หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 384 ชิงอีกลับเมืองหลวง (2)

หวนคืนชะตาแค้น

หรง​จิ​่​น.​..​หาก​เทียบ​ระหว่าง​ฆ่า​เขา​ตาย​กับ​มาป​่​วน​งาน​เช่นนี้​แล้ว​ ​แบบ​ใด​เหมือน​มี​ปม​แค้น​ลึกซึ้ง​มากกว่า​กัน​แน่

พระ​ชายา​จื้อ​ผงะ​ไป​ ​ครั้น​ได้สติ​ก็​หลีกทาง​เปิด​ประตู​ให้​เขา​ด้วย​ท่าที​เชื่องช้า​ ​จากนั้น​ก็​เห็น​หรง​จิ​่น​จุด​ธูป​กราบไหว้​ด้านหน้า​ด้วย​ท่าที​นอบน้อม​ท่ามกลาง​สายตา​ตกตะลึง​ของ​ทุกคน​ ​ทุกคน​ใน​นั้น​ต่าง​กล้า​สาบาน​ว่า​เมื่อก่อน​ต่อให้​องค์​ชาย​เก้า​กราบไหว้​ฟ้า​ดิน​ก็​ยัง​ไม่​ดู​จริงจัง​เท่านี้​มาก​่อน​เลย

หลังจาก​ปัก​ธูป​ ​เดิมที​หรง​จิ​่​นวาง​แผน​จะ​สะบัด​ชายผ้า​กลับ​จวน​ไป​เลย​ ​ทว่า​พอ​เห็น​สายตา​แปลก​ๆ​ ​ของ​เหล่า​องค์​ชาย​รอบข้าง​ที่จับ​จ้อง​มาทาง​ตน​เลย​ตัดสินใจ​ว่า​อย่า​ทำตัว​แปลกแยก​นัก​เลย​จะ​ดีกว่า​ ​ฉับพลัน​ก็​เดิน​เข้าไป​ระหว่าง​ตำแหน่ง​ที่​องค์​ชาย​แปด​และ​องค์​ชาย​สิบ​ยืน​อยู่​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​พี่​แปด​ ​น้อง​สิบ​ ​พวก​เจ้า​มา​เร็ว​กัน​จริงๆ​”

“​น้อง​เก้า​…​ก็​ไม่​ช้า​เลย​”​ ​องค์​ชาย​แปด​เอ่ย​ด้วย​ท่าที​ตะลึงงัน

“​พี่​เก้า​”​ ​ถึงแม้​องค์​ชาย​สิบ​จะ​ตั้งแง่​กับ​หรง​จิ​่​นมา​โดยตลอด​ ​แต่​พอ​เห็น​หรง​จิ​่น​จับจ้อง​มาทาง​ตน​แน่นิ่ง​เช่นนั้น​ ​เขา​ก็​อด​เย็นวาบ​ที่​ศีรษะ​ขึ้น​มา​ไม่ได้​ ​“​พี่​เก้า​…​ท่าน​มี​อะไร​หรือไม่​”​ ​หาก​ไม่มี​เรื่อง​ใด​แล้ว​จะ​จ้อง​เขา​แน่นิ่ง​เช่นนี้​ไป​ทำไม​กัน

หรง​จิ​่น​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ ​“​เจ้า​ถอย​ไป​ยืน​ด้านหลัง​หน่อย​”​ ​หรง​จิ​่น​ดัน​องค์​ชาย​สิบ​ไป​ทาง​ด้านหลัง​แล้ว​ยืน​แทนที่​ตำแหน่ง​องค์​ชาย​สิบ​เมื่อ​ครู่​โดย​ไม่​คิด​เกรงใจ​สักนิด​ ​แต่ไหนแต่ไรมา​เหล่า​องค์​ชาย​จะ​ยืน​เรียง​กันตา​มลำ​ดับ​ ​ครั้น​องค์​ชาย​สิบ​เห็น​เขา​มายืน​แทรก​ด้านหน้า​และ​ไม่​คิด​คืน​ที่​ให้​ ​เลย​ทำได้​แค่​ปล่อยไป​ตามมารยาท

ปีนี​้​จื้อ​อ๋อง​หรง​หวง​อายุ​ได้​สี่​สิบ​แปด​ชันษา​แล้ว​ ​บุตรชายคนโต​เอง​ก็​อายุ​ปา​ไป​สามสิบ​เอ็ด​ปี​แล้ว​เช่นกัน​ ​หาก​เทียบ​กับ​หรง​จิ​่น​เขา​โตก​ว่า​สิบสอง​ปี​เต็ม​ ​จื้อ​อ๋อง​มีบุ​ตร​ชาย​สี่​คน​และ​บุตรสาว​สาม​คน​ ​บัดนี้​แต่ละคน​ต่าง​ร้องห่มร้องไห้​น้ำตา​นองหน้า​กัน​อยู่​ด้านหลัง​พระ​ชายา​จื้อ

เพราะ​พระศพ​ของ​จื้อ​อ๋อง​ยัง​มา​ไม่​ถึง​ ​เหล่า​ขุนนาง​ใหญ่​ที่​ล่วงหน้า​มาก​ราบ​ไหว้​ต่าง​ทยอย​ลาก​ลับ​ก่อน​หลังจาก​ปัก​ธูป​เสร็จ​ ​แต่​เหล่า​องค์​ชาย​ที่อยู่​ใน​ฐานะ​พี่น้อง​กลับ​ต้อง​คอย​อยู่​ต้อนรับ​แขกเหรื่อ​ที่มา​กราบไหว้​เป็นเพื่อน​พี่สะใภ้​และ​หลาน​ๆ​ ​รอ​จนกระทั่ง​ช่วง​บ่าย​คนที​่​มาก​ราบ​ไหว้​ลดน้อยลง​แล้ว​ ​ทุกคน​ถึง​บอกลา​พระ​ชายา​จื้อ

สวิน​อ๋อง​ที่​แต่ไหนแต่ไรมา​พูดน้อย​จน​เหมือน​อากาศธาตุ​ ​อีกทั้ง​ด้วย​สุขภาพ​ที่​ไม่​สู้​ดี​ของ​เขา​เลย​โผล่​หน้า​มา​แวบ​หนึ่ง​ก็​กลับ​ไป​แล้ว​ ​ดังนั้น​ผู้นำ​ของ​องค์​ชาย​เหล่านี้​เลย​ตกเป็นของ​องค์​ชาย​สี่​ ต​วน​อ๋อง​หรง​เหยี​่​ยน

ขณะที่​พระ​ชายา​จื้อ​ไป​ส่ง​เหล่า​พระ​ชายา​คนอื่นๆ​ ​หรง​เหยี​่​ยน​ที่อยู่​เป็นเพื่อน​ซื่อ​จื่อ​มาต​ลอด​ก็​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​ไหว​เอ๋อร​์​ ​เสียใจ​ด้วย​”

หรง​ไหว​ ​ซื่อ​จื่อ​ของ​จื้อ​อ๋อง​ก็​นับว่า​เป็น​หลานชาย​คนโต​ของ​ฮ่องเต้​แคว้น​เย​่ว​์​ ​เขามอง​เหล่า​อา​ที่อยู่​เบื้องหน้า​แล้ว​พยักหน้า​รับ​ด้วย​ท่าที​นอบน้อม​ ​“​ขอบ​พระทัย​ท่าน​อา​สี่​ ​และ​ขอบ​พระทัย​ท่าน​อาค​นอื​่น​ๆ​ ​ด้วย​”

หรง​เหยี​่​ยน​ตบ​ไหล่​ของ​เขา​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ ​“​วันหน้า​เจ้า​ต้อง​เป็น​เสาหลัก​ของ​จวน​จื้อ​อ๋อง​ ​และ​เกลี้ยกล่อม​พี่สะใภ้​ว่า​ดูแล​สุขภาพ​ให้​ดี​ ​ดวงวิญญาณ​บน​ฟ้า​ของ​เสด็จ​พี่​คง​ไม่​อยาก​เห็น​นาง​ทนทุกข์​เช่นนี้​”

ซื่อ​จื่อ​เค้น​รอยยิ้ม​บาง​ออกมา​พลาง​พยักหน้า​เอ่ย​ ​“​หลาน​เข้าใจ​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

เวลานี้​หรง​เหยี​่​ยน​ถึง​พยักหน้า​เอ่ย​ ​“​เย็น​มาก​แล้ว​ ​พวกเรา​คง​ต้อง​ขอตัว​ลา​”

“​ใน​จวน​ยัง​มีเรื่อง​จุกจิก​อีก​มากมาย​ ​เช่นนั้น​หลาน​ส่ง​ท่าน​อา​ทุกคน​กลับ​เลย​แล้วกัน​”​ ​ซื่อ​จื่อ​กล่าว

คนอื่นๆ​ ​ต่าง​พากัน​เอ่ย​ปลอบ​ซื่อ​จื่อ​ไม่​กี่​ประโยค​ก่อน​ตาม​หรง​เหยี​่​ยน​กลับ​ไป​ ​เพียงแต่​พอ​มาถึง​หรง​จิ​่น​ ​ชั่วชีวิต​นี้​หรง​จิ​่น​ไม่เคย​เอ่ย​ปลอบ​ใคร​ด้วย​เสียงอ่อน​เสียงหวาน​ได้​สำเร็จ​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​การตาย​ของ​หรง​หวง​ก็​เป็นฝี​มือ​เขา​ด้วย​ ​หาก​เวลานี้​ยัง​ต้อง​เอ่ย​ปลอบ​บุตรชาย​ของ​เขา​ ​คน​ใจ​เหี้ยม​อย่าง​หรง​จิ​่น​ย่อม​ทำไม​่​ลง​อยู่​แล้ว​ ​ฉะนั้น​เขา​เลย​แค่​กวาดตา​มอง​ซื่อ​จื่อ​ด้วย​สายตา​ราบเรียบ​ก่อน​เดิน​จากไป

ซื่อ​จื่อ​เอง​ก็​ไม่สน​ใจ​ท่าที​ของ​เขา​เช่นกัน​ ​องค์​ชาย​เก้า​สามารถ​อยู่​อย่างสงบ​เสงี่ยม​โดย​ไม่​ป่วน​งาน​ได้​เป็น​ครึ่ง​ค่อนวัน​ก็​นับว่า​เหนือ​ความคาดหมาย​มาก​แล้ว​ ​หาก​เขา​เอ่ย​ปลอบใจ​ใคร​อีก​ ​ไม่แน่​ซื่อ​จื่อ​คง​ตกใจ​น่าดู

หลังจาก​ส่ง​แขก​กลับ​ ​ซื่อ​จื่อ​ก็​ไล่​บ่าว​รับใช้​และ​พี่น้อง​ต่างมารดา​คนอื่นๆ​ ​ออก​ไป​ก่อน​จะ​คุกเข่า​ตรงหน้า​โถง​พระศพ​เงียบๆ​ ​เพียงลำพัง

การ​สิ้นพระชนม์​ของ​จื้อ​อ๋อง​ไม่ได้​สื่อ​เพียง​ว่า​เขา​สูญเสีย​บิดา​และ​ขาด​เสาหลัก​ใน​จวน​จื้อ​อ๋อง​ไป​เท่านั้น​ ​ในขณะเดียวกัน​ยัง​สื่อ​เป็นนัย​ว่า​คานอำนาจ​ระหว่าง​จวง​อ๋อง​และต​วน​อ๋อง​ที่​แอบ​สู้​กัน​มา​อาจ​ล้ม​ลง​ได้​ใน​พริบตา​ ​ไม่ว่า​ตระกูล​ฝั่ง​ฮองเฮา​ ​ตระกูล​ฝั่ง​พระ​ชายา​จื้อ​หรือ​ตระกูล​ฝั่ง​พระ​ชายา​ซื่อ​จื่อ​ ​กระทั่ง​คนที​่​พักพิง​จวน​จื้อ​อ๋อง​ต่าง​รู้สึก​ว่า​เป็น​แรง​จู่โจม​ครั้ง​ใหญ่​ ​ถึงแม้​ซื่อ​จื่อ​จะ​อายุ​ล่วงเลย​มาถึง​สามสิบ​ปี​ ​ทว่า​เดิมที​ใน​ราชสำนัก​ไม่มี​ที่​ยืน​ให้​เหล่า​หลาน​ๆ​ ​อยู่​แล้ว​ ​ชั่ว​วินาที​นี้​ต่อให้​เขา​จะ​เป็น​หลาย​ชาย​คนโต​ก็​คุม​อำนาจ​ไม่​ให้​สั่น​คลอด​ได้​ยาก​เช่นกัน​ ​หรือ​…​จวน​จื้อ​อ๋อง​ต้อง​ล่มสลาย​ไป​เช่นนี้​หรือ

“​ไหว​เอ๋อร​์​”​ ​หลังจาก​พระ​ชายา​จื้อ​ส่ง​แขก​เสร็จ​ก็​วกกลับ​มาที​่​ห้องโถง​ ​จากนั้น​ก็​เห็น​บุตรชาย​คุกเข่า​ก้มหน้า​ไม่รู้​ว่า​กำลัง​ขบคิด​อะไร​อยู่​เพียงลำพัง​ ​การ​จากไป​ของ​พระ​สวามี​ถือเป็น​แรง​โจมตี​ครั้ง​ใหญ่​ของ​พระ​ชายา​จื้อ​เช่นกัน​ ​แต่​โชคดี​ที่นาง​ยัง​มีบุ​ตร​ชาย​อยู่

“​ท่าน​แม่​”​ ​ซื่อ​จื่อ​ลุกขึ้น​แล้ว​เอ่ย​เสียง​นอบน้อม​ ​“​ท่าน​แม่​ต้อง​ดูแล​สุขภาพ​ให้​ดี​”

พระ​ชายา​จื้อ​กลั้น​น้ำตา​ไม่ไหว​อีกต่อไป​ ​“​พ่อ​ของ​เจ้า​จากไป​เช่นนี้​คงเหลือ​เพียง​เรา​สอง​คน​แม่​ลูก​แล้ว​ ​วันข้างหน้า​เรา​จะ​ใช้ชีวิต​ต่อไป​เช่นไร​ ​วันนี้​เจ้า​ก็​เห็นท่า​นอา​ทั้งหลาย​ของ​เจ้า​…​เจ้า​คิด​ว่า​พวกเขา​มาก​ราบ​ไหว้​พ่อ​ของ​เจ้า​ด้วยใจจริง​หรือ​”

“​ลูก​รู้​”​ ​ซื่อ​จื่อ​กล่าว​ ​ต่อให้​เขา​จะ​ไม่รู้​ความ​เพียงใด​แต่​ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​เด็ก​ที่​เติบโต​มา​ใน​เชื้อพระวงศ์​ ​แล้ว​เขา​จะ​ไม่รู้​ความคิด​ของ​อา​เหล่านั้น​ได้​เช่นไร​ ​โดยเฉพาะ​อา​สี่​หรง​เหยี​่​ยน​!​ ​เดิมที​คนที​่​จะ​ทัดทาน​อำนาจ​ของ​ท่าน​พ่อ​ได้​ก็​มี​แค่​อา​สอง​กับ​อา​สี่​ ​เวลานี้​อา​สอง​กลับมา​ไม่ทัน​ ​หรง​เหยี​่​ยน​ย่อม​รีบ​อยาก​ใช้​โอกาส​นี้​ดึง​อำนาจ​ใน​เดิมที​ของ​จวน​จื้อ​อ๋อง​มา​เป็น​ของ​ตน​แน่นอน​ ​“​ลูก​ไม่​ปล่อย​ให้​พวกเขา​ได้​ดั่ง​ใจหวัง​แน่นอน​!​”​ ​ซื่อ​จื่อ​กัดฟัน​เอ่ย

พระ​ชายา​จื้อ​เอ่ย​พร้อม​น้ำตา​ ​“​พวกเรา​จะ​ทำ​อะไร​ได้​…​เจ้า​ก็​รู้​ท่าที​ของ​เสด็จ​ปู่​ของ​เจ้า​ดี​ ​แต่ไหนแต่ไรมา​ไม่เคย​ใยดี​กับ​หลาน​ๆ​ ​อยู่​แล้ว​ ​ถึงแม้​เจ้า​จะ​เป็น​หลานชาย​คนโต​แต่​หลาย​ปี​มานี​้​ก็​อยู่​ว่าง​ๆ​ ​เหมือน​หลาน​คนอื่นๆ​ ​ทำได้​แค่​ให้​พ่อ​เจ้า​ลง​ไม้​ลงมือ​เท่านั้น​ ​บัดนี้​…​แม้แต่​ท่าน​อา​เก้า​ ​ท่าน​อา​สิบ​ ​ท่าน​อา​สิบเอ็ด​ของ​เจ้า​ยัง​ต้อง​เข้า​ราชสำนัก​ ​กระทั่ง​ตอนนี้​เสด็จ​ปู่​ของ​เจ้า​ก็​ยัง​ไม่มี​ท่าที​ใด​เลย​”

หาก​ไม่​สามารถ​เข้าไป​ทำงาน​ใน​ราชสำนัก​ได้​ ​ต่อให้​มี​อุบาย​ความสามารถ​ใด​ก็​ไร้ประโยชน์​มิใช่​หรือ

ซื่อ​จื่อ​ประคอง​พระ​ชายา​จื้อ​นั่งลง​แล้ว​เอ่ย​ปลอบ​ ​“​ท่าน​แม่​วางใจ​เถิด​ ​มีลูก​อยู่​ ​จวน​จื้อ​อ๋อง​ของ​เรา​ไม่มีทาง​ล่ม​แน่นอน​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ใน​วัง​เรา​ยัง​มี​เสด็จ​ย่า​อยู่​ด้วย​”

“​หาก​ข้า​รู้​ว่า​คนที​่​ทำร้าย​พ่อ​ของ​เจ้า​เป็น​ใคร​ ​ข้า​จะ​บด​ร่าง​คน​ผู้​นั้น​ให้​แหลก​!​”​ ​พระ​ชายา​จื้อ​ปาด​น้ำตา​พลาง​กัดฟัน​พูด​อย่าง​เกลียด​แค้น

ซื่อ​จื่อ​กัดฟัน​เอ่ย​ ​“​ใคร​เป็น​คน​ทำร้าย​ท่าน​พ่อ​ยัง​ต้อง​เดา​อีก​หรือ​ ​ย่อม​เป็น​ท่าน​อา​สอง​ตัวดี​นั่น​!​”

“​ไหว​เอ๋อร​์​!​”​ ​พระ​ชายา​จื้อ​ผงะ​พลาง​มอง​ซื่อ​จื่อ​ด้วย​ท่าที​ตกตะลึง​ ​ซื่อ​จื่อ​มอง​ท่าน​แม่​แล้ว​เอ่ย​ ​“​มิใช่​หรือ​ ​คนใน​ยุทธ​ภพ​ทั่วไป​หาก​ไม่มี​ความแค้น​ใด​ใคร​จะ​กล้า​ทำร้าย​องค์​ชาย​คน​หนึ่ง​บ้าง​เล่า​ ​ขณะที่​ออก​กัน​ไป​ตั้ง​มากมาย​ขนาด​นั้น​แต่​ทุกคน​ตาย​เกลี้ยง​ ​ทว่า​เขา​ดัน​บาดเจ็บ​ไม่​สาหัส​เท่าไร​เสีย​อย่างนั้น​ ​อีก​อย่าง​ท่าน​แม่​ลอง​คิดดู​เถิด​ว่า​หาก​ท่าน​พ่อ​ไม่อยู่​แล้ว​ ​ใคร​จะ​ได้รับ​ผลประโยชน์​มาก​ที่สุด​”

แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​หรง​เซ​วี​ยน​ ​โอรส​คนโต​ตาย​แล้ว​ ​ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​โอรส​คน​รอง​ก็​ย่อม​กลายเป็น​คนโต​ที่สุด​ ​บัดนี้​มารดา​แท้ๆ​ ​ใน​ตระกูล​หนา​นกง​ยัง​มีศักดิ์​เป็น​เต​๋อ​เฟย​ใน​วัง​ ​สถานะ​สูงส่ง​ ​ซ้ำ​ยัง​มีต​ระ​กูล​หนา​นกง​เป็น​แรง​เกื้อหนุน​ ​อีกทั้ง​มี​ความดี​ความชอบ​เรื่อง​การทหาร​ติดตัว​ ​แม้แต่ต​วน​อ๋อง​หรง​เยี​่​ยน​ก็​ยัง​ห่าง​ชั้น​จาก​องค์​ชาย​คน​นี้​มาก​นัก

“​จวง​อ๋อง​…​เป็น​เขา​จริงๆ​ ​น่ะ​หรือ​ ​เขา​จะ​รังแก​กัน​เกินไป​แล้ว​!​”​ ​พระ​ชายา​จื้อ​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​ ​ครั้น​ได้​ฟัง​บุตรชาย​กล่าว​เช่นนี้​ ​ต่อให้​ไม่มี​หลักฐาน​มายืน​ยัน​แต่​พระ​ชายา​จื้อ​กลับ​มั่นใจ​ว่า​ต้อง​เป็นฝี​มือ​ของ​หรง​เซ​วี​ยน​แน่นอน​ ​ใน​ใจ​ก็​ยิ่ง​เคียดแค้น​ตระกูล​หนา​นก​งมา​กก​ว่า​เดิม

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท