เว่ยอู๋จี้ยิ้มแหย หากเขาทำร้ายหรงจิ่นที่นี่ แสดงว่าตนคงคิดจะอยากตายจริงๆ
“อวิ๋นอิ่น ต่อสู้กับข้าที่นี่จะมีประโยชน์อะไร ถึงแม้เมื่อก่อนข้าเคยทำให้เจ้าไม่พอใจ แต่มันก็คงไม่ถึงกับฆ่าแกงกันไม่ใช่หรือ” เว่ยอู๋จี้เอ่ยอย่างเอือมระอา
หรงจิ่นแค่นเสียงแต่กลับไม่ยั้งมือ “เอาล่ะ วันนี้ข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้า เจ้าไสหัวออกไปซะ”
“เช่นนั้นเราต่อสู้กันต่อเถิด” เว่ยอู๋จี้ถอนหายใจ แกว่งพัดที่อยู่ในมือพุ่งเข้าไปหามีดซิวหลัวของหรงจิ่น หรงจิ่นก็ไม่หลบ แกว่งมีดซิวหลัวที่มีสีแดงเป็นลวดลายดอกไม้ หลบเว่ยอู๋จี้แล้วพุ่งเข้าไปที่ประตูห้อง
“ปล่อยธนู!” องครักษ์ที่แอบอยู่ในที่มืดรอโอกาสนี้ เห็นหรงจิ่นแยกออกจากเว่ยอู๋จี้ เขาก็ออกคำสั่งทันที
“หยุด!” เว่ยอู๋จี้พลันตื่นตระหนก รีบตะโกนเสียงดัง
แต่หรงจิ่นกลับไม่สนใจ หัวเราะเย้ยหยันแล้วพุ่งเข้าไปทางประตูที่ปิดสนิทอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“หยุด” ในห้องมีเสียงดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงเปิดประตู ประตูที่ปิดสนิทถูกคนเปิดออก หรงจิ่นยกมือขึ้นมา ชักมีดซิวหลัวจี้ไปที่คอของคนที่เดินออกมา
ทันใดนั้นบรรยากาศในลานก็เงียบสงัด ผ่านไปครู่หนึ่ง คนผู้นั้นก็เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ออกไปให้หมด อู๋จี้ เจ้าเข้ามาด้วยเถิด”
เว่ยอู๋จี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองดูหรงจิ่นที่สีหน้าตกตะลึง เขาพยักหน้า “ขอรับ” เขากังวลจริงๆ หากเขาไม่อยู่ หรงจิ่นจะใช้มีดแทงคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองโดยที่ไม่สนใจอะไรหรือไม่
สายตาของหรงจิ่นเป็นประกาย จากนั้นก็กลับมาเย็นชาอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่เคยมีสายตาที่ซับซ้อนเมื่อครู่ เขามองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชา “เป็นท่านจริงๆ ด้วย”
“ข้าเอง” คนที่อยู่หน้าประตูยิ้มอย่างแผ่วเบา เขาขยับถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อให้คนข้างนอกสามารถเข้าไปข้างในได้ ราวกับไม่สนใจมีดที่จี้อยู่ที่คอของตัวเอง ในห้อง ภายใต้แสงเทียนที่สว่างไสว ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีทองยิ้มแล้วยืนขึ้น บนใบหน้าที่หล่อเหลาและสุขุมมีความกังวล ใบหน้าที่ผอมเรียว รูปร่างที่บอบบาง แล้วยังมีผมขาวอยู่ระหว่างขมับ ทำให้ดูแก่ชราราวกับผ่านโลกมาโชกโชนที่คนในวัยเขาไม่ควรมี
ในห้องที่เงียบสงัด เว่ยอู๋จี้ที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายปิดประตูห้อง ม่านหนาสีทองถูกดึงออก ชายวัยกลางคนผู้นั้นยืนอยู่หน้าตั่งนั่งตัวใหญ่ มองมาที่หรงจิ่นด้วยรอยยิ้ม
“จิ่นเอ๋อร์ เหตุใดถึงโมโหเช่นนี้เล่า” ชายวัยกลางคนผู้นั้นยิ้มเอ่ย
“หรง จัง!” ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือองค์ชายสามโอรสของฮ่องเต้เเคว้นเย่ว์ สวินอ๋อง หรงจัง
เว่ยอู๋จี้ถอนหายใจ เขาเดินเข้ามาจับมีดซิวหลัวในมือของหรงจิ่น หรงจิ่นยกมือขึ้นหลบเว่ยอู๋จี้อย่างเย็นชา ชี้มีดไปที่หรงจัง “ท่าน…อยากฆ่าชิงชิง? ท่านอยากตายอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าอยากฆ่าข้า?” สีหน้าของหรงจังแปรเปลี่ยน บนใบหน้าที่หล่อเหลามีความเจ็บปวด
หรงจิ่นมองเขาอย่างเย็นชาแต่กลับไม่ตอบ หรงจังมองดูใบหน้าที่เย็นชาของเขาด้วยความตกใจ เอ่ยเบาๆ “เจ้า…หน้าตาเหมือนมารดาของเจ้ามาก…”
หรงจิ่นยกมีดขึ้นมาผลักมือที่กำลังยื่นออกมาของหรงจังอย่างไร้ความปรานี “ข้าไม่เคยเห็นนาง ท่านไม่ต้องมาเอ่ยเรื่องนี้กับข้า กล้าแตะต้องชิงชิง ข้าจะฆ่าท่าน!”
แต่หรงจังกลับไม่สนใจน้ำเสียงและสีหน้าที่เย็นชาของเขา เขาส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ไม่ เจ้าไม่อยากฆ่าข้า โง่จริงๆ เลย…”
ใบหน้าของหรงจิ่นมีรอยยิ้มเย้ยหยัน เขาจับมีดพุ่งเข้าไปหาหรงจังโดยที่ไม่เอ่ยอะไรสักคำ
“หรงจิ่น!” สีหน้าของเว่ยอู๋จี้เปลี่ยนไป เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าหรงจิ่นต้องโจมตีแน่นอน เห็นเช่นนี้เขาจึงรีบเข้าไปบังหรงจัง ถือพัดขึ้นมาหยุดหรงจิ่น หรงจิ่นแค่นเสียง จากนั้นก็แทงมีดไปที่หรงจังอย่างไร้ความปรานีอีกครั้ง เว่ยอู๋จี้หันกลับมาคว้ามีดซิวหลัวของหรงจิ่นเอาไว้ ถึงแม้จะคว้ามีดซิวหลัวเอาไว้ได้ แต่มือของเว่ยอู๋จี้กลับมีเลือดไหลออกมา
“อู๋จี้” หรงจังขมวดคิ้ว มองดูมือที่เปื้อนเลือดของเว่ยอู๋จี้
หรงจิ่นมองเขาอย่างเย็นชา “ตอนนี้รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าข้ากล้าทำจริงหรือไม่”
หรงจังถอนหายใจอย่างระอาใจ “อารมณ์ร้อนเสียจริง”
“อย่าพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้!” หรงจิ่นเดือดดาล แต่หรงจังกลับไม่สนใจเขา ลากเว่ยอู๋จี้ไปทายาข้างๆ สำหรับคนที่ฝึกฝนวิทยายุทธ มือสำคัญกับพวกเขามากแค่ไหนไม่ต้องเอ่ยก็คงรู้ หากเว่ยอู๋จี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้วิทยายุทธของเขาจะยังอยู่แต่ก็คงจะด้อยลงไม่น้อย สำหรับยอดฝีมือคนหนึ่ง บาดแผลเพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นเรื่องใหญ่เกินคาดคิด
หรงจิ่นมองดูพวกเขาสองคนทายาอย่างเฉยเมย เมื่อเว่ยอู๋จี้พันแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว หรงจังก็กลับมาจ้องมองหรงจิ่น เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “เพราะข้าอยากฆ่ากู้หลิวอวิ๋น เจ้าจึงอยากจะฆ่าข้าเช่นนั้นหรือ”
“ใครก็ตามที่อยากฆ่าชิงชิง ข้าจะฆ่ามันให้หมด” หรงจิ่นเอ่ยอย่างเย็นชา
หรงจังถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “เจ้าเด็กโง่ ข้าทำเพื่อเจ้าต่างหาก”
หรงจิ่นแค่นเสียงหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่หรงจังเอ่ย คนที่เห็นเขาเป็นแค่คนแปลกหน้ามาตั้งแต่เล็กจนโต จู่ๆ ก็อยากจะฆ่าผู้หญิงที่เขารัก แล้วยังบอกว่าทำเพื่อเขา? เขาไม่เชื่อแล้วก็ไม่ต้องการ
หรงจังเดินไปนั่งบนตั่งนั่งช้าๆ ราวกับไม่กลัวว่าหรงจิ่นจะเดินผ่านเว่ยอู๋จี้ไปฆ่าตัวเอง เขาขมวดคิ้วแล้วกระแอมเบาๆ หรงจังมองเขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากได้บัลลังก์หรือไม่”
“ถ้าอยากได้แล้วจะทำไม” หรงจิ่นเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง
หรงจังยิ้มเอ่ย “ข้าช่วยเจ้าได้ ในเมื่อเจ้ารู้ความสัมพันธ์ของข้ากับอู๋จี้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็คงรู้ว่า หากข้าช่วยเจ้า…เจ้าก็จะได้ครอบครองสิ่งของมากมาย”
หรงจิ่นเลิกคิ้ว บนโลกไปนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่ต้องตอบแทน และขนมก็ไม่มีทางตกลงมาจากฟ้าเป็นเหมือนที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด หรงจังยิ้มเอ่ย “ออกมาจากกู้หลิวอวิ๋น ข้าจะหาแม่นางที่คู่ควรกับเจ้าให้เจ้า ถึงตอนนั้น…มีข้าคอยสนับสนุน เราค่อยกำจัดหรงเซวียนและหรงเหยี่ยน บัลลังก์ก็จะตกเป็นของเจ้า”
หรงจิ่นก้มหน้าลง หลังจากนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก “ไม่เลวจริงๆ…ถึงตอนนั้น ข้าได้ครองบัลลังก์ ท่านก็จะควบคุมราชสำนัก ถึงแม้เสด็จพ่อจะไม่ได้มอบบัลลังก์ให้ท่าน ท่านก็ยังสามารถครอบครองแว่นแคว้นได้ใช่หรือไม่”
หรงจังส่ายหน้า “เจ้าคิดว่าข้าอยากได้บัลลังก์และเคว้นเย่ว์เช่นนั้นหรือ เด็กดี ความรักทำลายมนุษย์ ข้าทำเพื่อเจ้า เจ้าจะอายุยี่สิบชันษาแล้ว แต่ยังไม่มีพระชายา แล้วก็ไม่มีทายาท ถึงแม้เจ้าจะได้เปรียบ แต่บรรดาขุนนางก็ไม่มีทางยอมให้องค์ชายที่ไม่มีพระชายาและทายาทขึ้นครองบัลลังก์ แค่เจ้าปล่อยให้ข้าฆ่ากู้หลิวอวิ๋น สิ่งที่เจ้าต้องการก็จะมาวางอยู่ตรงหน้าเจ้า เจ้า…”
ในห้อง มีเงาดำพุ่งเข้ามา หรงจิ่นพุ่งไปอยู่หน้าหรงจัง ยกมีดซิวหลัวจี้ตรงคอของเขา
“หากท่านกล้าแตะต้องชิงชิง ข้าจะฉีกท่านเป็นชิ้นๆ” หรงจิ่นกัดฟันเอ่ย