เซี่ยซิวจู๋ส่ายศีรษะเอ่ย “ไม่เป็นไร” เขาไม่เป็นอะไรจริงๆ ดูท่าทางเหมือนจ้าวจื่ออวี้จะลงไม้ลงมือหนักแต่ความจริงกลับยั้งมืออยู่บ้าง เซี่ยซิวจู๋มีเพียงรอยแผลตื้นๆ จากดาบโดยไม่ต้องพึ่งยาแม้แต่น้อย สองสามวันก็คงหายดี
“ในประวัติศาสตร์จวนอานซีจวิ้นอ๋องล้วนใจรักภักดีต่อแคว้นหวา อีกทั้งเหล่าเชื้อพระวงศ์แคว้นหวาเองก็เมตตาเขาไม่น้อย จ้าวจื่ออวี้จะแสดงท่าทีรับไม่ได้ย่อมเป็นเรื่องปกติ เจ้าอย่าโทษเขาเลย” มู่หรงซีเอ่ยเสียงเรียบพลางมองเซี่ยซิวจู๋
เซี่ยซิวจู๋พยักหน้าเงียบๆ เขาไม่จะไม่เข้าใจความคิดของศิษย์น้องตนได้เช่นไร
มู่ชิงอีนั่งลงข้างกายกู้ซิ่วถิงแล้วเอ่ยถามมู่หรงซีอย่างชั่งใจว่า “พี่ชาย ท่านจะไปเจอฝูอ๋องสักหน่อยหรือไม่” เรื่องที่กู้ซิ่วถิงอยู่ในเมืองหลวงคงปิดไม่มิด ความจริงตอนนี้คนที่รู้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน มู่หรงเค่อย่อมรู้อยู่แล้วว่าตอนนั้นมู่หรงซีหายตัวไปพร้อมกับกู้ซิ่วถิง เกรงว่าอีกไม่นานคงโผล่มาหาถึงที่ด้วยซ้ำ
มู่หรงซีส่ายศีรษะ “ช่างเถอะ อย่าเลยดีกว่า ในเมื่อออกจากแคว้นหวามาแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก ข้าจะไม่จงใจหลบหลีกแต่หากจะให้ตั้งใจไปหาเลยคงไม่จำเป็น” ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมู่หรงเค่ออาจจะพอถือว่าพูดคุยกันได้ แต่กลับไม่ได้ถึงขั้นลึกซึ้งเสียทีเดียว
ครั้นเห็นท่าทีของมู่หรงซีเช่นนั้น มู่ชิงอีก็ไม่ได้โน้มน้าวอะไร พยักหน้ากล่าว “ทุกอย่างทำตามที่พี่ชายว่าก็แล้วกัน”
กู้ซิ่วถิงมองเซี่ยซิวจู๋ที่ขมวดคิ้วมุ่นด้านข้างแล้วเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้น” มู่ชิงอีชะงักไปก่อนจะมองกู้ซิ่วถิงด้วยท่าทีฉงน กู้ซิ่วถิงเอ่ย “ไม่เหมือนซิวจู๋เพิ่งปะทะกับจ้าวจื่ออวี้มาเลยสักนิด กลิ่นคาวเลือดบนตัวรุนแรงเกินไป”
มู่ชิงอียิ้มเอ่ยอย่างระอาใจ “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ก็แค่เจอนักฆ่าที่รนหาที่ตายเองก็เท่านั้น”
กู้ซิ่วถิงมุ่นคิ้ว กล้าลอบฆ่าคนในเมืองหลวงเช่นนี้ เห็นทีคงไม่ใช่คนสถานะธรรมดา
“นักฆ่าเล่า”
“เอาไปโยนทิ้งที่ที่ว่าการเฟิ่งเทียนแล้วเจ้าค่ะ” มู่ชิงอีกล่าว กู้ซิ่วถิงเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็พยักหน้าเอ่ย “ระวังตัวเองให้ดี”
“พี่ใหญ่วางใจเถิด ข้าไม่เป็นอะไรแน่นอน”
ณ ที่ว่าการเฟิ่งเทียน
ถึงจะดึกดื่นมืดค่ำแต่แสงไฟกลับสว่างไสว ปู้อวี้ถังมองคนชุดดำที่ถูกส่งตัวมาเมื่อครู่ แถมถูกเชือกรัดจนกลายเป็นบ๊ะจ่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลอบสังหารอัครมหาเสนาบดีในเมืองหลวงโต้งๆ เช่นนี้ สิ่งที่สำคัญก็คือเป็นคุณชายกู้อีกต่างหาก เห็นทีคงอยากตายมากกระมัง!
คนที่ถูกปู้อวี้ถังจับจ้องกลับไม่เห็นเขาในสายตาเลยสักนิด เอ่ยด้วยสีหน้าหยิ่งผยองว่า “ยังไม่รีบปล่อยข้าไปอีก เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ”
“ปล่อยหรือ” ปู้อวี้ถังหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร” ในความคิดของปู้อวี้ถังคนที่กล้าลอบฆ่าคุณชายกู้ ไม่ว่าคนตรงหน้าผู้นี้จะเป็นใครก็ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าต้องตาย
“เหิมเกริม! ข้าคือคุณชายรองหรงฮ่าวแห่งจวนตวนอ๋อง!” ชายชุดดำตวาดขึ้นอย่างโมโห
ปู้อวี้ถังลูบคางเอ่ย “ที่แท้ก็คนของจวนตวนอ๋องนี่เอง ดีมาก…พอรู้สถานะแล้วค่อยจัดการง่ายหน่อย ใครก็ได้มานี่ ไปเชิญตัวตวนอ๋องมาที่จวนว่าการเฟิ่งเทียนที คุณชายรองของตวนอ๋องลอบฆ่าอัครมหาเสนาบดีแห่งราชสำนักแต่ไม่สำเร็จ เชิญตัวตวนอ๋องมาให้ความกระจ่างแก่ข้ากับฝ่าบาทด้วย”
“ขอรับใต้เท้า” ข้าหลวงตรงประตูรีบไปทำตามคำสั่งทันที
ถึงแม้จะพลาดพลั้งถูกจับกุมตัวจนกลัดกลุ้มใจอยู่บ้างแต่เขาไม่นึกหวาดกลัวจนเกินเหตุ เขาเป็นถึงคุณชายของจวนตวนอ๋อง เป็นหลานในราชนิกูลแคว้นเย่ว์ เขาจะสู้ขุนนางเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่เลียแข้งเลียขาเจ้านายไม่ได้เลยหรือ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเรื่องในวันนี้ไม่ใช่การกระทำของเขาเพียงคนเดียว ในเมื่อตามหลักการคือ…ไม่ลงโทษคนส่วนมาก เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้ว่าการเฟิ่งเทียนตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างปู้อวี้ถังจะกล้าทำอะไรเขาได้
เพียงแต่หรงฮ่าวลืมไปแล้ว เวลานี้หลังที่ว่าการเฟิ่งเทียนกักขังขุนนางชั้นใหญ่ในราชสำนักไว้หลายสิบคน อำนาจของที่ว่าการเฟิ่งเทียนจะมากน้อยเพียงใดความจริงทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่าทีของฮ่องเต้ พอมาเจอฮ่องเต้อย่างฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ ที่ว่าการเฟิ่งเทียนถึงดูเหมือนมีไว้เพียงประดับเท่านั้น แต่หากเป็นหรงจิ่นคงพูดยาก
“ตวนอ๋องเสด็จ! องค์ชายสิบเสด็จ!”
คนที่จะออกไปเชิญตัวหรงเหยี่ยนยังไม่พ้นออกประตูไป หรงเหยี่ยนก็เดินทางมาหาถึงที่เองแล้ว ครั้นได้ยินเสียงรายงานนอกประตูก็เห็นสีหน้าลำพองใจของหรงฮ่าว ปู้อวี้ถังยิ้มเย้ยหยันแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปต้อนรับ “กระหม่อมคารวะท่านอ๋องทั้งสอง”
หรงเหยี่ยนเผยสีหน้าดูไม่ดีนัก หลายวันมานี้เขามัวแต่วุ่นกับเรื่องของหรงจิ่นจึงไม่ทันสังเกตว่าลูกชายตนไปก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ต่อให้เขาจะไม่ชอบใจเพียงใดก็คงเพิกเฉยไม่ได้ ครั้งก่อนหรงจิ่นตัดแขนหรงฮ่าวต่อหน้าพี่น้องมากมายเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไร หากครั้งนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ชื่อเสียงที่สั่งสมมาในเมืองหลวงคงพังย่อยยับไปจริงๆ
“ท่านพ่อ!” หรงฮ่าวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีดีอกดีใจ
หรงเหยี่ยนใช้สายตาเย็นชากวาดมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ประสานมือให้ปู้อวี้ถัง “รบกวนใต้เท้าปู้แล้ว”
ปู้อวี้ถังยิ้มกล่าว “มิบังอาจ ต่อให้ตวนอ๋องไม่มา กระหม่อมก็ต้องส่งคนไปเชิญท่านอ๋องอยู่ดี”
หรงเหยี่ยนกล่าว “ลูกข้าเป็นคนเอาแต่ใจหัวรั้น หากทำความผิดใดไปใต้เท้าปู้โปรดอภัยให้ด้วย ข้ากลับไปจะสั่งสอนเป็นอย่างดีแน่นอน” ปู้อวี้ถังฉีกยิ้มให้ คิดจะเอาตัวกันไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ หากปล่อยให้เขาเอาตัวไปจริงๆ เขาคงทำได้แค่ถือศีรษะตัวเองไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับคุณชายกู้กระมัง
“ตวนอ๋องพูดเรื่องน่าขันแล้ว กระหม่อมเชิญตัวตวนอ๋องมาก็เพราะมีเรื่องข้องใจอยากถาม ส่วนเรื่องคุณชายรอง เกรงว่าตอนนี้คงต้องอยู่ในที่ว่าการเฟิ่งเทียนไปสักระยะก่อน” ส่วนวันหน้าจะเข้าคุกของศาลเชื้อพระวงศ์หรือลงโทษโดยตรงเลยก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
หรงเหยี่ยนสีหน้าขรึมลง “ใต้เท้าปู้หมายความว่าอย่างไร”
ปู้อวี้ถังยิ้มบางกล่าว “คุณชายลอบฆ่าอัครมหาเสนาบดีกลางถนน เรื่องใหญ่เช่นนี้หากกระหม่อมมอบตัวให้ท่านอ๋องไป กระหม่อมจะรายงานฝ่าบาทเช่นใด ท่านอ๋องโปรดอย่าสร้างความลำบากใจให้กระหม่อมเลย”
หรงซิงที่อยู่ด้านข้างอดแค่นเสียงใส่ไม่ได้ “กู้หลิวอวิ๋นถือว่าเป็นอัครมหาเสนาบดีอะไรกัน ก็แค่อาศัยความโปรดปรานของหรงจิ่นไต่เต้าจนได้เป็นขุนนางชั้นสูงคนโปรดก็เท่านั้น!”
ปู้อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยน เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ว่าใต้เท้ากู้จะเป็นใคร ขอแค่เขายังอยู่ในราชสำนัก กระหม่อมก็ยังเห็นเขาเป็นขุนนางของแคว้นเย่ว์ คงต้องขออภัยที่กระหม่อมมิบังอาจกระทำการเรื่องนี้โดยพลการได้”
หรงเหยี่ยนเอ่ยเสียงขรึม “เรื่องนี้ข้าจะขออภัยโทษจากฝ่าบาทและอัครเสนาบดีกู้เอง ตอนนี้ใต้เท้ากู้แค่ส่งตัวหรงฮ่าวมาให้ข้าก็พอ”
“ขออภัยด้วย กระหม่อมคงทำตามคำสั่งมิได้” ปู้อวี้ถังเอ่ยเสียงแข็ง จากนั้นก็ส่งสายตาบอกข้าหลวงข้างกายให้นำตัวหรงฮ่าวไปอีกฝั่ง
หรงซิงจะรับท่าทีปฏิเสธอย่างเย็นชาของปู้อวี้ถังได้อย่างไร ตวาดอย่างโมโห “ปู้อวี้ถัง เจ้าช่างเหิมเกริมนัก! เป็นแค่ขุนนางเล็กๆ ระดับสามคนหนึ่งแต่บังอาจกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าองค์ชาย! ข้าจะถามเจ้าอีกรอบ เจ้าจะปล่อยตัวหรือไม่”
“ไม่ปล่อยพ่ะย่ะค่ะ” ปู้อวี้ถังเอ่ยตอบด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย” หรงซิงคำราม
ปู้อวี้ถังหมุนตัวชักดาบที่ข้าหลวงผู้นั้นนำพกติดตัวมาจ่อไปที่คอของหรงฮ่าว เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ตวนอ๋องจะเอาตัวไปได้ก็ต่อเมื่อคุณชายรองเป็นศพเท่านั้น ต่อให้องค์ชายสิบจะฆ่ากระหม่อมเพราะไม่ทำตามคำสั่งของท่าน เช่นนั้นก่อนตายกระหม่อมก็คงทำได้แค่ชิงฆ่าคุณชายรองก่อน”
“ใต้เท้าปู้ช่างจงรักภักดีต่อฝ่าบาทนัก” หรงเหยี่ยนจับจ้องปู้อวี้ถังอยู่พักใหญ่ถึงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม ปู้อวี้ถังเลิกคิ้วยิ้มกล่าว “ในฐานะที่เป็นขุนนางรับเงินเดือนจากราชสำนัก กระหม่อมก็ต้องจงรักภักดีต่อฝ่าบาทเป็นธรรมดา”