“คุณชายเว่ยคงรอนานแล้ว” มู่ชิงอีย่างกรายเข้ามาในโถงใหญ่พร้อมรอยยิ้ม
“คุณชายกู้” เว่ยอู๋จี้ลุกขึ้นประสานมือยิ้มกล่าว “ตอนนี้ควรเรียกว่าอัครเสนาบดีกู้แล้ว” มู่ชิงอีคลี่ยิ้มบาง “สร้างเรื่องน่าขันให้คุณชายซะมากกว่า”
เว่ยอู๋จี้ส่ายศีรษะเอ่ย “ถึงแม้จะไม่อยากพูดคำนี้ แต่ข้าก็ยังอยากพูดว่าทุกครั้งที่เจอคุณชายกู้ คุณชายกู้มักทำเอาข้ารู้สึกตกตะลึงอยู่เรื่อย”
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย “เช่นนั้นก็นับว่าเป็นเกียรติของหลิวอวิ๋น เชิญคุณชายนั่งเถิด”
หลังจากแขกกับเจ้าบ้านนั่งลง พอเงียบไปได้ครู่หนึ่งเว่ยอู๋จี้ก็ไม่อ้อมค้อมเอ่ยเสียงขรึม “คิดว่าคุณชายกู้คงรู้แล้วว่าข้ามาด้วยเรื่องอันใด”
มู่ชิงอีถอนหายใจเสียงเบากล่าว “เพื่อสวินอ๋องหรงจังน่ะหรือ” นอกจากเรื่องนี้ มู่ชิงอีก็นึกไม่ออกแล้วว่านางกับเว่ยอู๋จี้จะยังมีเรื่องใดให้พูดคุยกันได้อีก เว่ยอู๋จี้เป็นคนฉลาด สวินอ๋องถูกหรงจิ่นขังไว้ในคุกเชื้อพระวงศ์ หากไปหาหรงจิ่นขอร้องให้ปล่อยคนไปคงไม่ได้ ดังนั้นเลยทำได้แค่เปลี่ยนทิศทางมาวิงวอนนางถึงที่นี่แทน
เพียงแต่น่าเสียดายที่นางทำให้เว่ยอู๋จี้ต้องผิดหวังเสียแล้ว เรื่องระหว่างสวินอ๋อง ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์และหรงจิ่นคลุมเครือซับซ้อนเกินไป ต่อให้สืบหาต่อไปก็ไม่มีความหมาย แต่ขอแค่หรงจิ่นไม่อยากปล่อยหรงจังออกมา มู่ชิงอีก็ไม่มีทางเกลี้ยกล่อมหรงจิ่นเพื่อใครแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นปมความสัมพันธ์ที่เรียกว่าพ่อลูกของหรงจังและหรงจิ่นในเวลานี้ก็ยากที่จะคลี่คลายได้ ยากที่จะกล่าวว่าหลังจากหรงจังออกมาแล้วจะหาเรื่องเดือดร้อนให้หรงจิ่นหรือไม่
มู่ชิงอีวางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่เรื่องนี้…ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้”
“คุณชายกู้…” เว่ยอู๋จี้ขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางคงคิดไม่ถึงว่ามู่ชิงอีจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ มู่ชิงอียกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูดคำใดออกมา เอ่ยเสียงเรียบ “คุณชายเว่ยเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ มีเรื่องมากมายที่คนนอกไม่รู้ กระทั่งเรื่องที่ข้ากับหรงจิ่นไม่รู้ คุณชายเว่ยกลับรู้แก่ใจดี ดังนั้นคุณชายเว่ยโปรดอย่าสร้างความลำบากใจให้หรงจิ่นเลย อย่างน้อยข้าก็รับประกันได้ว่าสวินอ๋องไม่มีอันตรายใดถึงชีวิตแน่นอน”
เว่ยอู๋จี้ขมวดคิ้ว คืนนั้นเขาถูกคนของมู่ชิงอีขวางไว้อยู่นอกเมือง รอจนเขาหนีรอดจากพวกเทียนซูกลับมาในเมือง เรื่องทุกอย่างก็จบลงแล้ว ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าเหตุใดหรงจิ่นถึงต้องกักขังหรงจัง เว่ยอู๋จี้เลยรู้สึกประหลาดใจและดูไร้เหตุผล ถึงแม้ด้วยนิสัยของหรงจิ่นแล้วจะเป็นคนโหดเหี้ยมแต่ก็ไม่น่าถึงขั้นกักขังพ่อแท้ๆ ของตนเอง นอกจาก…หลังจากพ่อบุญธรรมออกมาแล้วอาจเป็นผลเสียต่อหรงจิ่น พอนึกถึงเรื่องนี้เว่ยอู๋จี้ก็อดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้
ครั้นเห็นท่าทีเปลี่ยนไปของเขา มู่ชิงอีก็ลอบถอนหายใจเงียบๆ เดิมทีเว่ยอู๋จี้เป็นคนฉลาดหลักแหลม เกรงว่าคงพอจะคาดเดาจุดน่าสงสัยได้นานแล้ว เขามาที่นี่ก็แค่เพื่อยืนยันเรื่องคลางแคลงใจของเขาก็เท่านั้น
“คุณชายเว่ย...วันหน้าวางแผนจะทำอะไรต่อไปหรือ” มู่ชิงอีเอ่ยถามเสียงเรียบ
เว่ยอู๋จี้เงียบไป ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเอ่ยถามว่า “องค์ชายที่ไว้ทุกข์คงออกวังกันไปหมดแล้ว หรงจิ่นคงไม่คิดจะขังพ่อบุญธรรมไปชั่วชีวิตหรอกกระมัง คุณชายกู้โปรดบอกอวี้อ๋องด้วยว่า…เว่ยอู๋จี้ไม่มีทางตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขาแน่นอน เขาช่วยเมตตาปล่อยพ่อบุญธรรมไปเถิด”
มู่ชิงอีกวาดตามองเว่ยอู๋จี้ด้วยท่าทีประหลาดใจ ทว่าเว่ยอู๋จี้กลับไม่สนใจเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าข่าวที่ได้รับเมื่อครู่คงทำให้เขาทำใจยากที่จะรับได้ เขามองมู่ชิงอีแวบหนึ่งถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นขอตัวกลับไป
หากจะขังสวินอ๋องไปตลอดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องจริงๆ แต่ในเมื่อหรงจังสามารถอดทนอยู่ภายใต้สายตาของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์มาได้ตั้งยี่สิบปี แถมยังชุบเลี้ยงคนเก่งกาจและมีใจจงรักภักดีต่อเขาอย่างเว่ยอู๋จี้ขึ้นมาได้ กระทั่งควบคุมกองทัพรักษาพระองค์เสิ่นเช่อและกองทัพอวี่หลินบางส่วนไว้ได้ในมือ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา หากหลังจากปล่อยเขาออกมาแล้วก่อเรื่องวุ่นวายให้หรงจิ่นคงยุ่งยากน่าดู
แต่จะปล่อยก็ไม่ได้ จะฆ่าก็ไม่ได้ เรื่องของเชื้อพระวงศ์…ช่างยุ่งยากเสียจริง ให้หรงจิ่นเป็นคนจัดการเองจะดีกว่า
เหล่าองค์ชายที่ถูกกักตัวอยู่ในวังหลวงโดยไร้การติดต่อสื่อสารใดๆ ต่อโลกภายนอกเจ็ดวันเต็มต่างพากันกลับจวนของตัวเองไปด้วยสีหน้าย่ำแย่ พอได้ยินข่าวลือที่ตามมาก็พากันปวดเศียรเวียนเกล้าตาลายกันไปหมด อย่างแรกเรื่องขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ถึงแม้เหล่าขุนนางระดับหนึ่งขึ้นไปจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ตำแหน่งผู้ช่วยไม่มากก็น้อยกลับปรากฏตัวเด็กรุ่นใหม่โผล่มาบางส่วน อีกทั้งตำแหน่งอัครเสนาบดีซ้ายขวาที่รวมอยู่ในตัวกู้หลิวอวิ๋นคนเดียวยิ่งทำให้ทุกคนเกิดไฟโทสะปะทุขึ้นมา
ตำแหน่งอัครเสนาบดีแตกต่างจากขุนนางในราชสำนัก เพราะเป็นขุนนางปกครองสูงสุดสอดคล้องตามชื่อ เดิมทีเพราะตำแหน่งสูงส่งและอิทธิพลมากล้นถึงต้องแบ่งเป็นซ้ายขวาเพื่อให้สมดุลกัน หากว่ากันเรื่องความสูงส่งอัครเสนาบดีระดับหนึ่งย่อมสู้เหล่าอ๋องที่อยู่เหนือเกินระดับไม่ได้ แต่หากว่ากันเรื่องราชสำนักและอำนาจที่แท้จริงละก็ เหล่าอ๋องในเชื้อพระวงศ์ยังห่างชั้นกับอัครเสนาบดีมากนัก
ขณะที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ยังอยู่ ถึงแม้ตำแหน่งอัครเสนาบดีจะมีเพียงเปลือกนอก แต่ยามที่ฮ่องเต้มอบหมายงานให้เหล่าอ๋องก็ยังแทรกแซงสะดวกกว่า ดูอย่างองค์ชายคนโตหรงหวงที่เก่งกาจสู้หรงเซวียนและหรงเหยี่ยนไม่ได้ แต่เพราะมีอัครเสนาบีฝ่ายซ้ายคอยหนุนหลังถึงสามารถทัดเทียมกับหรงเซวียนและหรงเหยี่ยนได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ภายหลังถูกหรงจิ่นและมู่ชิงอียื่นมือเข้ามาทำลายจนแผนการพังไม่เป็นท่า
“ตกลงหรงจิ่นคิดจะทำอะไรกันแน่” ภายในห้องหนังสือของตวนอ๋อง หรงซิงใช้เท้าถีบเก้าอี้ตรงหน้าแล้วตวาดขึ้นด้วยความโมโห
หรงเหยี่ยนที่นั่งอยู่อีกฝั่งสีหน้าขรึมลงเช่นกัน ผ่านไปนานถึงถอนหายใจกล่าว “น้องสิบ ใครใช้ให้เราแพ้น้องเก้าตั้งแต่ก้าวแรกเล่า ตอนนี้จะไปทำอะไรได้” ห่างกันเพียงก้าวเดียวแต่ต่างราวฟ้ากับเหว พวกเขาถูกบีบให้ไว้ทุกข์อยู่ในวังถึงเจ็ดวัน ซึ่งเพียงพอให้หรงจิ่นจัดการเรื่องมากมายได้ตั้งเท่าไร ถึงแม้รากฐานจะอ่อนแอ หรงจิ่นยังไม่สามารถกุมราชสำนักไว้ในมือได้ทั้งหมด แต่ตำแหน่งสำคัญๆ กลับถูกคนรุ่นใหม่ครอบครองไว้หมดแล้ว
เพียงแต่หากตั้งใจสังเกตดูก็จะพบว่าน้องเก้าผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ในแง่การใช้คนก็เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นมากกว่าใคร ดั่งเช่นตอนนี้ ทั้งๆ ที่เขาช่วงชิงตำแหน่งอัครเสนาบดีฝ่ายขวาจากอัครเสนาบดีเจียงไป ทว่าตาแก่นั่นกลับดีอกดีใจ จากนั้นก็ไปเป็นราชครูที่ไร้ซึ่งอำนาจอย่างมีความสุข นี่เป็นเรื่องที่ลูกหลานคนใดทำได้บ้างหรือ เห็นได้ชัดว่าหลายปีมานี้หรงจิ่นกำลังตบตาแกล้งว่าอ่อนแออยู่ต่างหาก!
“แล้วจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้หรือ” หรงซิงกัดฟันเอ่ย “สิบกว่าปีมานี้ หรงจิ่นอาศัยความโปรดปรานของเสด็จพ่อก่อเรื่องวุ่นวาย ใครก็ไม่กล้าหาเรื่องเขา แต่วันหน้าอีกหลายสิบปีพวกเรายังต้องทนดูสีหน้าของเขาต่อไปอย่างนั้นหรือ พี่สี่ ท่านทนไหวจริงๆ น่ะหรือ”
หรงเหยี่ยนสีหน้าขรึมลง ทนไม่ได้แล้วจะทำอย่างไรเล่า วันนั้นไม่ทันขวางการพระราชโองการสั่งเสีย พวกเขาก็พ่ายแพ้ไปก่อนยกหนึ่งแล้ว หากตอนนี้ไม่อยากทน เช่นนั้นก็คงทำได้แค่บีบบังคับช่วงชิงตำแหน่ง กระทั่งหลังความตายก็ต้องถูกคนประณาม
เมื่อเห็นสีหน้าของหรงเหยี่ยน หรงซิงก็รู้แล้วว่าเขาเกิดหวั่นไหวขึ้นมาเลยรีบเอ่ยต่อ “พี่สี่ คนที่คัดค้านหรงจิ่นไม่ได้มีแค่พวกเราแน่นอน หรงจิ่นจะนั่งตำแหน่งนั้นได้อย่างมั่นคงหรือไม่ก็ไม่แน่ ต่อให้พวกเราจะยอมจำนน แล้วเขาจะปล่อยพวกเราไปหรือ ขนาดพี่สามไม่ได้ทำเรื่องใด แต่ตอนนี้กลับถูกหรงจิ่นเอาตัวไปไว้ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”
หรงเหยี่ยนเงยหน้ามองเขาเอ่ย “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงพี่สามหรอก พี่สามถูกน้องเก้าขังไว้ในคุกเชื้อพระวงศ์แล้ว”
หรงซิงดวงตาเป็นประกาย พวกเขาเพิ่งออกมาพี่สี่ก็ได้รับข่าวนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลของจวนตวนอ๋องยังถูกทำลายไม่มากนักจึงยิ้มกล่าว “พี่สี่ หากเราเอาเรื่องนี้ไปถามหรงจิ่น ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรเล่า ต่อให้เขาจะขึ้นรับตำแหน่งเป็นฮ่องเต้ แต่พี่สามเป็นถึงพี่ของเขา จับคนไปกักขังไว้โดยไร้ต้นสายปลายเหตุเช่นนี้เพราะเหตุใดกันแน่ วันนี้เขาขังพี่สามได้ พรุ่งนี้ก็ขังพี่น้องคนอื่นๆ อย่างพวกเราได้เช่นกันมิใช่หรือ”