่เว่ยอู๋จี้ทำให้เชียนหลิงล้วนประจักษ์แก่สายตาของทุกคนจนต่างอิจฉากันถ้วนหน้า กระทั่งยอมหักหน้าองค์หญิงแคว้นหวาและฮองเฮาเพื่อเชียนหลิง แต่ตอนนี้นางเริ่มนึกคลางแคลงใจขึ้นมาบ้างแล้ว
หากผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแท้จริงคงไม่มีทางยอมให้นางได้รับอันตรายใดเป็นอันขาด ยังไม่พูดถึงท่าทีไร้มารยาทที่หรงจิ่นแสดงต่อเชียนหลิง ต่อให้ใช้ฝีดาบแทงทรวงอกจนแทบปลิดชีวิตของเชียนหลิงเมื่อสามปีก่อน อีกทั้งถูกหรงจิ่นจงใจใช้กำลังภายในทำร้ายเมื่อครู่ ถึงแม้เว่ยอู๋จี้จะขึ้นเสียงเอ่ยคำดุดันกับหรงจิ่น แต่ท่าทีกลับดูสงบจนเกินไป
ถึงแม้นางเองก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหรงจิ่นคืออะไร แต่มู่ชิงอีรู้ว่าหากวันนี้ตนถูกเว่ยอู๋จี้ทำร้าย หรงจิ่นคงไม่มีทางปล่อยไปอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่นอน คุณชายเว่ยเป็นถึงเศรษฐีในใต้หล้า อีกทั้งเป็นผู้นำของหันเสวี่ยโหลวสำนักนักฆ่าอันดับหนึ่งในใต้หล้า ด้วยอิทธิพลของเว่ยอู๋จี้แล้วหากทุ่มสุดแรงจริงๆ หรงจิ่นก็ใช่ว่าจะรอด แต่เว่ยอู๋จี้กลับไม่ได้แสดงท่าทีใดต่อเรื่องที่หรงจิ่นหมายฆ่าเชียนหลิงเมื่อสามปีก่อนเลยสักนิด อย่างน้อยก็ยืนยันให้เห็นแล้วว่า…เว่ยอู๋จี้ไม่ได้สนใจเชียนหลิงสักเท่าไร อย่างน้อยก็ไม่ได้สนใจอย่างที่เขาแสดงให้เห็นนัก
ครั้นเห็นสีหน้าขบคิดของมู่ชิงอี หรงจิ่นก็ยื่นมือบิดดวงหน้าของนางให้หันกลับมามองตัวเองแล้วเอ่ย “เว่ยอู๋จี้มีอะไรน่าดูกัน ชิงชิงมองข้าสิ”
มู่ชิงอีกลอกตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์นัก “แล้วท่านมีอะไรน่าดูกัน”
หรงจิ่นไม่สบอารมณ์เล็กน้อย อย่างน้อยข้าก็เป็นหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งในใต้หล้ามิใช่หรือ พูดมาได้เช่นไรว่ามีอะไรน่าดูกัน
“ชิงชิงมองข้า…” หรงจิ่นเอ่ยด้วยท่าทีน้อยใจ รั้นจะให้ชิงชิงเลื่อนสายตามามองตนให้ได้ มู่ชิงอีเอือมระอาอยู่บ้าง จากนั้นก็ทำได้แค่เงยขึ้นมองใบหน้าที่สวมหน้ากากของเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยนดูไม่จริงใจว่า “อืม คุณชายอวิ๋นอิ่นช่างหล่อเหลายิ่งนัก”
พรวด! หรงเซวียนและหรงหวงที่อยู่ด้านหลังต่างก้มหน้าหลุดขำอย่างกลั้นไม่อยู่ หรงหวงยิ้มเอ่ย “ความรักของคุณชายอวิ๋นอิ่นกับฮูหยินช่างน่าอิจฉานัก”
คุณชายอวิ๋นอิ่นมักเผยท่าทีผยองดูแคลนคนนอกเสมอเลยทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาสูงส่งและเข้าหาได้ยาก ทว่าเขากลับทำตัวเหมือนเด็กน้อยยามอยู่กับว่าที่ฮูหยินผู้นี้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
หรงจิ่นเหลือบมองพวกเขาสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นก็ดึงมือของมู่ชิงอีหมุนตัวเดินจากไป “ชิงชิง พวกเรากลับกันเถิด”
“พวกท่านช้าก่อน” หรงเซวียนและหรงหวงที่อยู่ด้านหลังรีบสาวเท้าเดินตามไป หรงหวงยิ้มเอ่ย “อวิ๋นฮูหยิน ข้ามีเรื่องอยากขอคำชี้แนะ เช่นนั้นเราไปหอมู่หวากันดีหรือไม่”