ผ่านไปครู่ใหญ่หรงเหยี่ยนกับหรงซิงก็มาปรากฏตัวตรงประตูห้องหนังสือแล้วเหลือบมองพวกหนานกงเจวี๋ยที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปทักทายหรงเซวียนด้วยใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มสง่างามอ่อนโยน “พี่รอง”
หรงเซวียนพยักหน้าด้วยท่าทีนิ่งขรึม “เหตุใดน้องสี่ถึงมีเวลาว่างมาหาข้าถึงที่นี่ได้ เพิ่งออกจากวังมา คงมีสิ่งที่ต้องจัดการมากถึงจะถูก”
หรงเหยี่ยนยิ้มกล่าว “พี่รองพูดเรื่องน่าขันแล้ว บัดนี้ใกล้ถึงเวลาสถาปนาฮ่องเต้องค์ใหม่ ขุนนางอย่างพวกเราจะมีธุระใดได้ หรือพี่รองไม่ต้อนรับน้องหรือ” หากไม่ใช่เพราะคนในนั้นต่างสะกดอารมณ์ไว้ เกรงว่าคงยิ้มเย้ยหยันว่าช่างหน้าด้านเกินทน หรงเซวียนต้องกลายเป็นแบบนี้เพราะฝีมือใครกันล่ะ หากคนในจวนจวงอ๋องต้อนรับเขาคงบ้าไปแล้ว
จวงอ๋องซื่อจื่ออ้าปากหมายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายพอมองพ่อและปู่ของตนครู่หนึ่งก็เงียบปากลงด้วยท่าทีอัดอั้นใจ หรงเหยี่ยนมองหรงเซวียนก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่รอง เรื่องก่อนหน้านี้…พวกเราต่างเข้าใจผิดกันไปจริงๆ แต่ตอนนี้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พี่รองยังคิดเล็กคิดน้อยกับน้อง แบบนี้เหมือนปล่อยให้คนอื่นคว้าผลประโยชน์ไปเปล่าๆ มิใช่หรือ”
หรงเซวียนหยิบม้วนกระดาษในมือขึ้นพลิกไปมาอย่างไม่ใส่ใจ แหงนหน้ามองหรงเหยี่ยนแวบหนึ่งเอ่ย “เข้าใจผิดหรือ คิดเล็กคิดน้อยหรือ ปล่อยให้คนอื่นได้ผลประโยชน์ไป ใครคือคนอื่นหรือ หรือในสายตาของน้องสี่แล้วพวกเราต่างหากที่เป็นพวกเดียวกัน หากเป็นเช่นนั้นข้าคงเห็นใจคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้าน่าดู ขนาดเป็นพวกเดียวกัน ข้ายังมีจุดจบเช่นนี้เลย หากเป็นศัตรูกับเจ้า เกรงว่าคงตายกลายเป็นศพไร้ร่างไปแล้วกระมัง”
หรงซิงที่ยืนอยู่ด้านหลังหรงเหยี่ยนมุ่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “พี่รอง จนป่านนี้แล้ว ท่านยังมีกะจิตกะใจมาเจ้าคิดเจ้าแค้นพี่สี่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้อีก?”
ไฟโทสะในตัวหรงเซวียนปะทุขึ้นมาทันที ทว่าก็นึกเลื่อมใสในตัวหรงเหยี่ยนเช่นกัน หรงเหยี่ยนต่างจากเขา เขามีตระกูลหนานกงที่ทรงอิทธิพลคอยหนุนหลัง แต่มารดาของหรงเหยี่ยนเป็นแค่ผินเฟยธรรมดาๆ คนหนึ่ง หรงเหยี่ยนมีอำนาจเฉกเช่นทุกวันนี้ได้เพราะความพยายามของตัวเองทั้งสิ้น ดูจากความซื่อสัตย์ที่น้องสิบมีต่อเขาก็เพียงพอทำให้ตนเห็นหรงเหยี่ยนอยู่ในสายตาแล้ว ควรรู้ว่าแม้แต่องค์ชายหกที่อาศัยอำนาจของจวนจวงอ๋องยังไม่มีใครจงรักภักดีต่อเขาขนาดนี้เลย หรงเซวียนเพิ่งสุขภาพย่ำแย่ องค์ชายหกก็เริ่มวิ่งเต้นไปมาแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นหรงเซวียนก็ยังแปลกใจ หรงเหยี่ยนไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าตนจะต้องช่วยพวกเขาแน่นอน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว สนับสนุนน้องคนใดก็เหมือนกันมิใช่หรือ หรงจิ่นไร้คุณธรรมก็จริง แต่หรงเหยี่ยนเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรนัก
“น้องสิบพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร ที่แท้ก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นหรือ” หรงเซวียนยิ้มเยาะเอ่ย หรงซิงหายใจติดขัด ความจริงใครก็รู้ว่าเพราะเรื่องหรงเซวียนโดนวางยาพิษ จวนตวนอ๋องและจวนจวงอ๋องถึงมีปมแค้นที่แก้ไม่ได้ แต่พวกเขากลับยังมาดึงหรงเซวียนเข้าพวก บัดนี้ในบรรดาท่านอ๋องและองค์ชายในแคว้นเย่ว์ คนที่มีอิทธิพลอำนาจมากที่สุดก็คือหรงเหยี่ยนและหรงเซวียน ทันทีที่หรงเซวียนเข้าพวกกับหรงจิ่นเมื่อใด พวกเขาก็คงหมดหวังแล้ว
“พี่รอง เรื่องก่อนหน้านี้เป็นความผิดของน้อง รอหลังจากจบเรื่องนี้แล้วน้องก็พร้อมรับโทษจากพี่รอง แต่วันนี้โปรดพี่รองฟังน้องสักหน่อยเถิด” หรงเหยี่ยนแสดงท่าทีเคารพอย่างนอบน้อมพร้อมเอ่ยเสียงขรึม
หรงเซวียนเลิกคิ้วเอ่ยเสียงเรียบ “ว่ามาเถิด”
หรงเหยี่ยนมองหรงเซวียนแล้วเอ่ยถาม “พี่รองก็รู้ว่าเวลานี้พี่สามถูกขังไว้ในคุกเชื้อพระวงศ์”
หรงเซวียนไม่เข้าใจ “แล้วอย่างไรเล่า”
หรงเหยี่ยนกล่าว “โดยไร้ต้นสายปลายเหตุ พี่สามถูกน้องเก้าขังไว้ในนั้นโดยไม่มีความกระจ่างใดเลย พี่สองไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ หรือ ควรรู้ว่าก่อนที่เสด็จพ่อจะทรงสวรรคต ในพระตำหนักชิงเหอมีแค่พี่สามและน้องเก้า ยิ่งไปกว่านั้นน้องเก้ายังไม่ทันขึ้นครองราชย์ก็ขังพี่สามไว้แล้ว หากวันหน้าขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วจะปฏิบัติต่อพี่น้องอย่างพวกเราอย่างไรเล่า”
หรงเซวียนกลับไม่เห็นด้วย คำพูดที่หรงเหยี่ยนบอกว่าหลังจบเรื่องค่อยลงโทษเขาอะไรนั่นก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น หากภายหลังปล่อยให้หรงเหยี่ยนมีอำนาจจริง ใครเป็นคนลงโทษใครยังไม่รู้เลย ส่วนเรื่องหรงจัง พวกเขารักใคร่กลมเกลียวกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
หรงเซวียนรู้เรื่องของหรงจังมากกว่าหรงเหยี่ยนอยู่บ้าง วันนั้นตอนเข้าพระตำหนักชิงเหอไปหรงเซวียนสังเกตเห็นหรงจังคุกเข่าอยู่บนพื้นขยับตัวไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าถูกใครสกัดจุดไว้ เสด็จพ่อมีวิทยายุทธแข็งแกร่งติดตัว หากบอกว่าหรงจิ่นอาศัยช่วงที่เสด็จพ่อไม่รู้ตัวสกัดจุดหรงจังไว้ ต่อให้ตอนนั้นเสด็จพ่อจะร่อแร่เต็มที แต่หรงเซวียนก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด มีความเป็นไปได้แค่ว่าเสด็จพ่อเป็นคนสกัดจุดหรงจังเองหรือเสด็จพ่อมองข้ามการกระทำของหรงจิ่น เช่นนั้น…มีความเป็นไปได้มากว่าหรงจังคงทำเรื่องอะไรที่ทำให้เสด็จพ่อไม่พอพระทัยเป็นแน่
ส่วนเรื่องที่หรงจังจะถูกขังหรือถูกฆ่าเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยเล่า เวลานี้หรงเหยี่ยนมาหาเขาก็แค่อยากดึงเขาเข้าพวกเพื่อต่อกรกับหรงจิ่นเท่านั้น ซึ่งมีประโยชน์อันใดกับเขากันเล่า
“น้องสี่คิดมากไปแล้ว บัดนี้น้องเก้าเป็นฮ่องเต้ ข้าถือเป็นขุนนาง ขอแค่เราซื่อสัตย์ในหน้าที่ทำเพื่อบ้านเมือง น้องเก้าไม่มีทางทำอะไรพวกเราแน่นอน” หรงเซวียนเอ่ยเสียงเรียบ
หรงเหยี่ยนพลันหมดคำพูด คำพูดเช่นนี้อย่าว่าแต่เขาเลย เกรงว่าแม้แต่ตัวหรงเซวียนเองก็ยังยากที่จะเชื่อ แต่เขาคัดค้านคำพูดของหรงเซวียนไม่ได้ หรือจะบอกว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ในหน้าที่ ไม่คิดทำสิ่งใดเพื่อบ้านเมืองอย่างนั้นหรือ
หรงเหยี่ยนถอนหายใจเอ่ย “พี่รองไม่คิดทำเพื่อตัวเอง แล้วไม่คิดเผื่อหลานหน่อยหรือ”
หรงเซวียนสีหน้าพลันเรียบตึง เอ่ยเสียงขรึม “ก็เพราะคิดแทนพวกเขา ข้าถึงพูดเช่นนี้ น้องสี่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก พี่ขอเตือนเจ้าไว้สักหน่อยแล้วกันว่าเจ้าอย่ายุ่งเรื่องพี่สามเลยจะดีกว่า”
“พี่รอง…” หรงเหยี่ยนมุ่นคิ้ว
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” หรงเซวียนสะบัดแขนเสื้อ เอ่ยเสียงเย็นชา “ข้าเหนื่อย ยางเอ๋อร์ ไปส่งอาสี่ของเจ้าที”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อ” หรงยางพยักหน้าแล้วหมุนตัวไปพูดกับหรงเหยี่ยนกับหรงซิงว่า “อาสี่ อาสิบ เชิญเถิด หลานจะไปส่งท่านอาทั้งสองเอง” หรงซิงแค่นเสียงเบา “พี่สี่ พวกเราไปกันเถิด เขาเต็มใจอยากเป็นหมาเดินตามหรงจิ่น ก้มหัวให้หรงจิ่นก็เรื่องของเขา พวกเรากลับกัน!”
หรงเหยี่ยนถอนหายใจอย่างจนใจ จากนั้นก็ประสานมือคำนับหรงเซวียนก่อนหมุนตัวเดินออกไป
เพล้ง! ภายในห้องหนังสือ หรงเซวียนปัดถ้วยชาบนโต๊ะหล่นลงพื้นพร้อมตามมาด้วยเสียงแก้วแตกละเอียด หรงเซวียนสีหน้านิ่งขรึมลง จับจ้องประตูห้องหนังสือตาเขม็งอยู่นานโดยไม่พูดอะไร
หนานกงอี้ถอนหายใจเสียงเบา จากนั้นก็รินชาส่งไปตรงหน้าหรงเซวียนใหม่อีกครั้ง “พี่ชาย เหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยกับคนพวกนี้ด้วยเล่า”
หรงเซวียนเหยียดยิ้ม “หรงเหยี่ยนตัวดี หรงซิงตัวดี! ข้าอยากรู้นักว่าพวกเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนคิดว่าข้าจะช่วยพวกเขา!” หากไม่ใช่เพราะหรงเหยี่ยน เขาจะมีจุดจบอย่างนี้เหรอ หรงจิ่นไม่ใช่คนดี แต่หรงเหยี่ยนเป็นคนดีตรงไหนกัน คิดว่าข้าโง่เขลานักหรืออย่างไร
“เจ้ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของพี่สามอย่างไร” หรงเซวียนจิบชาอึกหนึ่งสงบอารมณ์โกรธในใจ ก่อนจะเอ่ยถามพลางมองหนานกงอี้ตรงหน้า
หนานกงอี้มุ่นคิ้วกล่าว “ท่านอ๋องคิดถูกแล้ว เราไม่ควรเข้าไปสอดเรื่องสวินอ๋อง อย่าว่าแต่วิธีการน่าทึ่งของฝ่าบาทเลย หากเข้าไปยุ่มย่ามใช่ว่าพวกเราจะได้ผลประโยชน์อะไร พูดถึงสวินอ๋อง…เกรงว่าเขาเองก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน”
“หมายความว่าอย่างไร” หรงเซวียนขมวดคิ้ว พวกเขามักจะคิดว่าหรงจังอ่อนแอมาตลอด แต่คำพูดของหนานกงอี้ทำให้หรงเซวียนนึกขึ้นได้ว่าหรงจังก็เคยเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อหลายปีก่อนเช่นกัน