หน้าตาเช่นนี้ หากไม่มีรอยแผลเป็นนั้น เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กับกู้หลิวอวิ๋น ชายรูปงามของเมืองหลวง
สองคนนี้ คือกู้ซิ่วถิงและมู่หรงอวี้ที่หายตัวไปนาน มู่หรงอวี้ถือถ้วยน้ำชา ยิ้มแล้วมองดูลูกพี่ลูกน้องที่เหม่อลอยอยู่หน้าตัวเอง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ตอนอยู่ที่แคว้นหวาน่าจะรู้ว่าชิงอีไม่ธรรมดาจริงๆ”
ปีนี้มู่ชิงอีอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี ในวัยนี้ อายุแค่นี้ก็ได้เป็นอัครมหาเสนาบดี ไม่ต้องพูดถึงลูกสาว แม้แต่ลูกชาย ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันก็มีไม่มากนัก
กู้ซิ่วถิงก้มหน้าลงจิบชา จากนั้นก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา “ชิงอีเก่งกว่าข้าเสียอีก” เพราะเช่นนี้ เขาจึงรักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้ อวิ๋นเกอไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องกลยุทธ์แผนการพวกนี้ตั้งแต่เกิด แต่ว่า…เรื่องในอดีตทำร้ายนางเกินไป นางลำบากมากเกินไปต่างหาก
ชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน ความคิดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน คนที่เคยมีความแค้นเพราะตระกูลถูกกวาดล้างเหมือนกัน แต่คุณชายซิ่วถิงกลับไม่สนใจอำนาจบนโลกใบนี้ ตั้งแต่นี้ไปเขาขอแค่อิสระ แต่น้องสาวอย่างกู้อวิ๋นเกอกลับไม่เหมือนกัน หลังจากผ่านทุกอย่างมาแล้ว ทุ่มตัวเองเข้าไปแล้ว นางอยากจะสร้างท้องฟ้าที่เป็นของตัวเอง
เรื่องนี้ทำให้กู้ซิ่วถิงรู้สึกละอายใจ เขาจึงรักและเอ็นดูน้องสาวที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กคนนี้อย่างมาก
“เจ้าบอกว่าจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกต่อไป แต่กลับวิ่งมาแคว้นเย่ว์เพราะชิงอี ไม่อยากมีชีวิตที่สงบสุขแล้วกระมัง” มู่หรงซีเลิกคิ้วพร้อมกล่าวด้วยร้อยยิ้ม ถึงแม้พิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขายังไม่หายดี แต่หลังจากที่ได้รับการรักษาจากมั่วเว่นฉิง ร่างกายของมู่หรงซีก็ดีขึ้นมาก มิฉะนั้นเขาคงจะตามกู้ซิ่วถิงไปทุกที่เช่นนี้ไม่ได้
กู้ซิ่วถิงดื่มชาพลางเอ่ย “ข้าไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ชิงอีเป็นน้องสาวของข้า ข้าต้องมาดูว่านางเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า… นางคงอยากอยู่กับหรงจิ่นคนนั้น สตรีอย่างนาง ไม่มีตระกูลเดิมคอยหนุนอยู่ข้างหลัง หากถูกคนอื่นรังแกจะทำเช่นไร”
มู่หรงซีมุมปากกระตุก บนโลกใบนี้จะมีใครกล้ารังแกมู่ชิงอีด้วยหรือ แค่ดูความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ตราบใดที่หรงจิ่นมีสมอง เขาย่อมไม่มีทางรังแกผู้หญิงอย่างนาง
จะว่าไปแล้วก็แปลก ตอนนั้นใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอมู่ชิงอี ทุกครั้งเขาเจอกับนางเขามักจะเห็นนางหลบอยู่ข้างหลังอวิ๋นเกอตลอด แต่ตอนนี้กลับน่ากลัวกว่าอวิ๋นเกอและซิ่วถิงรวมกันเสียอีก นี่คือตัวตนที่แท้จริงของนางอย่างนั้นหรือ
เห็นสีหน้าเป็นกังวลของกู้ซิ่วถิง มู่หรงซีก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “ดังนั้นที่เจ้ามาแคว้นเย่ว์ในครั้งนี้ เจ้าจะไม่กลับไปแล้วใช่หรือไม่” ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดีหมดทุกอย่าง แต่มีอย่างเดียวคือเขาใจอ่อนราวกับไม่ใช่เด็กที่เกิดมาในตระกูลที่มีอำนาจ โดยเฉพาะกับคนในครอบครัวตัวเอง ตอนนี้คนที่เป็นคนในครอบครัวของกู้ซิ่วถิงจริงๆ ก็มีแค่มู่ชิงอีและเขา แต่มู่ชิงอีเป็นสตรี มู่หรงซีไม่อยากที่จะคิดจินตนาการ กู้ซิ่วถิงคงไม่มีทางได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขของตัวเองเพราะน้องสาวคนนี้
กู้ซิ่วถิงส่ายหน้ากล่าว “ไม่ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไร…ที่นี่คือแคว้นเย่ว์ หรงจิ่นคือฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นเย่ว์ ข้าอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับชิงอี และชิงอีก็ไม่ต้องการการปกป้องจากพี่ใหญ่อย่างข้าด้วย”
มู่หรงซีลูบคางตัวเอง เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกู้ซิ่วถิงแล้วถอนหายใจ “ไม่แปลกที่เจ้าลากข้าเดินทางไปตอนใต้ มันคุ้มแล้วหรือ”
กู้ซิ่วถิงยิ้มแผ่วเบา “นางคือน้องสาวของข้า มีอะไรไม่คุ้มกันเล่า”
มู่หรงซีเลิกคิ้ว ส่ายหน้ากล่าว “ไม่เป็นไร เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ แต่ต้องบอกก่อนนะว่าข้าช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าอย่าคิดที่จะโยนมาให้ข้า ข้าไม่สนใจ…เรื่องพวกนั้น” เมื่อเทียบกับกู้ซิ่วถิง มู่งหรงซีรังเกียจเรื่องพวกนั้นมากกว่าเขาเสียอีก ตระกูลกู้ถูกฮ่องเต้ทอดทิ้ง ส่วนมู่หรงซีถูกเสด็จพ่อตัวเองทอดทิ้ง ไม่รู้ว่าเรื่องไหนสาหัสมากกว่ากัน
กู้ซิ่วถิงพูดอย่างเมินเฉย “ก็แค่ชั่วคราว ถึงแม้หรงจิ่นจะดีกับชิงอี แต่การมีต้นทุนในมือถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะราชวงศ์นั้นช่างโหดเหี้ยม…”
ทันใดนั้นพวกเขาสองคนก็แน่นิ่งไป ราชวงศ์ช่างโหดเหี้ยม…พวกเขาล้วนแต่เคยเจอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงกลัว จึงถอย แต่ชิงอีกลับทำตรงกันข้าม จะว่าไปแล้ว ชายร่างใหญ่สองคนยังไม่กล้าหาญเท่าผู้หญิงคนหนึ่งเลย
“พี่ใหญ่!” เสียงที่ดังฟังชัดดังขึ้นมาจากข้างหลัง กู้ซิ่วถิงได้ยินเสียงเรียกก็ตกใจ หันไปมองก็เห็นชายหนุ่มชุดขาวที่หน้าตาหล่อเหลายืนอยู่หน้าประตูกำลังมองมาที่ตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำ
โรงน้ำชาแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองของเมืองหลวง คนส่วนใหญ่ที่มาดื่มชาที่นี่ล้วนแต่เป็นราษฎรธรรมดา พอเห็นมู่ชิงอีพวกเขาจึงรู้สึกแปลกใจ เพราะแม้วันนี้ที่นี่จะมีชายหนุ่มหน้าตาดีมาเยือนตั้งมากมาย แต่พวกเขาไม่ได้นึกถึงอัครเสนาบดีที่ชื่อเสียงโด่งดัง
มู่ชิงอีเดินไปหากู้ซิ่วถิง “พี่ใหญ่…พี่ชาย…”
กู้ซิ่วถิงยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาลูบผมของนางด้วยความรักใคร่ “ร้องไห้ทำไม เห็นพี่ใหญ่แล้วไม่ดีใจหรือ”
มู่ชิงอีรีบเช็ดน้ำตาตัวเอง จากนั้นก็ลากกู้ซิ่วถิงไปยังห้องส่วนตัวของโรงน้ำชา “พี่ใหญ่ ทำไมพวกท่านไม่ไปจวนตระกูลกู้เล่าเจ้าคะ หากไม่ใช่เพราะรู้ข่าวจากมั่วเวิ่นฉิง ข้าคงไม่รู้ว่าพวกท่านมา” ในห้องส่วนตัว มู่ชิงอีมองกู้ซิ่วถิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เง้างอน
มองดูน้องสาวของตัวเองทำท่าทางราวกับเด็กผู้หญิงที่ไม่เข้ากับการแต่งตัวในคราบชายหนุ่ม กู้ซิ่วถิงกับมู่หรงซีก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ มู่หรงซีส่ายหน้ากล่าว “ชิงอี เจ้าเป็นเช่นนี้ต่อหน้าซิ่วถิงทุกครั้ง ขุนนางในราชสำนักแคว้นเย่ว์ล้วนแต่ตาบอดกันหรืออย่างไร ถึงมองตัวตนของเจ้าไม่ออก”
มู่ชิงอีแย้มยิ้ม นางปล่อยแขนเสื้อกู้ซิ่วถิงแล้วยักคิ้วให้มู่หรงซี จากนั้นก็พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าแต่งตัวได้อย่างแนบเนียน พวกเขาจะมองออกได้เช่นไร”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ” มู่หรงซีชื่นชมนาง พวกเขาเคยเห็นมู่ชิงอีสวมเสื้อผ้าผู้ชายในเมืองหลวงแคว้นหวาตั้งหลายครั้ง แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ ตอนนั้นนางดูอ่อนแอกว่ามาก แต่เมื่อมาถึงแคว้นเย่ว์ อาจจะเป็นเพราะนางมีประสบการณ์ในราชสำนัก จึงทำให้นางมีท่าทีเคร่งขรึมมากขึ้น แม้แต่มู่หรงซีเห็นเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจในใจ น่าเสียดายที่นางไม่ใช่ผู้ชาย
มู่ชิงอีเล่นพัดอยู่ในมือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่บุรุษแล้วทำไมเล่าเจ้าคะ เรื่องที่ผู้ชายบางคนทำไม่ได้ แต่ข้ากลับทำได้”
มู่หรงซีพยักหน้ายิ้มเอ่ย “ถูกต้อง อัครมหาเสนาบดีที่อายุสิบหกปี บุรุษคนอื่นไม่มีทางทำได้แน่นอน”
พูดถึงเรื่องนี้ มู่ชิงอีก็เอือมระอา “อย่าพูดเรื่องนี้เลย ท่านไม่ได้ยินหรือว่าคนพวกนั้นว่าข้าเช่นไร บอกว่าข้าเป็นขุนนางประจบสอพลอ” มู่หรงซีเลิกคิ้ว “เจ้าไม่สนใจหรือ”
มู่ชิงอียิ้มกล่าว “ทำไมข้าต้องสนใจด้วยเล่า ขุนนางที่ใช้หน้าตาตัวเองประจบสอพลอฮ่องเต้ได้ก็มีแต่ขุนนางหน้าตาดี ในฐานะผู้หญิง ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่คนอื่นบอกว่าข้าหน้าตาดี ข้าก็ย่อมดีใจ แล้วอีกอย่าง…หากพวกเขารู้จุดอ่อนจุดอื่นของข้า พวกเขาคงไม่มีทางพูดเรื่องนี้ ตอนนี้พวกเขาด่าข้าก็เพราะว่าพวกเขาสู้ข้าไม่ได้“
มู่หรงซียิ้มแล้วมองไปที่กู้ซิ่วถิง เลิกคิ้วกล่าว “ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนางแล้ว แค่ความคิดนี้ บวกกับกลยุทธ์ของนางและการสนับสนุนจากหรงจิ่น คนในราชสำนักคงไม่มีใครทำอะไรนางได้”