เว่ยอู๋จี้ยิ้มเอ่ย “กำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป คิดไม่ถึงว่าจะเจอแม่นางหลิงซูในเมืองหลวง” หลิงซูยิ้มอย่างแผ่วเบา “หลิงซูก็แค่มาตามคำสั่ง ท่านนี้…แม่นางเชียนหลิงสบายดีหรือไม่”
เชียนหลิงมองไปที่หลิงซู นางยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณแม่นางหลิงซูที่เป็นห่วง ข้า… สบายดี”
หลิงซูเหลือบมองข้อมือของนางแล้วหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มกว้าง “ช่างบังเอิญจริงๆ”
เว่ยอู๋จี้เลิกคิ้ว “แม่นางหลิงซูหมายความว่าเช่นไร”
หลิงซูยิ้มเอ่ย “หลิงซูเพิ่งจะบอกอวี้อ๋องไปว่าจวนของคุณชายเว่ยน่าจะมีไข่มุุกเปลวเพลิง คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นวันนี้”
สายตาของเว่ยอู๋จี้เป็นประกาย เขายิ้มแล้วมองไปที่หรงจิ่นกับมู่ชิงอี “ก็แค่ไข่มุุกเปลวเพลิงธรรมดา ทำไมแม่นางหลิงซูพูดถึงเรื่องนี้”
หลิงซูยิ้มแล้วชี้ไปที่มู่ชิงอีที่นั่งอยู่ข้างๆ นางยิ้ม “คุณชายเว่ยไม่เห็นหรือ ผู้ดูแลกู้นั้นขี้หนาวมาตั้งแต่เกิด หากได้สวมไข่มุุกเปลวเพลิงเพื่อปรับร่างกาย ข้าคิดว่าอีกสองสามปีคงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกแล้ว”
แน่นอนว่าเว่ยอู๋จี้สังเกตเห็นตั้งนานแล้ว แค่ดูการแต่งตัวและมือที่ถือเตาผิงมืออยู่ตลอดของมู่ชิงอีก็รู้แล้วว่านางยังไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศของเมืองหลวงแคว้นเย่ว์ แต่ไข่มุุกเปลวเพลิงไม่ใช่ไข่มุกหรือหยกที่หาได้ง่ายๆ แม้แต่ตระกูลเว่ยก็มีแค่เส้นที่อยู่บนข้อมือของเชียนหลิงแค่เส้นเดียว คงจะมอบให้คนอื่นง่ายๆ ไม่ได้
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มเอ่ย “ถึงแม้ในจวนจะไม่มีไข่มุุกเปลวเพลิงแล้ว แต่มีหยกอุ่นสองสามชิ้น แล้วยังมีผ้าใยไหมหนอนหิมะที่นำมาจากแคว้นเป่ยฮั่นทางตอนเหนือสุด หากผู้ดูแลกู้ไม่รังเกียจ กลับไปข้าส่งคนนำไปให้ที่จวนอวี้อ๋องดีหรือไม่”
ถึงแม้หยกอุ่นสามารถปรับสภาพร่างกายให้อบอุ่น แต่มันก็แค่น้อยนิด สำหรับผ้าใยไหมหนอนหิมะนั้นคือของที่หายาก ทำมาจากใยไหมของหนอนหิมะ แต่กลับทำให้ร่างกายอบอุ่นในยามฤดูหนาว สิ่งของเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเพียงของใช้ภายนอก คนที่ร่างกายรับความหนาวไม่ค่อยได้มาตั้งแต่เกิด ไม่มีอะไรดีไปกว่าไข่มุุกเปลวเพลิงที่ภายในอบอวลไปด้วยความร้อน แต่เขามอบไข่มุุกเปลวเพลิงให้เชียนหลิงไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเว่ยอู๋จี้จะขอสิ่งของที่มอบให้คู่หมั้นของตัวเองคืนมาแล้วนำไปมอบให้ชายหนุ่มเพิ่งจะรู้จักกันไม่ได้ ไม่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะทำให้เขาชื่นชมและรู้สึกเสียดายที่เจอกันช้าไปมากแค่ไหนก็ตาม
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย “แม่นางหลิงซูก็แค่พูดเล่น คุณชายเว่ยเกรงใจเช่นนี้ทำให้ข้าละอายใจยิ่งนัก”
เว่ยอู๋จี้ยิ้มอย่างสงบนิ่ง หลิงซูมองไปที่มู่ชิงอี ก่อนจะจับจ้องไปยังเว่ยอู๋จี้ นางยิ้มแหยอย่างรู้สึกผิด “ หลิงซูพูดมากเกินไป แม่นางเชียนหลิงอย่าได้ถือสา”
เชียนหลิงเหลือบมองหลิงซูแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไร
หรงจิ่นที่อยู่ข้างๆ กลับยืนขึ้น จากนั้นก็ดึงมู่ชิงอีลุกขึ้นแล้วพูดว่า “จื่อชิง ข้านึกขึ้นมาได้ว่ามีอะไรจะพูดกับตงฟังซวี่ เราไปหาเขากันเถิด”
“หือ?” มีอะไรจะพูดกับตงฟังซวี่ เมื่อครู่ยังพยายามไล่ตงฟังซวี่ให้ไสหัวไปเร็วๆ ไม่ใช่หรือ
ขณะที่มู่ชิงอีหันไปมองเว่ยอู๋จี้และคนอื่นๆ หรงจิ่นก็เหลือบมองหลิงซูแล้วพูดอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าเห็นหรือไม่ว่าผู้อาวุโสหลิงซูมีเรื่องจะคุยกับคุณชายเว่ย เรานั่งอยู่ตรงนี้ เช่นนั้นผู้อาวุโสหลิงซูก็คงต้องยืนอยู่ตรงนั้น…ถือว่าข้าได้ตอบแทนผู้อาวุโสหลิงซูก็แล้วกัน เราไปกันเถิด”
มู่ชิงอีมองดูใบหน้าที่ดูลำบากใจของหลิงซูด้วยความเห็นอกเห็นใจ ทันใดนั้นนางก็ตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางยิ้มแล้วพยักหน้าให้เว่ยอู๋จี้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราคงต้องขอตัวก่อน คุณชายเว่ย ข้าขอลา”
ไม่รอให้มู่ชิงอีพูดจบ หรงจิ่นก็ลากมู่ชิงอีออกไป ปล่อยให้พวกเขาสามคนมองหน้ากันอย่างเอือมระอาและกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“หลิงซูชอบเว่ยอู๋จี้?” เดินอยู่ในจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋อง มู่ชิงอีหันกลับไปมองโถงหลักของจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋องที่ยังคงคึกคัก นางถามด้วยความสงสัย
หรงจิ่นหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน หลิงซูออกไปท่องโลกมาตั้งนาน รู้จักเว่ยอู๋จี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่จิตใจของหญิงผู้นี้ไม่ธรรมดา”
“หมายความว่าเช่นไรเพคะ” มู่ชิงอีเลิกคิ้ว
หรงจิ่นพูด “ถึงแม้เชียนหลิงจะมีสิบชีวิตก็สู้หลิงซูไม่ได้ แต่หลิงซูไม่มีทางจัดการนางด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้น เว่ยอู๋จี้ไม่มีทางปล่อยนางไปแน่นอน เชียนหลิง…ดูเหมือนจะถูกพิษฤทธิ์เย็นอะไรบางอย่าง ร่างกายอ่อนแอมากกว่าเจ้าเสียอีก หากไม่มีไข่มุุกเปลวเพลิงก็เท่ากับต้องตาย” หรงจิ่นไม่สนใจว่าเชียนหลิงจะตายหรือไม่ แต่หลิงซูอยากจะหลอกใช้เขา เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น
มู่ชิงอีสูดหายใจเข้า นึกถึงหลิงซูที่รอยยิ้มอ่อนหวานและมีชื่อเสียงว่ามืออันบริสุทธิ์ของพระแม่กวนอิม นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย ส่ายหน้าพลางเอ่ย “หม่อมฉันไม่อยากได้ไข่มุุกเปลวเพลิง อย่างน้อย…หม่อมฉันก็ไม่อยากได้ไข่มุุกเปลวเพลิงที่อยู่บนข้อมือของเชียนหลิง” นางแค่ไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศของแคว้นเย่ว์ หากต้องทำร้ายชีวิตใครสักคนเพราะเรื่องนี้ มู่ชิงอีรับไม่ได้จริงๆ ถึงแม้นางจะไม่ค่อยชอบเชียนหลิงก็ตาม
หรงจิ่นหันหน้ามามองมู่ชิงอีตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจริงจังอยู่นาน แน่ใจว่านางกำลังพูดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทุกครั้งที่ชิงชิงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ แสดงว่านางตัดสินใจแล้ว และถึงแม้นำไข่มุุกเปลวเพลิงมาให้นาง นางก็คงไม่มีทางยอมใช้มัน
“เข้าใจแล้ว” หรงจิ่นพยักหน้า “ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าที่มีแค่ชิ้นเดียวบนโลก ข้าต้องหาไข่มุุกเปลวเพลิงที่ดีกว่านั้นให้ชิงชิงให้ได้” ก็แค่อัญมณีหายาก แต่ในเมื่อเป็นอัญมณี บนโลกใบนี้ย่อมไม่มีทางมีแค่ชิ้นเดียวแน่นอน ขอแค่ต้องใช้ความพยายาม แล้วอีกอย่าง ของที่เชียนหลิงเคยใช้นั้นเขาไม่อยากนำมาให้ชิงชิงใช้ต่อ
ถึงแม้หรงจิ่นจะชอบพูดจาเหลวไหล แต่เมื่อเขาสัญญาอะไรแล้ว เขาจะต้องรักษาสัญญาแน่นอน มู่ชิงอียิ้มอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องห่วง หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรเพคะ แต่ว่าหลิงซู…คิดไม่ถึงว่านางจะคิดร้ายกับท่านเพราะเว่ยอู๋จี้…”
หรงจิ่นหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ทุกคนล้วนแต่รู้ว่าอวี้อ๋องเป็นคนเหลวไหล นางพูดถึงเรื่องไข่มุุกเปลวเพลิงต่อหน้าข้า แน่นอนว่าข้าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ก็ไม่มีผลเสียต่อนาง”
มู่ชิงอีส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เว่ยอู๋จี้กับหลิงซูทำตัวเหมือนไม่สนิทสนมกัน แต่ผู้หญิงอย่างหลิงซูไม่ใช่เซวียไฉ่อี นางไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้เพื่อผู้ชายที่ไม่ไว้หน้านางแน่นอน”
หรงจิ่นฉงนใจ เขาเลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหมายความว่า ความสัมพันธ์ของหลิงซูกับเว่ยอู๋จี้ไม่ได้ห่างเหินกันเหมือนที่เราเห็น?” มู่ชิงอียิ้มอย่างแผ่วเบา “ท่านจำได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันเคยบอกว่า…เว่ยอู๋จี้น่าจะรู้อยู่แล้วว่าสำนักเย่าหวังกู่ไม่มีหญ้าเซียนเก้าเมฆา ตอนนั้นพวกเรายังสงสัยว่าเว่ยอู๋จี้มีสายสืบอยู่ในสำนักเย่าหวังกู่ ตอนนี้ดูเหมือนว่า…” สายสืบคนนั้นน่าจะไม่ใช่ใครอื่น ก็คือผู้อาวุโสหลิงซูแห่งสำนักเย่าหวังกู่นั่นเอง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหรงจิ่นก็เคร่งขรึมขึ้น มู่ชิงอีรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หากเว่ยอู๋จี้และหลิงซูสนิทสนมกันจริงๆ เช่นนั้นมู่หรงอวี้ที่ถูกหลิงซูแต่งตั้งให้เป็นเจ้าสำนักเย่าหวังกู่แทนมั่วเวิ่นฉิง...ตอนนี้สำนักเย่าหวังกู่อยู่ในเงื้อมมือของใครกันแน่…
มู่ชิงอีไม่ได้แปลกใจ นางพูดอย่างนิ่งเฉย “เว่ยอู๋จี้ดูไม่เหมือนพ่อค้า” อย่างน้อยเขาต้องไม่ใช่พ่อค้าธรรมดา ไม่มีพ่อค้าธรรมดาคนไหนที่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และซ่อนมันไว้ได้อย่างแนบเนียนเหมือนเว่ยอู๋จี้ และยิ่งไม่มีพ่อค้าธรรมดาคนไหนที่สามารถควบคุมกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของเจียงหูได้ เขาทำเช่นนี้ได้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันแสดงให้เห็นเพียงเรื่องเดียวนั่นก็คือ เว่ยอู๋จี้มีแผนการใหญ่