“หลังจากกลับมาที่เมืองหลวง ข้าใช้ความดีความชอบและรางวัลจากการบรรเทาภัยพิบัติของราษฎรขอเสด็จพ่อแต่งงานกับซีเอ๋อร์ แม้ว่าเสด็จพ่อจะไม่ค่อยพอใจภูมิหลังของตระกูลเหมย แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน อย่างไรเสีย…เสด็จพ่อก็มีโอรสมากมาย แน่นอนว่าในสายตาของเขา ข้าไม่ได้มีความสำคัญถึงขนาดที่แม้แต่พระสนมเอกก็ยังต้องได้รับการคัดเลือกอย่างระมัดระวัง” เมื่อพูดถึงตรงนี้ หรงจังก็มองไปที่หรงจิ่นด้วยความเศร้าสร้อย แม้ว่าเขาจะเกลียดฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ แต่ในฐานะบุตรชายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์รักและเอ็นดูหรงจิ่น ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องของซีเอ๋อร์ หรงจังเคยคิดว่าเสด็จพ่อของเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่ไร้ความรู้สึก กล่าวได้ว่าทั้งชีวิตของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ที่ปฏิบัติดีด้วยมีเพียงแค่สองคน คนหนึ่งคือเหมยซีเอ๋อร์ อีกคนหนึ่งคือหรงจิ่น
“ตอนที่เรากับซีเอ๋อร์แต่งงานกันได้เกิดความวุ่นวายขึ้นทางตะวันตกพอดี เสด็จพ่อตัดสินใจเสด็จไปด้วยตัวเอง แม้แต่น้ำชาคำนับจากซีเอ๋อร์เสด็จพ่อก็ยังไม่ได้ดื่ม และยังไม่ได้พบซีเอ๋อร์ เป็นเพราะพึ่งแต่งงาน เสด็จพ่อจึงให้ข้าอยู่ดูแลแคว้นกับพี่ใหญ่ ช่วงเวลานั้น…เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของข้า”
หรงจังกล่าวด้วยความมึนงงเล็กน้อย แม้แต่คำเรียกแทนตัวเองก็ยังพูดผิดพูดถูกไปหมด สายตาดูเหม่อลอย “ซีเอ๋อร์เกิดในตระกูลใหญ่ ซ้ำยังเป็นสตรีเก่งกาจที่หาได้ยาก ในช่วงเวลานั้นพวกเรารักใคร่กลมเกลียว เข้ากันได้ดี ข้าเคยคิดด้วยซ้ำว่า…นับแต่นี้ไปจะอยู่ให้ห่างจากความขัดแย้งในราชสำนัก นับจากนี้ไปจะอยู่เป็นคู่รักกับซีเอ๋อร์ตลอดไป แต่ว่า…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้สีหน้าของหรงจังก็เปลี่ยนไปทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงขรึม “ซีเอ๋อร์เป็นคนอ่อนโยนและรักสงบ ไม่ชอบความครึกครื้น หลังจากแต่งงานก็แทบจะไม่ออกไปไหนเลย ดังนั้นพวกเราแต่งงานกันมาสองปีแล้ว ด้วยเหตุผลหลายประการเสด็จพ่อจึงไม่เคยได้พบซีเอ๋อร์ แล้วก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่ง…ในฤดูหนาวปีที่สอง เสด็จพ่อได้สวมชุดเหมือนราษฎรทั่วไปมาที่จวนสวินอ๋อง ได้บังเอิญเห็นซีเอ๋อร์พาสาวใช้ไปเด็ดดอกเหมยในตำหนักเหมยของจวนสวินอ๋อง นับแต่นั้นมา…”
นับแต่นั้นมาวันเวลาของคู่รักแห่งจวนสวินอ๋องก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป ในตอนแรกฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เพียงแค่ให้เสด็จแม่เรียกซีเอ๋อร์เข้าวังเป็นครั้งคราว แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติก็สายเกินไปแล้ว ตอนที่เสด็จพ่อเอ่ยปากขอซีเอ๋อร์กับเขาอย่างเปิดเผย ในหัวของเขาเหมือนถูกอะไรบางอย่างระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ในทันที หรงจังอยากจะด่าเขาว่าไร้ยางอาย ไร้ศีลธรรม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร…
หรงจังก้มหน้าลง ซ่อนความเจ็บปวดลึกในดวงตาของเขา บางทีความเจ็บปวดและความแค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาอาจไม่ใช่การที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์พรากภรรยาของเขาไป แต่เป็น…เขาที่ไม่มีอำนาจ ปล่อยให้ชายอื่นมาพรากภรรยาไปจากตัวเอง
เขาจะไม่มีวันลืมสายตาของซีเอ๋อร์ที่มองมาที่ตัวเองตอนที่นางถูกพาตัวไป
ใบหน้างดงามของหรงจิ่นไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เพียงแต่มองหรงจังด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยถาม “แล้วจากนั้นล่ะ เสด็จแม่ของข้าจากไปได้อย่างไร”
สีหน้าของหรงจังเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวเสียเบา “หลังจากที่ซีเอ๋อร์เข้าวัง…แน่นอนว่าได้รับความรักและดูแลเป็นอย่างดี ไม่มีใครคาดถึง…ว่าฮ่องเต้ผู้เย็นชาและไร้หัวใจจะหลงใหลสตรีนางหนึ่งได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นทุกคนต่างพากันตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็นฮองเฮา เต๋อเฟย บรรดาพระสนม ขุนนางชั้นสูง ตุลาการ ข้าราชบริพาร แม้ว่าเสด็จพ่อจะปิดบังตัวตนของซีเอ๋อร์ แม้กระทั่งสร้างข่าวว่าพระชายาจวนสวินอ๋องจากไปด้วยอาการป่วย แต่ว่า…แม้ว่าซีเอ๋อร์จะไม่ชอบความครึกครื้น แต่คนในเมืองหลวงที่เคยพบนางก็ไม่ใช่น้อยๆ จะปิดบังได้อย่างไร คนเหล่านี้ไม่กล้ารุกรานฮ่องเต้ ดังนั้นความผิดทั้งหมดจึงโยนให้ซีเอ๋อร์ อีกอย่างซีเอ๋อร์เองก็ไม่ได้เข้าวังด้วยความสมัครใจ หลังจากเข้าวังทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก ในใจย่อมรู้สึกหดหู่ ต่อมาเสด็จพ่อเกือบจะฆ่าฝ่ายตุลาการและขุนนางชั้นสูงหมดราชสำนักเพราะเห็นแก่นาง หากไม่ใช่เพราะซีเอ๋อร์ป่วยหนักด้วยเหตุนี้ เกรงว่าคงจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น และหลังจากนั้นซีเอ๋อร์ก็มีเจ้า”
“เสด็จพ่อบอกข้าว่าเดิมทีข้ามีน้องสาวร่วมท้องอยู่คนหนึ่ง” หรงจิ่นกล่าวอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องก่อนหน้านี้ แต่ก็ฟังออกว่าหรงจังกำลังหลบประเด็นสำคัญ หรือกล่าวได้ว่าเขากับฮ่องเต้แคว้นเย่ว์นั้นเหมือนกัน ต่างคนต่างพูดเพียงสิ่งที่ตัวเองคิดว่าสำคัญและถูกต้องเท่านั้น
สีหน้าหรงจังเปลี่ยนไป มือที่ถือถ้วยชาสั่นเล็กน้อย หลับตาลงแล้วกล่าวอย่างยากลำบากว่า “ใช่แล้ว ซีเอ๋อร์ให้กำเนิด…เดิมทีเป็นแฝดคู่หนึ่ง เพียงแต่…”
“เพียงแต่สุดท้ายนางถูกเอามาหลอมเป็นยาชะล้างหยกเพราะเสด็จแม่ถูกคนวางยา ไม่มียารักษาได้ และยาพิษนั้นก็เป็นฝีมือท่าน” หรงจิ่นกล่าว
“ไม่ใช่!” หรงจังลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้าถูกกระแทกตกลงพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ หรงจังจ้องหรงจิ่นเอ่ยค้านเสียงดัง “ข้าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษ! อีกอย่าง เด็กคนนั้น…เด็กคนนั้นเกิดมาพร้อมกับความบกพร่องแต่กำเนิด ถึงอย่างไรก็เลี้ยงไม่โต”
หรงจิ่นยิ้มอย่างเย็นชา “หากท่านไม่ได้เป็นคนวางยาพิษ เช่นนั้นท่านรู้เรื่องเด็กคนนั้นกับเรื่องยาชะล้างหยกได้อย่างไร เรื่องนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่ฮองเฮากับบรรดาพระสนมคนอื่นๆ ในวังก็ไม่รู้ เพราะเสด็จแม่ไม่ยอมเชื่อฟังที่ท่านบอกให้วางยาพิษเสด็จพ่อ ดังนั้นท่านจึงคิดวางยานางใช่หรือไม่ ให้เด็กในท้องของนางตายไปด้วย”
“ไม่ใช่!” หรงจังทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สีหน้าซีดเซียว กล่าวพึมพำเบาๆ ว่า “ไม่ใช่…ข้าไม่เคยคิดที่จะฆ่าซีเอ๋อร์” เขาจะฆ่านางได้อย่างไร เดิมทีก็เป็นเขาที่ผิดต่อนาง...เป็นเขาที่ไม่คู่ควรเป็นสามีนาง แม้แต่ภรรยาของตัวเองก็ปกป้องไม่ได้
หรงจิ่นแค่นยิ้ม
มู่ชิงอีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหรงจังพลางกล่าวอย่างลังเลว่า “ดูเหมือนว่าพระสนมซูจะเสียชีวิตก่อนพระสนมเหมยเพียงสองเดือน” อีกอย่างหลังจากที่พระสนมซูเสียชีวิต สกุลเดิมของพระสนมซูก็ถูกประหารทั้งโคตร เพียงแต่ว่าคนที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ฆ่าในตอนนั้นมีมากเกินไป คนที่โดนฆ่าทั้งโคตรก็มีไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก
สายตาของหรงจังพุ่งที่มู่ชิงอีราวกับดาบที่แหลมคม “กู้หลิวอวิ๋น เจ้าฉลาดมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี”
หรงจิ่นเหลือบมองหรงจังด้วยความไม่พอใจ ครุ่นคิดเกี่ยวกับความคิดของมู่ชิงอี ในที่สุดก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “พระสนมซูเป็นคนวางยาพิษ”
มู่ชิงอีกล่าวเบาๆ ว่า “ตอนนั้น…คนที่ให้พระสนมเหมยวางยาพิษฆ่าฝ่าบาท คงจะเป็นพระสนมซูกระมัง” เดิมทีพระสนมซูก็ไม่ได้รับความรัก ซ้ำฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ก็ยังแย่งภรรยาของบุตรชายมาเป็นสนมรักของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเป็นการเหยียบหน้าพวกเขาสองแม่ลูก พระสนมเหมยมีนิสัยอ่อนโยนไม่โต้แย้งกับใคร ดังนั้นนางจึงให้ความเคารพและสุภาพกับพระสนมซูที่เป็นแม่สามี หากพระสนมซูเกลียดชังฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เพื่อบุตรชายของตัวเองแล้วคาดว่าก็คงทำเช่นนี้ อย่างไรเสียตอนที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ยังมีชีวิตอยู่นางก็เป็นเพียงสนมที่ถูกพระสนมในวังหลังหัวเราะเยาะ แต่หากบุตรชายของนางขึ้นครองบัลลังก์ นางก็จะเป็นไทเฮาผู้สูงส่ง
เพียงแต่ว่าคงจะคิดไม่ถึงว่าพระสนมเหมยจะปฏิเสธนาง เมื่อความอับอายกลายเป็นความโกรธพระสนมซูจึงวางยาพิษพระสนมเหมย นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ เพียงแต่ว่า… “จากการคุ้มครองของฮ่องเต้องค์ก่อนที่มีต่อพระสนมเหมยจะปล่อยให้นางวางยาพิษสำเร็จได้อย่างไร”
หรงจังกล่าวเสียงเบาด้วยความเจ็บปวด “ซีเอ๋อร์รู้สึกผิดต่อเสด็จแม่มาตลอด ขอเพียงแค่เสด็จแม่กำชับมานางก็จะเชื่อฟังทั้งหมด บางครั้งเสด็จแม่ก็จะให้นางคุยเป็นเพื่อน แม้ว่า…เสด็จพ่อจะไม่พอใจ แต่หากซีเอ๋อร์ดึงดัน เสด็จพ่อก็จะปล่อยไป”
มู่ชิงอีเงียบไป ยาพิษของพระสนมซูเป็นยาที่ออกฤทธิ์ช้า พระสนมเหมยก็ไม่ใช่คนประมาท เกรงว่าอาจจะไม่ใช่เพราะนางไม่รู้ตัว เพียงแต่ว่านางเป็นสตรีอ่อนแอที่เกิดในตระกูลค้าขาย ต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างสามีกับฮ่องเต้ เกรงว่าการมีชีวิตอยู่จะเป็นเรื่องยากมากกว่าการตาย หลังจากได้ยินหลายคนพูดถึงเหมยซีเอ๋อร์ มู่ชิงอีก็รู้ว่านางไม่ใช่สตรีที่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายทั้งหมดได้