หนานกงอี้มองเว่ยอู๋จี้แล้วมองมู่ชิงอี จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเองก็เป็นคนฉลาด ย่อมรู้ว่าเมื่อใดควรพูดหรือไม่ควรพูด ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเว่ยอู๋จี้มาหากู้หลิวอวิ๋นโดยเฉพาะ หากตัวเองพยายามเข้าไปแทรกตรงกลาง จะดูเหมือนไม่รู้จักมารยาท
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หนานกงอี้ก็หาข้ออ้างขอตัวออกไปอย่างสมเหตุสมผล
“กว่างานเลี้ยงจะเริ่มยังเหลือเวลาอีกมาก คุณชายกู้ ไม่สู้พวกเราออกไปเดินเล่นสักหน่อย” เว่ยอู๋จี้มองมู่ชิงอีพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มู่ชิงอีเข้าใจ คาดว่าเว่ยอู๋จี้จะมีธุระกับตัวเองจริงๆ จึงไม่ได้ปฏิเสธ ยิ้มเอ่ย “เชิญคุณชายเว่ย”
ทั้งสองคนเดินออกมาจากจวนอานซุ่นจวิ้นอ๋องมุ่งหน้าไปด้านนอก มู่ชิงอีไม่ได้สนใจอะไร เพียงแค่เดินไปข้างหน้ากับเว่ยอู๋จี้ จนกระทั่งตระหนักได้ว่าเว่ยอู๋จี้กำลังพานางออกจากเมืองจึงหยุดฝีเท้า เว่ยอู๋จี้หันกลับมา มองมู่ชิงอีด้วยท่าทางขบขันเอ่ย “เป็นอะไรไป คุณชายกู้กลัวว่าข้าจะทำอะไรคุณชายอย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงอีส่ายหน้าเอ่ย “เปล่า ข้าเพียงแค่ไม่เข้าใจ คุณชายเว่ยมีอะไรที่ไม่สามารถพูดคุยในเมืองได้ ถึงขั้นต้องออกนอกเมือง”
เว่ยอู๋จี้เงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ความจริงแล้วข้าก็ถูกผู้อื่นไหว้วานมา ข้ารู้…ดูเหมือนว่าคุณชายกู้จะสนใจเรื่องเก่าๆ ในเมืองหลวงแคว้นเย่ว์ใช่หรือไม่”
มู่ชิงอีใจเต้น มีคนสองสามคนแวบเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว แต่ใบหน้ากลับสงบนิ่ง ยิ้มเอ่ย “ไม่ทราบว่าคุณชายเว่ยหมายถึงอะไร”
เว่ยอู๋จี้มองมู่ชิงอีอย่างเงียบๆ หลังจากผ่านไปนานก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ยี่สิบปีที่แล้ว พระสนมเหมย”
มู่ชิงอีเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นเอ่ย “เชิญคุณชายเว่ย”
เว่ยอู๋จี้ยิ้มเล็กน้อย มองสำรวจมู่ชิงอีพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “การปฏิบัติของคุณชายกู้ที่มีต่ออวี้อ๋อง…นับว่าไม่เลวเลย” มู่ชิงอียิ้มเอ่ย “อวี้อ๋องมีบุญคุณกับข้า” เว่ยอู๋จี้ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เพียงแค่หันหลังแล้วมุ่งหน้าเดินออกนอกเมืองต่อ
ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงแม่น้ำสายเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง สถานที่รอบๆ ดูทุรกันดาร ต้นหญ้าที่ยังไม่แตกใบอ่อนดูรกร้างและแห้งแล้งเล็กน้อย
เว่ยอู๋จี้ยิ้มเอ่ย “คุณชายกู้รู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงได้เลือกพูดคุยที่นี่”
มู่ชิงอีมองไปรอบๆ เอ่ยเสียงเรียบว่า “สถานที่เปิดโล่ง ในเวลากลางวันแสกๆ สามารถป้องกันหน้าต่างมีหูประชูมีช่อง นับว่าเป็นสถานที่ที่ดี”
เว่ยอู๋จี้ยิ้มอย่างพอใจเอ่ย “คุณชายกู้เป็นคนฉลาดจริงๆ ด้วย เช่นนั้น…คุณชายกู้ก็คงจะรู้ว่าเหตุใดข้าจึงได้มาหาท่าน” มู่ชิงอีมองสำรวจเว่ยอู๋จี้เอ่ย “ความจริงแล้ว…ข้าอยากรู้ว่าคุณชายเว่ยมาหากู้หลิวอวิ๋นในฐานะอะไร ตามหลักแล้วเรื่องเมื่อยี่สิบปีที่แล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณชายเว่ยไม่ใช่หรือ คุณชายเว่ยเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า เหตุใดจึงให้ตัวเองเข้ามาพัวพันกับโลกที่ซับซ้อนเหล่านี้”
สีหน้าเว่ยอู๋จี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย มองสำรวจชายหนุ่มชุดขาวที่ดูเหมือนสูงไม่ถึงคางของตัวเองด้วยสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดก็ถอนหายใจเอ่ย “คุณชายกู้…นับว่าฉลาดมาก คนตระกูลกู้ฉลาดเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ” หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ยากที่จะเข้าใจความคิดที่ต้องการจะทำลายตระกูลกู้ของฮ่องเต้แคว้นหวา การที่มีข้าราชบริพารฉลาดเช่นนี้ ในโลกนี้เกรงว่าจะมีฮ่องเต้เพียงไม่กี่คนที่จะสามารถนอนหลับอย่างสงบสุขได้
มู่ชิงอีเพียงแต่ยิ้มไม่ได้ปริปากพูดอะไร มองชายชุดม่วงที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางสงบนิ่ง เว่ยอู๋จี้ถอนหายใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ว่าคุณชายกู้จะเชื่อหรือไม่ ในตอนนั้นพระสนมเหมยมีบุญคุญกับข้า ขอให้คุณชายกู้ช่วยเกลี้ยกล่อมอวี้อ๋องว่าอย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในเมืองหลวง แล้วก็อย่าได้ตรวจสอบเรื่องในอดีต”
“คุณชายเว่ยพูดเช่นนี้…จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไร” มู่ชิงอีเอ่ยเสียงเรียบ ตอนนี้เว่ยอู๋จี้ก็อายุเพียงยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี ตอนที่พระสนมเหมยสิ้นพระชนม์เว่ยอู๋จี้ยังอายุไม่ถึงสิบปีเลย เด็กที่อายุไม่ถึงสิบปีสามารถจดจำบุญคุณของพระสนมเหมยได้ แล้วค่อยตอบแทนในอีกยี่สิบปีต่อมาอย่างนั้นหรือ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า…เว่ยอู๋จี้รู้ได้อย่างไรว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น
เว่ยอู๋จี้ถอนหายใจ รอยยิ้มดูลำบากใจเล็กน้อย “ข้าไม่มีหลักฐานที่จะทำให้คุณชายกู้เชื่อได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้คุณชายเว่ยไม่นับว่ากระทำการโดยเสียเปล่าหรือ” มู่ชิงอีกล่าวพลางเลิกคิ้ว
เว่ยอู๋จี้ส่ายหน้า “คุณชายกู้เป็นคนฉลาด ข้าจะพูดเพียงสิ่งที่ควรพูด ส่วนเรื่องที่ว่าควรจะทำอย่างไรนั้นคาดว่าคุณชายกู้จะตัดสินใจด้วยตัวเอง”
มู่ชิงอีขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถามว่า “เมื่อยี่สิบปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ยี่สิบปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่น ดูเหมือนจะง่าย แต่กลับมีสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้อีกมากมาย อย่างเช่นพระสนมเหมยเสียชีวิตอย่างกะทันหัน หรงจิ่นถูกทิ้งไว้ที่ตำหนักเหมยตั้งแต่เกิดโดยไม่เคยไปถามไถ่ หรงจิ่นต้องเจอกับอันตรายมาตั้งแต่เด็ก และ…เว่ยอู๋จี้เป็นใครกันแน่
แม้ว่าเว่ยอู๋จี้จะไม่พูด แต่มู่ชิงอีก็สามารถมองออกได้จากน้ำเสียงของเขา เว่ยอู๋จี้ไม่ใช่คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน คุณชายเว่ยที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในใต้หล้ามีที่มาอย่างลึกลับ…เป็นใครกันแน่ มู่ชิงอีรู้สึกได้ว่านี่ต้องเป็นความลับที่สำคัญมากอย่างแน่นอน ขอเพียงแค่ความลับนี้ถูกเปิดเผย หลายสิ่งหลายอย่างที่นางกับหรงจิ่นสงสัยอยู่ในใจก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
เว่ยอู๋จี้ส่ายหน้า ยิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบว่า “ขออภัย ข้าไม่สามารถ…ระวัง!” สีหน้าของเว่ยอู๋จี้เปลี่ยนไปกะทันหัน ผลักมู่ชิงอีที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามออกไป
“ฉึก!” เสียงลมพัดแรง อาวุธลับส่องแสงสีมรกตในฤดูหนาวพุ่งผ่านไปตรงกลางระหว่างทั้งสองคน
ทันใดนั้นสีหน้าของเว่ยอู๋จี้ก็ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก ดึงมู่ชิงอีเอ่ย “รีบไป!” แน่นอนว่ามู่ชิงอีก็เห็นเช่นกัน มีกลุ่มคนชุดดำรีบเข้ามาล้อมไว้จากทิศทางที่อาวุธลับพุ่งมา มู่ชิงอีใจหายวาบ นางคิดว่าในเมืองหลวงไม่มีทางมีอันตรายดังนั้นจึงให้เซี่ยซิวจู๋กับอู๋ซินอยู่จัดการเรื่องที่เรือน วันนี้เกรงว่าจะลำบากแล้ว
เว่ยอู๋จี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ดึงมู่ชิงอีแล้ววิ่งไปอีกทางหนึ่ง หากเว่ยอู๋จี้ตัวคนเดียว มู่ชิงอีเชื่อว่าคงจะไม่ต้องลำบากเช่นนี้ อย่างไรเสียคุณชายเว่ยก็มีวรยุทธที่ไร้เทียมทาน คงไม่ยากที่จะฆ่าคนชุดดำเหล่านี้ แต่ตอนนี้นางก็อยู่ที่นี่ เว้นแต่ว่าเว่ยอู๋จี้กะจะฆ่าปิดปากนางไปด้วย มิเช่นนั้นก็คงทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่มีวรยุทธต่อไป
ทั้งสองคนวิ่งออกมาได้ครึ่งทางก่อนที่จะถูกคนชุดดำตามทัน “คุณชายเว่ย พวกเราไม่อยากทำให้ท่านต้องลำบาก เหลือหนุ่มน้อยผู้นี้ทิ้งไว้ก็พอแล้ว”
สีหน้าของเว่ยอู๋จี้กลับดูเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งแฝงไว้ด้วยความโกรธเคือง กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาลักพาตัวคนต่อหน้าข้า”
คนชุดดำที่เป็นผู้นำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับยืนกรานว่า “พวกเราเพียงแค่ทำตามคำสั่ง ขอให้คุณชายเว่ยอย่าทำให้พวกเราต้องลำบากใจ”
“ข้าจะทำให้พวกเจ้าลำบากใจ จะทำไม” เว่ยอู๋จี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…เช่นนั้นก็ล่วงเกินท่านแล้ว!” พูดจบชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าก็โบกมือ ผู้คนที่ล้อมรอบอยู่รีบพุ่งไปหามู่ชิงอี เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ต้องการทำร้ายเว่ยอู๋จี้ พุ่งเป้าหมายไปหามู่ชิงอี แต่มีเว่ยอู๋จี้ปกป้องอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยวรยุทธ แต่คนเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำร้ายนางได้ชั่วขณะหนึ่ง
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง