หรงจิ่นแค่นเสียงเย้ยหยัน “ข้าเองก็อยากดูว่าเขาจะทำอะไรกันแน่”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ก็มีเสียงตะโกนเสียงดังออกมาจากลานหลังของจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋อง “มีนักฆ่า!”
ขณะนี้ ทุกคนล้วนอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า เสียงดังวุ่นวายคงไม่มีใครได้ยิน แต่มู่ชิงอีและหรงจิ่นยืนอยู่ในลานที่เงียบสงัด พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนอย่างชัดเจน องครักษ์ของจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋อง พากันวิ่งไปทางลานหลังของจวนทันที หรงจิ่นเลิกคิ้วแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น่าสนุก คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาลอบฆ่ามู่หรงอวี้”
มู่ชิงอีเม้มปากยิ้ม “ทำไมถึงจะไม่มีใครมาลอบฆ่าเขาเล่า แต่เพิ่งจะมาตอนนี้ทำเอาหม่อมฉันกังวลไม่น้อย”
“หือ? เกี่ยวข้องกับชิงชิงอย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย “ฮ่องเต้แคว้นหวาแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นถึงองค์หญิง หม่อมฉันก็ควรตอบแทนเขาบ้าง ในเมื่อมู่หรงอวี้ไม่ใช่สายเลือดของราชวงศ์แคว้นหวา หม่อมฉันก็ควรทำให้เขารู้ข่าว” ด้วยนิสัยของฮ่องเต้แคว้นหวา มู่หรงอวี้ทรยศแว่นแคว้น เขาอาจทนได้เพราะเห็นแก่ราชวงศ์เเคว้นเย่ว์ แต่หากเขารู้ว่ามู่หรงอวี้ไม่ใช่สายเลือดของเขาแล้วยังทนได้ เช่นนั้นมันคงผิดปกติ
ในขณะพวกเขากำลังพูดคุยกัน ก็มีเงาดำพุ่งมาจากลานหลัง พุ่งเข้ามาหาพวกเขาสองคน หรงจิ่นโอบเอวมู่ชิงอีถอยหลังออกไป ทำให้เงาดำนั้นพุ่งผ่านหน้าพวกเขาไป มู่ชิงอียังไม่ทันเห็นหน้าตาของชายชุดดำคนนั้น เงาของเขาก็เหลือแค่จุดสีดำแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“นักฆ่า?” มู่ชิงอีถามด้วยความตกใจ
หรงจิ่นก้มหน้าลงมองรอยเลือดสีดำบนพื้น จากนั้นก็ยิ้มเอ่ย “คนสนิท ชิงชิงเราไปกันเถิด ดูเหมือนว่างานเลี้ยงจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋องคงจะต้องยกเลิกแล้ว”
ถึงแม้มู่ชิงอีจะแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน นางพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไปกันเถิด แต่ว่าต้องบอกลาเจ้าภาพก่อน” หรงจิ่นพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ก็ดีเหมือนกัน ถือโอกาสไปดูด้วยว่ามู่หรงอวี้ตายแล้วหรือยัง ข้ามักจะรู้สึกว่า…คนเช่นนี้ราวกับแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย เขาไม่มีทางตายง่ายขนาดนั้น”
แค่ดีดนิ้วมือ สายลมก็พัดผ่านพื้นดิน ทำให้หิมะสีขาวบนพื้นฟุ้งกระจาย ทันใดนั้น รอยเท้าจางๆ และรอยเลือดสีดำสองสามหยดบนพื้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หรงจิ่นมองทิศทางที่ชายชุดดำคนนั้นหายตัวไปแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
จวนอานซุ่นจวิ้นอ๋อง มีนักฆ่าบุกกลางวันแสกๆ แน่นอนว่างานเลี้ยงคงจะจัดต่อไปไม่ได้ เหมือนที่หรงจิ่นคาดเดาเอาไว้ มู่หรงอวี้ไม่มีทางตายง่ายๆ มู่หรงอวี้ไม่ใช่คนไม่กลัวความตาย แต่ตั้งแต่เขาทรยศแผ่นดินเกิดเขาก็มักจะระวังนักฆ่าอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหลังจากที่เขาได้เป็นเจ้าสำนักเย่าหวังกู่ เขาสามารถใช้พิษแปลกๆ ของสำนักเย่าหวังกู่ได้ตามอำเภอใจ ยอดฝีมือของสำนักเย่าหวังกู่ก็ปกป้องเขาอยู่ตลอด คิดอยากจะฆ่าเขาเลยไม่ใช่เรื่องง่าย
และนี่ก็ไม่ใช่การลอบสังหารครั้งแรกที่มู่หรงอวี้เจอตั้งแต่มาเเคว้นเย่ว์ แต่เขารู้สึกว่ามันเป็นการลอบสังหารที่อันตรายที่สุด ตอนที่มู่ชิงอีและหรงจิ่นเห็นมู่หรงอวี้ ใบหน้าของเขายังคงซีดขาว สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้สติกลับมาจากเหตุการณ์อันตรายเมื่อครู่
แน่นอนว่ามู่หรงอวี้ต้องกลัวอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะมียอดฝีมือของสำนักเย่าหวังกู่ อีกทั้งเขายังมียาพิษและอาวุธลับมากมายของสำนักเย่าหวังกู่ เกรงว่าวันนี้เขาคงจะตายไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ยอดฝีมือสองสามคนของสำนักเย่าหวังกู่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งในนั้นยังถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุ ตอนนี้มู่หรงอวี้ยังคงรู้สึกราวกับว่าดาบสะท้อนแสงเล่มนั้นกำลังจ่ออยู่ตรงหน้าตัวเองเสียด้วยซ้ำ
“อานซุ่นจวิ้นอ๋องไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เช่นนั้นข้าและท่านอ๋องขอตัวกลับก่อน” มองดูมู่หรงอวี้ที่ยังตื่นตระหนก มู่ชิงอีเอ่ยอย่างเฉยเมย
หลิงซู ยืนอยู่ข้างมู่หรงอวี้ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดี แต่กลับดูสงบ นางหันมาพยักหน้าให้มู่ชิงอีด้วยความรู้สึกผิด “วันนี้ทำให้อวี้อ๋องไม่สนุก อวี้อ๋องโปรดอย่าได้ถือสาเพคะ พรุ่งนี้อานซุ่นจวิ้นอ๋องจะส่งขอขวัญขอขมาไปให้ด้วยตัวเอง”
มู่ชิงอีลุกขึ้นแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา “ไม่จำเป็นกระมัง อานซุ่นจวิ้นอ๋องสีหน้าไม่ค่อยดีนัก พักผ่อนเถิด สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของมู่หรงอวี้ก็ยิ่งดูแย่มากกว่าเดิม แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์สนใจคำพูดของมู่ชิงอี มองดูหลิงซูออกไปส่งหรงจิ่นและมู่ชิงอีด้วยตัวเองโดยไม่พูดอะไร
หลิงซูส่งพวกเขาสองคนออกไปจากประตูใหญ่ด้วยตัวเอง มองดูพวกเขาขึ้นเกี้ยวออกไป บนใบหน้าที่งดงามปรากฏสีหน้าที่แปลกประหลาด จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วหันกลับเข้าไปในจวน
เมื่อกลับมาถึงจวนอวี้อ๋อง หรงจิ่นก็จับมือมู่ชิงอีเดินไปที่เรือนของตัวเอง ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือน ก็ตะโกนเรียกคน “อู๋ซิน อู๋ฉิง”
อู๋ซินปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าพวกเขาอย่างไร้เสียง “ท่านอ๋อง คุณหนู”
หรงจิ่นเหลือบมองเขาแล้วถามว่า “คนล่ะ?”
อู๋ซินเอ่ย “กำลังจะตาย อู๋ฉิงดูอยู่ขอรับ”
หรงจิ่นขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ไปดูกันเถิด”
อู๋ซินนำทางเงียบๆ เดินไปที่ห้องของหรงจิ่น สถานที่ที่เอาไว้ซ่อนคนในจวนท่านอ๋องก็คือห้องศิลาในห้องของหรงจิ่น
ทันทีที่เข้าไปก็เห็นชายชุดดำนอนอยู่บนเตียงหิน ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่มู่ชิงอีก็รู้ว่าเขาคือผู้ชายผู้ที่อยู่ในจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋องคนนั้น นางเดินเข้าไป ถึงได้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเขา เป็นคนสนิทจริงๆ ด้วย เขาคือเนี่ยอวิ๋น
ถึงแม้จะตกใจ แต่นางก็พอจะเข้าใจ เนี่ยอวิ๋นคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแคว้นหวา หากฮ่องเต้แคว้นหวาอยากฆ่าจวิ้นอ๋องในเมืองหลวงเเคว้นเย่ว์ เนี่ยอวิ๋นคือคนที่สามารถทำภารกิจนี้สำเร็จมากที่สุด แต่น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเนี่ยอวิ๋นจะพ่ายแพ้ เพราะยาพิษของสำนักเย่าหวังกู่ไม่ใช่ยาพิษธรรมดา คนที่ซื่อสัตย์และไม่เชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนอย่างเนี่ยอวิ๋น เกรงว่าคงจะติดกับดักได้ง่ายๆ
“เขาเป็นเช่นไรบ้าง” มู่ชิงอีเอ่ยถาม
อู๋ฉิงยืนขึ้นแล้วเอ่ยอย่างเอือมระอา “พิษของสำนักเย่าหวังกู่…ถึงแม้จะให้เขาทานยาล้างพิษแล้ว แต่เกรงว่าคงจะไม่ได้ผลมากเท่าไรขอรับ” หากยาล้างพิษสามารถถอนพิษของสำนักเย่าหวังกู่ได้ เช่นนั้นชื่อเสียงยาพิษพญายมของสำนักเย่าหวังกู่ก็คงจะเป็นแค่ของเล่นของเด็กน้อย
มู่ชิงอีขมวดคิ้ว มองไปที่หรงจิ่น “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้จะทำเช่นไร หาหมอที่สามารถถอนพิษของสำนักเย่าหวังกู่ในเมืองหลวงคงไม่ใช่เรื่องง่าย” คนที่สามารถถอนพิษได้ส่วนใหญ่เป็นคนของสำนักเย่าหวังกู่ และหมอหลวงในพระราชวัง
หรงจิ่นเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ถอนพิษไม่ได้ไม่เป็นไร ขอแค่ไม่ตายก็พอ สำหรับเรื่องพิษ ต่อไปค่อยคิดหาวิธีก็ไม่สาย”
“ไม่ตายก็พอ?” ทุกคนมองมาที่หรงจิ่นด้วยความสงสัย ไม่เคยได้ยินว่าองค์ชายหรงจิ่นเชี่ยวชาญเรื่องถอนพิษ
หรงจิ่นสะบัดมือแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าออกไปก่อน รอข้าเรียกแล้วพวกเจ้าค่อยเข้ามา” สีหน้าของอู๋ฉิงเปลี่ยนไป เขาเอ่ย “องค์ชายจะใช้กำลังภายในควบคุมพิษให้เขาหรือพ่ะย่ะค่ะ” นี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะกำลังภายในของหรงจิ่นมีมากพอ แต่ปัญหาก็คือหรงจิ่นไม่ใช่ยอดฝีมือทั่วไป เช่นนั้นร่างกายของเขาจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ มันทำให้คนอื่นไม่สบายใจที่จะให้เขาใช้กำลังภายในมากมายเช่นนี้
หรงจิ่นเลิกคิ้ว “หรือว่าเจ้าจะเป็นคนทำ?”
อู๋ฉิงละอายใจ กำลังภายในของเขาแข็งแกร่งพอไม่พอ
หรงจิ่นหัวเราะเยาะด้วยความพอใจ “ออกไปๆ กว่าจะจับคนที่มีความสามารถได้ ปล่อยเขาตายคงน่าเสียดาย” หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ฝีมือการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดของเนี่ยอวิ๋น ถึงแม้เนี่ยอวิ๋นจะตายตรงหน้าเขา เขาก็คงไม่แม้แต่จะเหลือบมอง