การคำนับครั้งนี้แสดงถึงการยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ของจวงอ๋องหรงเซวียน นับตั้งแต่นี้พรรคพวกของจวงอ๋องจะถอนตัวจากการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจบัลลังก์และช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างซื่อสัตย์
หรงจิ่นจ้องหรงเซวียนอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “ยืนขึ้นเถิด ตราบใดที่จวนจวงอ๋องกับตระกูลหนานกงไม่มีใจคิดเป็นอื่น ข้ารับรองว่า…ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่มีทางผิดต่อจวนจวงอ๋องกับตระกูลหนานกงแน่นอน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” หรงเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หลังจากส่งหรงเซวียนที่มีสีหน้าผ่อนคลายกับหนานกงอี้ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงงออกไปแล้ว มู่ชิงอีก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ตระกูลหนานกงเป็นตระกูลทหารที่สำคัญที่สุดในแคว้นเย่ว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์แล้วฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์แทน ราชสำนักยังไม่มั่นคง หนานกงเจวี๋ยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความจงรักภักดีของแม่ทัพคนอื่นๆ อีกอย่างแม้ว่าจะไม่อาศัยหนานกงเจวี๋ย แต่ความสามารถของหรงเซวียนเองก็ไม่อาจดูถูกได้
ก่อนหน้านี้มู่ชิงอีกังวลมาตลอดว่าหรงเซวียนจะไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเผิง หากเป็นคนใจแคบ เกรงว่าเมื่อได้เจอเรื่องเช่นนี้คงไม่ง่ายนักที่จะปล่อยไปง่ายๆ ตอนนี้หรงเซวียนเป็นฝ่ายที่มาผูกมิตรก่อนนับว่าเป็นสิ่งที่ดี
“ชิงชิงมีความสุขขนาดนั้นเชียวหรือ” เมื่อเห็นมู่ชิงอีใบหน้าเปื้อนยิ้ม หรงจิ่นก็กล่าวด้วยท่าทางหึงหวงเล็กน้อย
มู่ชิงอีเลิกคิ้วเอ่ย “หรือท่านไม่ดีใจที่เรื่องตระกูลหนานกงกับจวนจวงอ๋องได้รับการแก้ไขแล้ว” หรงจิ่นไม่คิดเช่นนั้น “ก็ดี การที่หรงเซวียนรู้ว่าตัวเองควรทำอะไรย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากจะสร้างปัญหาข้าก็ไม่กลัวเขา”
มู่ชิงอียกมือขึ้นหยิกแก้มอันไร้ที่ติของเขาอย่างเหลืออด “องค์ชายเก้าจะทำให้บรรดาผู้ที่ระดับวรยุทธ์ธรรมดาตื่นตระหนกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ท่านคิดจริงๆ หรือเพคะว่าในใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบท่านได้แล้ว” ในพริบตา ปรมาจารย์ทั้งห้าทั่วใต้หล้ามารวมกันในที่แห่งเดียวอีกครั้ง หากหรงเซวียนต้องการจะต่อกรกับเขาจริงๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี อย่างน้อยแค่การสร้างความวุ่นวายก็ไม่ใช่ปัญหา หรงจิ่นที่พึ่งฆ่าสายเลือดราชวงศ์ในแคว้นเย่ว์ไปสองคนก็ไม่มีทางที่จะฆ่าหรงเซวียนได้อีกในทันที
หรงจิ่นยื่นมือไปดึงนางมาไว้ในอ้อมแขน วางศีรษะของเขาบนไหล่นางอย่างเกียจคร้าน “อย่างไรก็ตาม ไม่อนุญาตให้ชิงชิงมีความสุขเพราะคนนอกที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง”
มูชิงอียกมือขึ้นหยิกชายตรงหน้าอย่างไม่ออมแรง “ที่แท้หม่อมฉันก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะดีใจอย่างนั้นหรือ”
“ชิงชิง…” แก้มที่ถูกหยิกเปลี่ยนเป็นสีแดง องค์ชายเก้ามองมู่ชิงอีพลางทำท่าทางน่าสงสาร “ไม่ใช่อย่างนั้น…” แน่นอนว่าเขาไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขาเพียงแค่หึงหวงเท่านั้น ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ซ้ำยังมีกู้ซิ่วถิงกับมู่หรงซีที่น่ารำคาญมาดึงดูดความสนใจของชิงชิงไป ทำให้องค์ชายเก้ารู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมาก
“หม่อมฉันรู้เพคะ” เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเขา มู่ชิงอีก็โน้มตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเขาด้วยรอยยิ้ม “องค์ชายเก้า ท่านช่วยคิดเรื่องจริงจังหน่อยได้หรือไม่”
หรงจิ่นกะพริบตา “เรื่องจริงจังอะไร เรื่องขอแต่งงานน่ะหรือ กู้ซิ่วถิงไม่พอใจต่อสินสอดทองหมั้นของข้าตรงไหนกันแน่ เขาปฏิเสธข้ามาสามครั้งแล้ว!” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ องค์ชายเก้าก็พลันโมโห แม้ว่าจะเห็นว่ากู้ซิ่วถิงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่หลังจากที่มู่หรงซีส่งสัญญาณเตือนเขา องค์ชายเก้าก็เตรียมสินสอดทองหมั้นมากมายเพื่อขออภิเษกสมรส แม้ว่าเรื่องนี้จะไร้ความหมายหากชิงชิงยังไม่ตอบตกลงแต่งงานกับเขา แต่หากกู้ซิ่วถิงเป็นอุปสรรค ก็เป็นไปได้มากที่ชิงชิงจะกลับคำที่เคยให้สัญญากับเขาไว้แต่แรก
มีประโยคหนึ่งที่ว่า…ยอมทำให้สุภาพบุรุษขุ่นเคืองดีกว่าทำให้คนชั่วต้องขุ่นเคือง! แน่นอนว่าคุณชายซิ่วถิงถือเป็นคนชั่วร้ายในสายตาขององค์ชายเก้า
แต่ถึงแม้ว่าองค์ชายเก้าจะจริงใจเป็นอย่างมาก แต่คุณชายซิ่วถิงก็ไล่เขากลับมาโดยไม่แม้แต่จะมอง ครั้งเดียวยังไม่เป็นไร แต่การโดนติดต่อกันสองสามครั้งทำให้องค์ชายเก้าโกรธเป็นอย่างมาก
มู่ชิงอีจนปัญญา ตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างพี่ชายกับหรงจิ่น เพียงแค่คลี่ยิ้มเอ่ย “เรื่องนี้…บางทีพี่ใหญ่อาจจะอยากทดสอบความจริงใจของท่านกระมัง…แต่พี่ใหญ่ไม่ได้บอกอะไรกับหม่อมฉัน หม่อมฉันเองก็ไม่รู้”
“จริงใจ!” องค์ชายเก้ากัดฟันเอ่ย หรือว่าข้ายังจริงใจไม่พออีกหรือคนเจ้าเล่ห์ เขาตั้งใจหาเรื่องข้าชัดๆ!
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี มู่ชิงอีจึงรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที “สิ่งที่หม่อมฉันอยากจะพูดเมื่อครู่ก็คือ…เรื่องในราชสำนัก แล้วก็ความสัมพันธ์กับแคว้นหวาและแคว้นเป่ยฮั่น ท่านควรจะพิจารณาให้ดี อย่าคิดแต่จะรบราฆ่าฟันกันทั้งวัน ท่านพึ่งขึ้นครองบัลลังก์ รากฐานยังไม่มั่นคง เจตนาของแคว้นหวากับแคว้นเป่ยฮั่นเกรงว่าคงไม่ใช่เพียงแค่การมาแสดงความยินดีธรรมดาๆ เท่านั้น”
ความสัมพันธ์ของแต่ละแว่นแคว้น วันนี้สู้รบ พรุ่งนี้สมานฉันท์ ถือเป็นเรื่องธรรมดามานานแล้ว ตอนนี้แคว้นหวากำลังจะล่มสลาย เชื้อพระวงศ์ของแคว้นหวาต่างได้รับบาดเจ็บเช่นกันเมื่อปีที่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่แคว้นเป่ยฮั่นนั้นไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เกอซูเจี้ยนฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่ยังหนุ่มยังแน่นและเป็นคนมีความคิด หลายปีมานี้แคว้นเป่ยฮั่นมีความทะเยอทะยานที่จะแข่งขันเพื่อยึดครองใต้หล้า ครั้งนี้ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน และหรงจิ่นองค์ชายผู้ไม่เอาไหน จิตใจน่ากลัวได้ขึ้นครองราชย์โดยบังเอิญ นี่จึงเป็นโอกาสของแคว้นเป่ยฮั่น
หรงจิ่นเลิกคิ้วเล็กน้อย กอดนางไว้ในอ้อมแขนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ข้ารู้ดี ชิงชิงวางใจได้ ข้าย่อมรู้ขอบเขตดี”
แน่นอนว่าเขารู้ความทะเยอทะยานของเกอซูเจี้ยนดี แม้แต่ตอนที่ตาเฒ่ายังมีชีวิตอยู่ ชายแดนแคว้นเป่ยฮั่นกับแคว้นเย่ว์ก็ไม่เคยสงบสุขเลย และการปรากฏตัวของแม่ทัพที่มีชื่อเสียงอย่างเกอซูฮั่น ก็ยิ่งไปกระตุ้นความทะเยอทะยานของเกอซูเจี้ยน แต่ว่า…ข้าต้องกลัวเขาอย่างนั้นหรือ
มู่ชิงอีเงยหน้ามองหรงจิ่น “การที่ท่านใช้งานหนานกงเจวี๋ยอีกครั้งก็เพื่อเป็นการป้องกันแคว้นเป่ยฮั่น?” ไม่เพียงแต่หนานกงเจวี๋ย ซ้ำยังมีตงฟังเฟย แม้ว่าตงฟังเฟยจะไม่ได้ลงสนามรบมากนัก แต่ก็เป็นลูกหลานจากตระกูลแม่ทัพ ผลงานในสนามรบของเขาในตอนนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย แต่น่าเสียดายที่ต่อมาไม่มีโอกาสแล้ว ตอนนี้หรงจิ่นใช้งานทั้งสองคนอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเร็วกว่าการฝึกแม่ทัพคนใหม่ อีกทั้งตระกูลหนานกงกับตระกูลตงฟังก็เป็นการถ่วงสมดุลกันเป็นอย่างดี
ที่แท้องค์ชายเก้าก็เข้าใจทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ยอมพูดออกมาก็เท่านั้น มีหลายเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครเตือน เขาเองก็สามารถทำได้ดี
องค์ชายเก้าส่งเสียงกระแอมอย่างภาคภูมิใจ “ชิงชิงคิดอย่างไรกับการตัดสินใจของข้า”
มู่ชิงอีกล่าวชม “ดียิ่งนักเพคะ หากเป็นหม่อมฉันก็คงทำเช่นนี้เหมือนกัน”
หรงจิ่นบรรจงจูบลงที่หน้าผากนางอย่างเบิกบานใจ ยิ้มเอ่ย “ชิงชิงเป็นอัครมหาเสนาบดีของข้า เพียงแค่ปกครองประเทศอย่างสบายใจก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆ ให้ข้าเป็นคนจัดการเอง ข้าจะมอบอาณาจักรที่แข็งแกร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อนแก่ชิงชิง”
ความทะเยอทะยานไม่ใช่แค่เกอซูเจี้ยนคนเดียวที่มี ความทะเยอทะยานขององค์ชายเก้านั้นแทบจะอยู่ในกระดูกของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร การใช้ชีวิตในราชวงศ์ที่อันตรายกว่าสิบปีได้เพิ่มพูนความทะเยอทะยานของเขาให้มากยิ่งขึ้น เขาได้วาดโลกนี้ไว้ในใจแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่เขาจะมีอำนาจใดๆ ดังนั้นเขาจึงได้ซ่อนทหารชั้นยอดหลายหมื่นคนในเมืองเทียนเชวีย ในตอนนี้ทหารม้าเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญและภักดีที่สุดในมือของเขา และจะเป็นดาบคมสำหรับเขาในการพิชิตใต้หล้าในอนาคต
ความจริงแล้วทุกอย่างอยู่ในแผนขององค์ชายเก้า ตัวแปรตัวเดียวที่มีอยู่ก็คือคนตรงหน้าเขา หรงจิ่นยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าอันบอบบางและงดงามของนาง อดยกยิ้มอย่างพึงพอใจไม่ได้ เขาชอบการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อน เขาอยากจะยึดครองใต้หล้า แต่กลับไม่รู้ว่าหลังจากยึดครองได้แล้วตัวเองจะทำอะไรต่อ แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว เขาต้องการมอบใต้หล้านี้เป็นของขวัญแก่นาง อยากจะยืนบนจุดสูงสุดของโลกกับนางนี้แล้วมองลงไปยังผู้คนด้านล่าง มองรอยยิ้มที่สดใสและมีความสุขของนาง