การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นนั้นกล่าวง่ายๆ ก็คือทำไปเพื่อให้ได้ใจฮ่องเต้ หากฮ่องเต้ห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่งในศูนย์กลางของราชสำนักตั้งแต่แรก ต่อให้มีกลอุบายมากมายเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ ไม่แปลกใจเลยที่หรงจิ่นจะเดือดดาลจนถึงขั้นพูดออกมาว่าจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้ บางทีในสายตาของคนภายนอกฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ดูจะเอาอกเอาใจหรงจิ่นทุกวิถีทาง แต่สำหรับองค์ชาย การที่ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้ราชสำนักนั้นคือความอยุติธรรมที่ใหญ่หลวงที่สุด
นางถอนหายใจเบาๆ แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของหรงจิ่น มู่ชิงอีก็ตกใจเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง ยกมือขึ้นวางบนหน้าผากเขาเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าใจร้อน พวกเรามาคิดหาวิธีด้วยกัน องค์ชายเก้าเคยกลัวใครเสียที่ไหนกัน ใช่หรือไม่เพคะ”
มือที่เย็นเล็กน้อยวางบนหน้าผากของเขาเบาๆ หรงจิ่นถอนหายใจอย่างสบายใจ ความหงุดหงิดในใจเมื่อครู่ดูเหมือนจะค่อยๆ จางหายไปเพราะความเย็นนี้ หรงจิ่นเอนหลังพิงเก้าอี้ ยกมือขึ้นจับมือมู่ชิงอีวางไว้บนหน้าผากของตัวเองพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ชิงชิง ข้ามีบางอย่างผิดปกติใช่หรือไม่” เมื่อครู่เขาคิดอยากจะรีบตรงเข้าไปในวังเพื่อสังหารฮ่องเต้แคว้นเย่ว์จริงๆ
มู่ชิงอียิ้มพลางเอ่ยว่า “องค์ชายเก้าก็รู้หรือว่าตัวเองผิดปกติ แต่ว่า…ท่านเคยปกติด้วยหรือ”
หรงจิ่นหัวเราะเบาๆ ดึงมู่ชิงอีมาอยู่ในอ้อมแขน เอาหัวพิงบนไหล่ของนางแล้วเอ่ยว่า “ตราบใดที่อยู่ข้างกายชิงชิง ข้าก็จะรู้สึกสดชื่นมากขึ้น” มู่ชิงอีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน” แต่ในที่ที่หรงจิ่นมองไม่เห็น มีแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในดวงตาอันสวยงามคู่นั้น หรงจิ่นในตอนนี้เป็นเหมือนอันตรายที่สามารถระเบิดได้ตลอดเวลา ไม่มีใครรู้ว่าอาการจะกำเริบขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้เมื่อไร หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข ต่อให้หรงจิ่นได้ขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ ก็เกรงว่ามันจะคงอยู่ได้ไม่นาน
“กราบทูลท่านอ๋อง เรียนหัวหน้าผู้ดูแลกู้ ฮ่องเต้มีรับสั่งนำคนผู้หนึ่งมาส่งพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอกประตู บ่าวรับใช้เอ่ยรายงานอย่างระมัดระวัง แม้ว่าในช่วงนี้อารมณ์ของท่านอ๋องจะดีขึ้นมาก แต่การที่เห็นท่านอ๋องกลับมาด้วยท่าทางฉุนเฉียวในวันนี้ก็ยังทำให้หลายคนหวาดกลัว
“คน? ใครกัน” หรงจิ่นลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“นามว่าปู้อวี้ถังหรืออะไรสักอย่าง ฮ่องเต้ตรัสว่าในเมื่อท่านอ๋องชอบคนผู้นี้ก็จะมอบให้ท่านอ๋องเป็นคนจัดการพ่ะย่ะค่ะ” บ่าวรับใช้รายงาน
หรงจิ่นแค่นเสียงอย่างเหยียดหยาม ไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก มู่ชิงอีเอ่ยเสียงเรียบว่า “พาเขาเข้ามาเถิด”
หลังจากนั้นไม่นานปู้อวี้ถังในชุดขาวก็ปรากฏตัวที่ประตูห้องตำรา ไม่นานมานี้เขายังเป็นผู้ว่าเมืองเผิงอยู่เลย ปู้อวี้ถังผู้ว่าวัยหนุ่มที่มีความสามารถ ตอนนี้กลับสวมผ้าหยาบสีขาว ร่างกายผ่ายผอมและซีดเซียวเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าช่วงเวลาที่อยู่ในห้องขังนั้นทุกข์ทรมานเพียงใด
ในขณะที่มู่ชิงอีสำรวจดูปู้อวี้ถัง ปู้อวี้ถังก็กำลังสำรวจดูทั้งสองคนอยู่เช่นกัน คนที่สวมชุดแพรสีดำที่กำลังเมินตัวเองด้วยท่าทางเกียจคร้านย่อมเป็นอวี้อ๋ององค์ชายเก้านามว่าหรงจิ่น และเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขา เดิมทีปู้อวี้ถังคิดว่าคราวนี้ตัวเองจะต้องตายแน่ๆ อย่างไรเสียองค์ชายก็สิ้นพระชนม์ในถิ่นที่ตัวเองเป็นผู้ปกครอง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะสามารถรอดมาได้ เพียงแต่ว่าปู้อวี้ถังคิดจนหัวแทบระเบิดก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์ชายเก้าถึงได้ช่วยตัวเอง
จากนั้นก็หันไปมองเด็กหนุ่มชุดขาวซึ่งนั่งอยู่ถัดจากอวี้อ๋อง ท่าทางอายุประมาณสิบห้าปี ใบหน้าดูสง่าและงดงามยิ่งกว่าอวี้อ๋องเสียอีก รอยยิ้มบนใบหน้าและท่าทางสงบนิ่งแสดงให้เห็นว่าสถานะในจวนอวี้อ๋องนั้นไม่ต่ำเลย เดิมทีปู้อวี้ถังก็ไม่ใช่ขุนนางในเมืองหลวง ครั้งนี้เขาเข้าเมืองหลวงมาในฐานะนักโทษ ย่อมไม่รู้ตัวตนของชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ตรงหน้า ทำได้เพียงแต่คาดเดาในใจว่าอาจจะเป็นองค์ชายหรือคนในเชื้อพระวงศ์
“ใต้เท้าปู้ ลำบากท่านแล้ว เชิญนั่งก่อนเถิด” มู่ชิงอีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ปู้อวี้ถังรีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ตอนนี้ข้าเป็นเพียงแค่สามัญชน ไม่บังอาจเป็นใต้เท้า ขอบพระทัยองค์ชายอวี้อ๋องที่ช่วยชีวิตข้า ท่านนี้…เอ่อ…”
มู่ชิงอียิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าแซ่กู้ นามว่ากู้หลิวอวิ๋น เป็นหัวหน้าผู้ดูแลจวนอวี้อ๋อง”
ปู้อวี้ถังตกใจ แม้ว่าท่าทางที่ดูสง่างามจะมีมาตั้งแต่กำเนิด แต่การที่จะเป็นผู้ดูแลจวนท่านอ๋องได้นั้นต้องมีความสามารถ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าดูแล้วท่าทางอายุเพียงสิบห้าปี แต่กลับได้เป็นหัวหน้าผู้ดูแลจวนอวี้อ๋องแล้ว ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจมากจริงๆ
มู่ชิงอีเองก็ไหลไปตามน้ำ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายปู้ไม่จำเป็นต้องมากพิธี นั่งลงเถิด” ปู้อวี้ถังมองดูหรงจิ่นที่อยู่ข้างๆ หรงจิ่นเอ่ยเสียงเรียบว่า “นั่งลงเถิด”
ปู้อวี้ถังจึงได้เอ่ยขอบพระทัยแล้วนั่งลงอย่างระมัดระวัง เดิมทีเขาไม่ใช่คนระมัดระวังคำพูดและการกระทำขนาดนั้น แต่การที่ต้องมารับกรรมอย่างไร้สาเหตุเช่นนี้ ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะรอดมาได้ จึงต้องระมัดระวังการกระทำ
เมื่อเห็นท่าทางระมัดระวังของปู้อวี้ถัง มู่ชิงอีก็อดถอนหายใจไม่ได้ คราวนี้พวกเขาทำร้ายปู้อวี้ถังไว้ไม่น้อยเลย
“คุณชายปู้ไม่จำเป็นต้องกังวลเช่นนี้ ท่านอ๋อง…ไม่ใช่คนที่เข้ากับคนได้ยาก” เมื่อพูดคำนี้ออกมาแม้แต่มู่ชิงอีก็ยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองพูด เมื่อเห็นท่าทางคลุมเครือของปู้อวี้ถังที่มีสีหน้าเหมือนกำลังถามว่า ‘เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่หรือ’ มู่ชิงอีก็ทำได้เพียงส่ายหน้า ยิ้มอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ถามตรงๆ ว่า “ต่อไปคุณชายปู้มีแผนการอย่างไร”
ปู้อวี้ถังยิ้มอย่างลำบากใจ “ตอนนี้ข้าน้อยเป็นเพียงแค่สามัญชนรากหญ้า ยังจะมีแผนอะไรได้อีก ได้รับความช่วยเหลือจากอวี้อ๋องก็นับว่าข้าน้อยโชคดีที่รอดมาได้ ในภายภาคหน้าคงทำได้เพียงกลับบ้านเกิดไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือเท่านั้นแล้ว”
มู่ชิงอีก้มหน้า เอ่ยเสียงเรียบว่า “นับว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ดีที่เป็นอิสระและสุจริต เพียงแต่ว่า…ข้าน้อยขอแนะนำคุณชายปู้ว่าช่วงนี้อย่าพึ่งออกจากจวนอวี้อ๋องจะดีกว่า”
ปู้อวี้ถังตกใจ “ทำไมหรือ”
มู่ชิงอีเอ่ยว่า “คุณชายปู้คิดว่าเรื่องนี้จะถูกปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือ อย่าลืมว่า…แม้ว่าองค์รัชทายาทเต้ากงจะถูกฝังอย่างสงบแล้ว แต่ฉินอ๋องยังอยู่ ฮองเฮาเองก็ยังอยู่เช่นกัน”
ปู้อวี้ถังเข้าใจในทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยว่า “หรือว่าฉินอ๋อง…” แม้บอกไปว่าการสิ้นพระชนม์ของจื้ออ๋องนั้นไม่เกี่ยวกับเขา แต่ในราชวงศ์เคยมีเหตุผลที่ไหนกัน
มู่ชิงอีพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยว่า “ใช่แล้ว คาดว่าคุณชายปู้คงเคยได้ยินเรื่องในราชสำนักและท่าทีของฉินอ๋องมาบ้างแล้ว เมื่อคุณชายปู้ออกจากเมืองหลวง เกรงว่า…” ตอนนี้ฉินอ๋องพึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง เป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง จื้ออ๋องสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน ฉินอ๋องก็รับอำนาจทั้งหมดจากจื้ออ๋องซึ่งเป็นเวลาที่เขาต้องการจะรวบรวมอำนาจ ในช่วงนี้แน่นอนว่าหรงเซวียนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่การฆ่าปู้อวี้ถังนั้นกลับไม่ใช่เรื่องยาก ต่อให้ปู้อวี้ถังตายจริงๆ เกรงว่าฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ก็คงไม่พูดอะไร
สีหน้าของปู้อวี้ถังดูแย่เล็กน้อย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ขอให้หัวหน้าผู้ดูแลกู้ช่วยชี้แนะด้วย” เขาอายุยังน้อย ยังคงมีอุดมการณ์และความเพียรพยายาม ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอดพ้นจากหายนะได้ แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการจะมาตายเช่นนี้
มู่ชิงอียิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ยังจะมีคำแนะนำอะไรได้อีก หากคุณชายปู้ไม่รังเกียจ ไม่สู้อยู่ที่จวนท่านอ๋องก่อนสักระยะหนึ่ง ต่อให้ฉินอ๋องจะกล้าแค่ไหนก็ไม่มีทางกล้ามาฆ่าคนในจวนอวี้อ๋อง”
ปู้อวี้ถังลังเลเล็กน้อย เขาคงไม่สามารถหลบซ่อนตัวอยู่ในจวนอวี้อ๋องได้ตลอดชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปู้อวี้ถังเป็นคนฉลาด เมื่ออวี้อ๋องช่วยเขาก็เท่ากับทำให้ฉินอ๋องขุ่นเคือง การทำเรื่องเช่นนี้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ คงไม่ใช่เพราะว่าอวี้อ๋องเพียงแค่อยากทำความดีขึ้นมากะทันหันหรอกกระมัง
สำรวจสีหน้าของปู้อวี้ถัง มู่ชิงอียิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ขอปิดบังคุณชายปู้ จวนอวี้อ๋องพึ่งตั้งขึ้นได้ไม่นาน ยังขาดผู้ดูแล หากคุณชายปู้สนใจ ไม่สู้อยู่ที่จวนอ๋องก่อน แน่นอนว่าหากคุณชายปู้ไม่เต็มใจ จวนอวี้อ๋องก็จะไม่บังคับ”