เชียนหลิงอึ้งตะลึง นางมองเว่ยอู๋จี้ด้วยสายตาที่สั่นสะพรึง พลันรู้สึกว่าเว่ยอู๋จี้ที่กลับมาในวันนี้ไม่เหมือนเดิม แต่กลับบอกไม่ได้ว่าไม่เหมือนเดิมตรงไหน ไม่ใช่สิ…ต้องบอกว่าเว่ยอู๋จี้ไม่เหมือนเดิมมาระยะหนึ่งแล้ว สองสามปีที่ผ่านมาเว่ยอู๋จี้ตามใจนางโดยไร้เงื่อนไข การถูกเอาอกเอาใจนั้นทำให้นางพึงพอใจ กระทั่งลืมฐานะที่แท้จริงของตัวเอง แต่ตอนนี้…
เชียนหลิงส่ายหน้าด้วยความตื่นตระหนกในใจ หากนางสูญเสียความโปรดปรานของเว่ยอู๋จี้ เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นคนธรรมดาเฉกเช่นเมื่อก่อน อาจจะแย่ยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก…ไม่ได้ นางจะเสียเว่ยอู๋จี้ไปไม่ได้
“อู๋จี้…เจ้าโกรธข้าอย่างนั้นหรือ” หยดน้ำใสรินไหลจากดวงตาของเชียนหลิง เชียนหลิงมองชายที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
เว่ยอู๋จี้ประหลาดใจ เขายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้นาง จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยน “เป็นอะไรไป ข้าจะโกรธหลิงเอ๋อร์ได้เช่นไร แต่เรื่องข้างนอกเจ้าไม่เข้าใจ เรื่องของอวี้อ๋อง ต่อไปเจ้าไม่ต้องพูดถึงมันอีก” เห็นเว่ยอู๋จี้ที่อ่อนโยนดังเดิม เชียนหลิงก็รู้สึกโล่งใจ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะหลอกถามเขา “แต่ว่า…อวี้อ๋องไร้มารยาทขนาดนี้…ทำไมอู๋จี้ต้องกลัวเขาด้วยเล่า ถึงแม้อู๋จี้จะไม่อยากเป็นศัตรูกับเขา แต่แค่ แค่…”
“แค่อะไร” เว่ยอู๋จี้ถามอย่างอ่อนโยน ในดวงตาของเขามีสายตาที่ให้กำลังใจ
เชียนหลิงพึงพอใจ นางกัดริมฝีปากเอ่ย “ได้ยินมาว่าฉินอ๋องกับอวี้อ๋องไม่ค่อยเป็นมิตรต่อกัน หากเราตีสนิทกับฉินอ๋อง ฉินอ๋องต้องช่วยเรารับมือกับอวี้อ๋องแน่นอน…”
เชียนหลิงยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงตบดังขึ้น เขาตบหน้าเชียนหลิง เชียนหลิงที่เดิมทีร่างกายอ่อนแอนั้น ซ้ำยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยล้มฟุบลงกับพื้น
เลือดซึมไหลออกมาจากปากของเชียนหลิง นางจับแก้มซ้ายที่แสบร้อนของตัวเองด้วยความสับสน มองดูชายสวมชุดสีม่วงที่ยืนอยู่หน้าตัวเองด้วยความตกใจ ตกใจที่ผู้ชายคนนี้ตบหน้านาง ซึ่งทำให้นางรับไม่ได้มากกว่าความเจ็บปวดบนใบหน้าของนางเสียอีก
เว่ยอู๋จี้ไม่เคยตบหน้านาง แม้แต่ตอนที่นางเป็นสาวใช้ของเขาก็ไม่เคย ตั้งแต่สองสามปีก่อนที่นางถูกคุณชายอวิ๋นอิ่นใช้ดาบแทง เขายิ่งให้ความสำคัญกับนางราวกับสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ปกป้องนางอย่างระมัดระวัง ดังนั้นเชียนหลิงจึงไม่เคยคิดว่าเว่ยอู๋จี้จะตบหน้านาง เพียงเพราะพูดเรื่องแค่นี้
เว่ยอู๋จี้ก้มหน้าลงมอง ราวกับไม่เห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของเชียนหลิง เขาโน้มตัวลงไปพยุงนางให้ลุกขึ้นมา ยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของนางอย่างเบามือแล้วเอ่ยด้วยความสงสาร “ทำไมถึงไม่ระวังเช่นนี้ เจ็บหรือไม่”
เชียนหลิงมองเว่ยอู๋จี้ด้วยความสับสน ถึงแม้มันจะไม่ค่อยเจ็บ แต่ถูกเว่ยอู๋จี้จับแก้มเช่นนี้ มือของเว่ยอู๋จี้ ที่จับตรงแก้มที่นางถูกตบมันช่างเจ็บปวด เว่ยอู๋จี้กลับทำราวกับว่าเขาไม่ได้ตบนาง ราวกับว่าเชียนหลิงล้มลงไปเอง แม้แต่ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสงสาร “ต่อไประวังหน่อย หลิงเอ๋อร์ยังอยากจะพูดอะไรอีกหรือไม่”
เชียนหลิงส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัว เว่ยอู๋จี้พยักหน้าด้วยความพอใจแล้วยิ้มเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี หลิงเอ๋อร์ไปพักผ่อนเถิด อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันแล้ว อ้อใช่…สิ่งของที่จวนฉินอ๋องส่งมาให้ ให้คนนำส่งกลับไปเถิด หลิงเอ๋อร์อยากได้อะไร หรือว่าข้าซื้อให้เจ้าไม่ได้เช่นนั้นหรือ”
พูดจบ เว่ยอู๋จี้ก็ปล่อยเชียนหลิงแล้วหันหลังเดินออกไปทันที
เชียนหลิงมองดูแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไปของเว่ยอู๋จี้อย่างเหม่อลอย ความตกใจในใจของนางทำให้นางไม่รู้ว่าตัวเองควรมีปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อนางได้สติกลับมาก็รู้สึกอ่อนแรง เอนตัวพิงหน้าต่างแทบจะทิ้งตัวลงบนพื้น
ยกมือขึ้นมากุมแก้มที่ยังแสบร้อนของตัวเองเบาๆ สายตาของเชียนหลิงเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว นางไม่เข้าใจว่าทำไมเว่ยอู๋จี้ถึงตบหน้านาง หรือเพราะว่านางรับสิ่งของที่พระชายาฉินอ๋องส่งมาให้ ทำให้เขาไม่พอใจเช่นนั้นหรือ แค่เรื่องนี้…เขาถึงกับตบหน้านางอย่างไม่ปรานี…
เขาคือเว่ยอู๋จี้ที่รักและเอ็นดูนาง ตามใจนางทุกอย่างใช่หรือไม่ หรือว่า…นางไม่เคยรู้จักเขาเลย? นึกถึงสายตาของเว่ยอู๋จี้ที่มองนางเมื่อครู่ มันช่างอ่อนโยนแต่ความอ่อนโยนนั้นมันทำให้นางนึกถึงสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่น่าสงสาร ของเล่นที่สวยงาม สรุปคือ…สายตานั้นไม่เหมือนสายตาที่มองคนที่มีชีวิต…
สีหน้าของเชียนหลิงซีดเซียว พลันตัวสั่นแล้วไม่กล้าคิดต่อ นางไม่ใช่หลิงซู ไม่ใช่ผู้หญิงคนไหนบนโลกใบนี้ หากไม่มีอู๋จี้ นางไม่มีอะไรเลย…
เว่ยอู๋จี้ออกมาจากห้องของเชียนหลิง ดวงตาของเขายังมีความโมโห พลอยทำให้บ่าวรับใช้ที่เดินตามข้างหลังไม่กล้าพูดอะไร คุณชายอ่อนโยนกับแม่นางเชียนหลิงมาตลอด แต่วันนี้กลับออกมาจากห้องของแม่นางเชียนหลิงด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด ถึงแม้คนข้างนอกจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าเชียนหลิงกำลังจะไม่เป็นที่โปรดปราน เพราะภูมิหลังของแม่นางเชียนหลิงไม่คู่ควรกับคุณชายจริงๆ คุณชายเว่ยปฏิเสธบรรดาองค์หญิง จวิ้นจู่และคุณหนูทั้งหลายเพื่อสาวใช้คนเดียว ไม่มีใครเชื่อว่าความรักและเอ็นดูนี้จะคงอยู่ตลอดไป ตอนนี้เห็นเว่ยอู๋จี้เป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงมีความรู้สึกแบบนี้
“เรียนคุณชาย” เว่ยอู๋จี้รีบเดินออกไปข้างนอก ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งโผล่ออกมาข้างทางแล้วพูดกับเว่ยอู๋จี้ เว่ยอู๋จี้ชะงักฝีเท้า ก้มหน้าลงมองคนที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้าแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้แล้ว”
ยามค่ำคืน มีเงามืดออกมาจากจวนตระกูลเว่ย แล้วมุ่งหน้าไปในเมือง จากนั้นก็หยุดอยู่บนหลังคาเรือนหนึ่งในเมือง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระโดดลงไปกลางลาน
ทันทีที่ลงมา เงามืดนั้นก็สัมผัสได้ว่ารอบลานเต็มไปด้วยองครักษ์ แต่องครักษ์เหล่านั้นกลับไม่สนใจการมาของเขา ในห้องด้านหลัง ยังจุดเทียนสว่างไสว หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังออกมาจากข้างใน “อู๋จี้ เข้ามาสิ”
ชายชุดดำเดินเข้าไปข้างหน้า ผลักประตูเข้าไปข้างใน แสงเทียนสาดส่องลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของชายชุดดำ เขาคืออู๋จี้ คุณชายเว่ย
ในห้องตกแต่งอย่างสบายตา ผ้าห่มยาวที่ดูนุ่มฟู ของตกแต่งที่ดูเก่าแก่แต่กลับมีความหรูหรา แล้วยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมย พลอยทำให้ผู้คนลืมความหนาวเหน็บข้างนอก พลันตกอยู่ในความอบอุ่นทันที
ข้างหลังม่านสีทอง มีเสียงอันอ่อนโยนแต่เยือกเย็นดังขึ้นมา “อู๋จี้ เจ้าโตแล้ว…”
เว่ยอู๋จี้รีบคุกเข่าลงบนพื้น คุณชายเว่ยที่เย่อหยิ่งไม่แพ้ท่านอ๋อง แต่กลับคุกเข่าลงต่อหน้าชายคนนี้ด้วยความยำเกรง เกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้เเคว้นเย่ว์ แคว้นหวาและแคว้นเป่ยฮั่นทั้งสาม เขาก็คงไม่เคารพเช่นนี้
“ท่านพ่อโปรดลงโทษ เป็นอู๋จี้ที่ผิดเอง” เว่ยอู๋จี้เอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ผิด? รู้ว่าผิดแล้วทำไมเจ้าถึงขัดขวางจิ้นหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า” คนที่อยู่หลังม่านแค่นเสียงหัวเราะ
เว่ยอู๋จี้เอ่ยด้วยความนอบน้อม “ท่านพ่อ อวี้อ๋องทำอะไรไม่เคยสนใจใคร หากปล่อยให้กู้หลิวอวิ๋นตายต่อหน้าข้า ถึงแม้มันจะไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่อวี้อ๋องก็ไม่มีทางปล่อยข้าไปแน่นอน ถึงตอนนั้น…ย่อมไม่ใช่เรื่องดี ท่านพ่อโปรดเข้าใจ”