หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 435 ขุนนางใหม่เข้ารับตำแหน่ง(1)

หวนคืนชะตาแค้น

​ประชุม​ราชสำนัก​เช้า​วันนี้​บรรยากาศ​ค่อนข้าง​แปลก​กว่า​ปกติ​ ​เพราะ​ท่ามกลาง​ขุนนาง​กลุ่ม​ใหญ่​ที่​มี​เครา​และ​ผม​สีขาว​ที่​ต่อให้​แย่​แค่ไหน​อย่างน้อย​ก็​มีประสบการณ์​มา​แล้ว​หนึ่ง​ปี​ ​มี​ชายหนุ่ม​รูปงาม​สวม​ชุด​ราชสำนัก​สีแดง​ระดับ​สาม​ผู้​หนึ่ง​ยืน​อยู่

​ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​อายุ​ไม่​เกิน​สิบ​สี่​สิบห้า​ปี​ ​ขนาด​ตัว​ไม่​สูง​มาก​จน​ทำให้​เกือบจะ​จม​อยู่​ท่ามกลาง​กลุ่ม​บุรุษ​ที่​เป็นผู้ใหญ่​ ​เพียงแค่​มี​คน​เดิน​เข้ามา​ใน​พระตำหนัก​ก็​จะ​มอง​มาที​่​เขา​ทันที​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ​ริมฝีปาก​แดง​ ​ฟัน​สีขาว​ราว​หิมะ​ ​ใบหน้า​เนียน​ละเอียด​ราวกับ​หยก​ที่​แกะสลัก​อย่างประณีต​ ​แม้ว่า​หน้าตา​ดู​สดใส​ ​ไม่ได้​มีสี​หน้า​ห้าวหาญ​ ​แต่กลับ​ดู​เคร่งขรึม​และ​จริงจัง​ ​มีท​่า​ทาง​สง่างาม​และ​น่าเกรงขาม​ของ​ชนชั้นสูง​ใน​แคว้น​เย​่ว​์​ ​ราวกับว่า​ทำให้​ผู้คน​ละเลย​ต่อ​ความรู้สึก​ขัดแย้ง​ระหว่าง​อายุ​รูปร่างหน้าตา​ของ​เขา​กับ​พระตำหนัก​ใหญ่​สีทอง​อัน​โอ่อ่า​นี้​ไป​โดยปริยาย

​ชายหนุ่ม​ไขว้​มือไว​้​ด้านหลัง​ ​แม้​จะ​อยู่​ภายใต้​สายตา​ที่​กำลัง​มอง​สำรวจ​ของ​ทุกคน​ก็​ยังคง​ยิ้ม​อย่าง​สุภาพ​และ​อ่อนโยน​ ​ใน​ดวงตา​ที่​อ่อนโยน​มีสัม​ผัส​ของ​ความ​เย็นชา​และ​ความห่างเหิน​จางๆ​ ​พลอย​ทำให้​คน​รู้สึก​เหมือนกับ​ว่า​เขา​นั้น​เป็น​ชนชั้นสูง​มา​แต่กำเนิด​ ​ราวกับว่า​ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​เกิด​มา​เพื่อ​สิ่ง​นี้​ ​การ​ที่​ให้​เขา​ปีน​ขึ้นไป​อย่าง​ช้าๆ​ ​เหมือน​คนธรรมดา​ก็​เหมือน​เป็นการ​ล้างผลาญ​พรสวรรค์​และ​สติปัญญา​ของ​เขา

​องค์​ชาย​ห้ามา​สาย​เล็กน้อย​ ​เดิน​ไปหา​หรง​เหยี​่​ยน​ ​มอง​หรง​เหยี​่​ยน​พลาง​ถาม​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​พี่​สี่​เป็น​อะไร​ไป​หรือ​”

​หรง​เหยี​่​ยน​ถอนหายใจ​เบา​ๆ​ ​“​นุ่มนวล​เปล่งประกาย​ราวกับ​หยก​ ​ไม่มีใคร​เทียบ​ได้​”

​องค์​ชาย​ห้าม​อง​ดู​ชายหนุ่ม​ชุด​แดง​ที่​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​สุด​ของ​ขุนนาง​พลเรือน​ระดับ​สาม​อย่าง​สงสัย​ ​ชะงักงัน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ไม่นาน​ก็​กล่าว​เยาะเย้ย​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ก็​เพียงแค่​เด็ก​ธรรมดา​เท่านั้น​ ​สมควร​ได้รับ​คำชม​จาก​พี่​สี่​ที่ไหน​กัน​”

​หรง​เหยี​่​ยน​ส่ายหน้า​ ​ยิ้ม​เอ่ย​ ​“​นี่​คือ​คำ​เอ่ย​ชม​ของ​ราษฎร​ใน​เมืองหลวง​แคว้น​หวามี​ต่อ​คุณชาย​ใหญ่​ตระกูล​กู้​ ​คุณชาย​ซิ่ว​ถิง​ใน​ตอนนั้น​ ​น่าเสียดาย​…​แต่ว่า​ดู​จาก​ท่าทาง​ของ​กู้​หลิว​อวิ​๋น​ผู้​นี้​ ​เกรง​ว่า​ไม่จำเป็น​ต้อง​ใช้เวลา​สอง​สาม​ปี​ ​เมื่อ​เทียบ​กับ​คุณชาย​ซิ่ว​ถิง​ใน​ตอนนั้น​ก็​คงจะ​ไม่​แพ้​กัน​”

​“​เช่นนั้น​ก็​เป็นเรื่อง​สอง​สาม​ปี​ให้​หลัง​แล้ว​ ​ยัง​ไม่รู้​ว่า​เสด็จ​พ่อ​ทรง​คิด​อย่างไร​ถึง​ได้​ให้​เด็ก​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​มา​เป็น​ผู้ว่าการ​เฟิ​่ง​เทียน​”​ ​ตำแหน่ง​ผู้ว่าการ​เฟิ​่ง​เทียน​ไม่​นับว่า​สูง​มาก​ ​และ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​ตำแหน่ง​ทาง​ภูมิศาสตร์​ที่​พิเศษ​ของ​เมืองหลวง​ ​ตำแหน่ง​นี้​นับว่า​เป็น​เพียง​ตำแหน่ง​ของ​ขุนนาง​ท้องถิ่น​เท่านั้น​ ​ความจริง​แล้ว​ไม่​ค่อย​ได้​มีส่วน​เกี่ยวข้อง​อะไร​กับ​ราชสำนัก​ ​เพียงแต่ว่า​ต้อง​ดูแล​พื้นที่​เมืองหลวง​และ​เมือง​รอบ​ๆ​ ​จึง​มีสิท​ธิ​พิเศษ​ใน​การ​เข้า​ประชุม​ราชสำนัก​และ​สามารถ​เข้าเฝ้า​ฮ่องเต้​ได้​ตลอดเวลา​ ​แต่​ตำแหน่ง​นี้​กลับ​สำคัญ​มาก​ ​เมืองหลวง​และ​เมือง​รอบ​ๆ​ ​ทั้งหมด​รวมถึง​สถานที่​ใกล้เคียง​อยู่​ภายใต้​เขต​อำนาจ​ของ​เขา​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​ความขัดแย้ง​ของ​คนใน​ราชสำนัก​ ​การ​ที่​ให้​เด็ก​อายุ​เพียง​สิบ​กว่า​ปี​ขึ้น​มานั​่ง​ตำแหน่ง​นี้​ก็​เหมือนกับ​เป็นเรื่อง​ไร้สาระ

​หรง​เหยี​่​ยน​ยิ้ม​เล็กน้อย​เอ่ย​ ​“​เด็ก​หรือ​…​เด็ก​ที่ไหน​ที่จะ​มีท​่า​ทาง​สงบ​เยือกเย็น​เช่นนี้​ ​น้อง​ห้า​ ​ตอนที่​เจ้า​กับ​ข้า​เข้า​ราชสำนัก​ครั้งแรก​ใน​ใจคง​รู้สึก​ประหม่า​อยู่​บ้าง​กระมัง​”

​องค์​ชาย​ห้า​หันไป​หา​ชายหนุ่ม​ชุด​แดง​ผู้​นั้น​ ​พบ​ว่า​เขา​สงบนิ่ง​ ​ใบหน้า​แฝง​ไว้​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​บางครั้ง​ก็​พูดคุย​กับ​เหล่า​ขุนนาง​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​เขา​สอง​สาม​ประโยค​ ​ท่าทาง​สุขุม​ ​ไม่​ขี้ขลาด​และ​ไม่ได้​เย่อหยิ่ง​ ​เป็น​อย่างที่​หรง​เหยี​่​ยน​กล่าว​ ​ดูเหมือนว่า​จะ​เป็น​หยก​งาม​ที่​เนียน​ละเอียด

​“​ไม่ธรรมดา​จริงๆ​ ​ด้วย​”​ ​หลังจาก​ผ่าน​ไป​สักพัก​หนึ่ง​ ​องค์​ชาย​ห้า​จึง​ได้​ถอนหายใจ​ออกมา​อย่าง​ทอดถอนใจ

​“​อวี​้​อ๋อง​เสด็จ​!​”​ ​ที่​ประตู​มีเสียง​อัน​เสียด​แหลม​ของ​ขันที​ดัง​ขึ้น​ ​หรง​จิ​่​นที​่​สวม​ชุด​ราชสำนัก​สีม่วง​เดิน​เข้ามา​อย่าง​ฉับไว​ด้วย​ใบหน้า​เมินเฉย​ ​บรรดา​ขุนนาง​รีบ​พากัน​เดิน​เข้าไป​คำนับ

​หรง​จิ​่​นก​ลับ​เพิกเฉย​ต่อ​ความ​กระตือรือร้น​ของ​ทุกคน​ ​เดิน​ตรง​ไปหา​มู่​ชิง​อี​ ​ยิ้ม​เอ่ย​ ​“​เหตุใด​จื่อ​ชิง​ถึง​มาก​่อน​ ​ไม่​รอ​ข้า​เล่า​”

​ตอนนั้น​เอง​ที่​ทุกคน​พลัน​ตระหนัก​ได้​ว่า​ก่อนหน้านี้​กู้​หลิว​อวิ​๋น​เคย​เป็น​หัวหน้า​ผู้ดูแล​จวน​อวี​้​อ๋อง​ ​แม้ว่า​ฮ่องเต้​จะ​ประทาน​เรือน​ให้​แล้ว​ ​แต่​ก็​ยัง​ไม่ได้​ย้ายออก​ไป

​มู่​ชิง​อี​ยิ้ม​อย่าง​หมดปัญญา​ ​“​ประชุม​ราชสำนัก​ครั้งแรก​รู้สึก​ประหม่า​เล็กน้อย​ ​จึง​มาทำ​ความคุ้นเคย​ก่อน​สักหน่อย​”​ ​หรง​จิ​่น​เอียง​ศีรษะ​มอง​นาง​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ในเมื่อ​เจ้า​ประหม่า​ก็​ควรจะ​มา​พร้อม​ข้า​ ​ข้า​จะ​ช่วย​เสริม​ความกล้า​ให้​เจ้า​ ​ดู​สิว​่า​ใคร​จะ​กล้ามา​รังแก​จื่อ​ชิง​”

​ยาม​ที่​เขา​พูด​เช่นนี้​ ​ดวงตา​ที่​เย็นชา​และ​เคร่งขรึม​ของ​อวี​้​อ๋อง​ก็​ค่อยๆ​ ​กวาด​มอง​ใบหน้า​ของ​ทุกคน​ ​หลาย​คนที​่​วางแผน​อยู่​ใน​ใจมา​ก่อนหน้านี้​ก็​พากัน​สั่นสะท้าน​และ​ก้มหน้า​ลง​อย่าง​เงียบๆ​ ​ทันที​ ​ไม่ต้องสงสัย​เลย​ว่าการ​กระทำ​ของ​อวี​้​อ๋อง​นั้น​กำลัง​ประกาศ​ให้​ทุกคน​รู้​ว่า​กู้​หลิว​อวิ​๋น​เป็น​คน​ของ​เขา​ ​ใครก็ตาม​ที่​กล้ามี​เรื่อง​กับ​กู้​หลิว​อวิ​๋​นก​็​เท่ากับ​ว่า​มีเรื่อง​กับ​เขา​ด้วย

​มู่​ชิง​อี​ยิ้ม​บาง​ ​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ ​“​ขอบ​พระทัย​อวี​้​อ๋อง​ ​กระหม่อม​เข้าใจ​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

​หรง​จิ​่น​จึง​ได้​พอใจ​ ​ยิ้ม​เอ่ย​ ​“​ใช่​แล้ว​ ​แม้ว่า​เจ้า​จะ​มี​จวน​แล้ว​ ​เรา​ก็​ยัง​เป็นเพื่อน​บ้าน​กัน​ไม่ใช่​หรือ​ ​คราวหน้า​มาป​ระ​ชุม​ราชสำนัก​พร้อมกัน​เถิด​”

​“​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

​ทุกคน​ล้วน​ตกตะลึง​ หมายความว่า​ต่อไปนี้​อวี​้​อ๋อง​จะ​มารา​ชสำ​นัก​ทุกวัน​?​ ​แล้ว​จากนี้ไป​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​พวกเขา​จะ​หา​โอกาส​ตีสนิท​กับ​ใต้เท้า​กู้​ได้​อย่างไร​ ​หรือว่า​…​ต้องหา​วิธี​อื่น​ ​สิ่ง​ที่​สำคัญ​ที่สุด​คือ​หาก​อวี​้​อ๋อง​อยู่​ ​แม้ว่า​เขา​จะ​ไม่ได้​ทำ​อะไร​เลย​ก็​สามารถ​ทำให้​คน​รู้สึก​กดดัน​ได้​อย่างไร​เหตุผล​ ​ก่อนหน้านี้​อวี​้​อ๋อง​ประชุม​ราชสำนัก​ก็​เหมือนกับ​สาม​วัน​จับ​ปลา​ ​สอง​วัน​ตาก​แห​ ​เต็มใจ​ก็​มา​ ​ไม่เต็มใจ​ก็​ไม่​มา​ ​ตอนนี้​กลับเป็น​เพราะ​ต้องการ​ปกป้อง​กู้​หลิว​อวิ​๋น​ผู้​นี้​จึง​มาป​ระ​ชุม​ราชสำนัก​ทุกวัน​อย่างนั้น​น่ะ​หรือ

​มู่​ชิง​อี​มอง​สีหน้า​ที่​แตกต่าง​กัน​ของ​ทุกคน​ด้วย​ความขบขัน​ ​สามารถ​เดา​ได้​อย่างง่ายดาย​ว่า​พวกเขา​กำลัง​คิด​อะไร​อยู่​ ​ยิ้ม​เอ่ย​ ​“​เช่นนั้น​ต่อไปนี้​ต้อง​ขอ​รบกวน​ท่าน​อ๋อง​แล้ว​”

​หรง​จิ​่น​ยิ้ม​อย่าง​สดใส​ ​“​ไม่​รบกวน​ๆ​ ​จื่อ​ชิง​อายุ​น้อยกว่า​ข้า​ก็​ยัง​ต้อง​เข้า​ประชุม​ราชสำนัก​ ​ข้า​รู้สึก​ว่า​ควรจะ​ต้อง​ขยัน​กว่านี​้​ ​ต่อไป​พวกเรา​ควร​ให้กำลังใจ​ซึ่งกันและกัน​”

ท่าน​อ๋อง​ ​ท่าน​เกิด​มามี​ฐานะ​สูงส่ง​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​ขยันขันแข็ง​เลย​แม้แต่​นิดเดียว ​เหล่า​ขุนนาง​แอบ​คร่ำครวญ​อยู่​ใน​ใจ

​“​นี่​…​น้อง​เก้า​ ​เสด็จ​พ่อ​ใกล้​เสด็จ​แล้ว​”​ ​หรง​เซ​วี​ยน​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​กระแอม​เตือน​เบา​ๆ​ ​ตำแหน่ง​ยืน​ใน​ราชสำนัก​ของ​องค์​ชาย​เก้า​นั้น​แตกต่าง​จาก​ผู้อื่น​ ​แม้ว่า​เขา​จะ​ไม่ได้​ทำ​อะไร​เลย​แต่​ก็​ยืน​ถัดจาก​หรง​เซ​วี​ยน​กับ​หรง​เหยี​่​ยน​ ​และ​ยืน​อยู่​หน้า​หรง​ไหว​ซึ่ง​เป็น​หลานชาย​คนโต​ของ​ฮ่องเต้

​เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​หรง​เซ​วี​ยน​ ​หรง​จิ​่​นก​็​ไม่ได้​มีท​่า​ทาง​รำคาญ​ ​เดิน​ไป​ยืน​อยู่​ข้าง​หรง​เหยี​่​ยน​ ​หรง​เหยี​่​ยน​ยิ้ม​เอ่ย​ ​“​วันนี้​น้อง​เก้า​มา​เร็ว​จริงๆ​”

​หรง​จิ​่น​หรี่​ตาด​้ว​ยสี​หน้า​สดใส​และ​ท่าทาง​ที่​ผ่อนคลาย​ ​“​ไม่​เร็ว​หรอก​ ​พี่​สี่​มา​เร็ว​กว่า​ข้า​เสียอีก​”

​หรง​ไหว​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​ราบเรียบ​ ​“​อา​เก้า​ก็​ไม่ได้​มีธุระ​ต้อง​ทำ​ ​เหตุใด​ต้อง​มารา​ชสำ​นัก​แต่เช้า​เล่า​”

​หรง​จิ​่​นอา​รมณ์​ดี​ ​เลย​ไม่ได้​โกรธเคือง​แต่อย่างใด​ ​ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ ​“​แน่นอน​ว่า​มา​เพื่อ​ยืน​อยู่​ข้างหน้า​เจ้า​ ​ข้า​ไม่ได้​มีธุระ​อะไร​ต้อง​ทำ​ ​ก็​ยัง​ได้​ยืน​อยู่​ด้านหน้า​เจ้า​เช่นเคย​ ​ส่วน​เจ้า​…​เหนื่อย​จน​แทบจะ​หมดแรง​ก็​ยัง​ต้อง​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​ข้า​อย่าง​เชื่อฟัง​ ​รู้​หรือไม่​ ​ของ​เช่นนี้​…​อิจฉา​กัน​ไม่ได้​กระมัง​”

​หรง​ไหว​ยิ้ม​เย้ยหยัน​ ​“​ข้า​ต้อง​อิจฉา​ด้วย​หรือ​ ​แน่นอน​ว่า​ข้า​ไม่ได้​โชคดี​เหมือน​อา​เก้า​ที่​มี​เสด็จ​แม่​ที่​ดี.​..​”

​“​ไหว​เอ๋อร​์​!​”​ ​สีหน้า​หรง​เหยี​่​ยน​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ ​กล่าว​ตำหนิ​เสียง​เบา

​โชคดี​ที่​หรง​ไหว​ยัง​พอ​รู้​ขอบเขต​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ราว​กระซิบ​ ​มี​เพียง​หรง​เหยี​่​ยน​และ​หรง​จิ​่​นที​่​อยู่​ด้านหน้า​เขา​เท่านั้น​ที่​ได้ยิน​ ​สายตา​ของ​หรง​จิ​่น​แฝง​ไว้​ด้วย​ความ​เย็นชา​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​มือ​ที่ซ่อน​อยู่​ใน​แขน​เสื้อ​ขยับ​เล็กน้อย​ ​แต่กลับ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​ทำ​อะไร​ ​เสียงแหลม​สูง​เสียด​แก้วหู​ของ​เจี่ยง​ปิน​ก็​ดัง​ขึ้น​ใน​พระตำหนัก​ ​“​ฮ่องเต้​เสด็จ​!​”

​ฮ่องเต้​แคว้น​เย​่ว​์​สวม​ชุด​มังกร​สง่างาม​และ​โอ่อ่า​ ​เดิน​ช้าๆ​ ​ออกมา​จาก​ด้านหลัง​พระตำหนัก​ ​จ้องมอง​ไป​ที่​คนใน​ตำหนัก​ที่อยู่​ด้านล่าง​ด้วย​สายตา​เคร่งขรึม​ ​สายตา​ของ​เขา​หยุด​อยู่​ที่​มู่​ชิง​อี​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​สุดท้าย​ก็​ไป​หยุด​อยู่​ที่​หรง​จิ​่น

​“​กระหม่อม​ถวายบังคม​ฝ่า​บาท​!​”​ ​เหล่า​ขุนนาง​กล่าว​ถวายบังคม​อย่าง​พร้อมเพรียงกัน

​ฮ่องเต้​แคว้น​เย​่ว​์​โบกมือ​ ​ตรัส​เสียง​เรียบ​ ​“​ลุกขึ้น​เถิด​”

เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท