ด้านล่างมีตราประทับสีแดงสองอัน อันหนึ่งคือตราประทับหยกแทนตัวฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ ส่วนอีกอันหนึ่งคือตราประทับส่วนตัวของหรงจิ่นในฐานะฮ่องเต้ เมื่อเห็นท่าทางภาคภูมิใจของหรงจิ่น คุณชายซิ่วถิงก็ยิ้มพลางเลิกคิ้ว น่าสนใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง ข้าจริงใจพอหรือไม่ นี่คือตราประทับส่วนตัวของข้าเชียวนะ” หรงจิ่นหรี่ตาพลางกล่าวกับกู้ซิ่วถิง นอกจากข้าแล้ว ยังจะมีใครในใต้หล้าที่จะจริงใจต่อชิงชิงขนาดนี้ หึหึ!
ด้านข้าง มู่หรงซีหยิบกระดาษจากมือกู้ซิ่วถิงอย่างอยากรู้อยากเห็น สิ่งที่ทำให้น้องชายลูกพี่ลูกน้องของเขาประหลาดใจ คาดว่าต้องน่าสนใจอย่างแน่นอน
หลังจากอ่านเนื้อหาบนกระดาษแล้ว มู่หรงซีก็มองกู้ซิ่วถิงอย่างจริงใจ “น้องข้า ควรตอบตกลงได้แล้ว”
ดูสิ แม้แต่อดีตรัชทายาทแคว้นหวาก็ยังประทับใจในตัวข้า!
“ฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งแคว้นเย่ว์จริงใจเช่นนี้ หากเรายังไม่ตอบตกลงอีกจะกลายเป็นว่าเราไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้น…สัญญาการแต่งงานแบบกระดาษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย…หากวันไหนชิงอีไม่ต้องการสามีผู้นี้แล้ว ก็หาอนุภรรยาให้เขาแล้วเอาแคว้นเย่ว์ทั้งหมดเป็นสินสอดทองหมั้นในการแต่งงานมา ข้าเชื่อว่าแม้ว่าชิงอีจะเคยแต่งงานมาก่อน แต่คนที่อยากจะแต่งงานกับนางในใต้หล้านี้คงต่อแถวรอตั้งแต่ชิงโจวไปจนถึงหยางโจวกระมัง” มู่หรงซียิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบ
เหลวไหล ข้าไม่มีวันยกชิงชิงให้คนอื่นเป็นอันขาด
องค์ชายหรงจิ่นเหลือบมองทั้งสองอย่างภาคภูมิใจเอ่ย “ชิงชิงมีใจให้ข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าคิดมาแยกเราจากกัน”
คุณชายซิ่วถิงเก็บข้อเสนอการแต่งงานอันล้ำค่ายิ่งกว่าทองหมื่นชั่งอย่างระมัดระวัง เงยหน้ามองหรงจิ่น “ท่านจะจัดการงานพิธีอภิเษกอย่างไร”
“หืม?” องค์ชายหรงจิ่นผู้ซึ่งวางแผนจะต่อสู้กับคุณชายซิ่วถิงสักแปดร้อยรอบ คิดไม่ถึงว่ากู้ซิ่วถิงจะรับปากง่ายดายเช่นนี้จึงนิ่งชะงักไป กู้ซิ่วถิงลูบหน้าผากอย่างเอือมระอาจะไม่เป็นไรจริงๆ น่ะหรือที่จะมอบเกอเอ๋อร์ให้กับคนที่ประเดี๋ยวฉลาดประเดี๋ยวโง่แบบนี้ ทั้งยังสามารถทำเรื่องโง่เขลาได้ตลอดเวลา
ดังคำกล่าวที่ว่าพี่ชายเปรียบดั่งบิดาแท้ๆ การเป็นพี่ชายที่บิดามารดาจากไปแล้วนั้นมีความกดดันไม่น้อยเลย อย่างน้อยเขาก็ใช้ความพยายามอย่างมากในการเลือกสามีให้กับน้องสาว แม้ว่าจะไม่มีตัวเลือกอื่นให้เขาเลือก แต่คนเดียวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เขาต้องใช้เวลาในการดัดนิสัยอยู่พอสมควร
จะว่าไปแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องโทษหรงจิ่น หากไม่ใช่เพราะช่วยหรงจิ่นจึงต้องปลอมตัวเป็นชายตลอดเวลา ด้วยรูปลักษณ์งดงามและความสามารถของมู่ชิงอี มีหรือว่าจะต้องกังวลว่าหัวบันไดจะแห้ง
“อะไรกัน องค์ชายเก้าไม่ได้วางแผนเอาไว้หรอกหรือ” กู้ซิ่วถิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“แน่นอนว่าไม่ใช่!” หรงจิ่นผุดลุกอย่างมีความสุข “ข้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้ อีกไม่นานก็จะพร้อมแล้ว อืม…งานอภิเษกจะจัดขึ้นหลังพิธีขึ้นครองราชย์! ข้าจะการประกาศให้ใต้หล้ารู้! ”
มู่หรงซีกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ฝ่าบาท ปรึกษาฤกษ์อภิเษกกับชิงอีก่อนจะดีกว่า”
“ข้าจะไปหาชิงชิงเดี๋ยวนี้” ทันใดนั้นหรงจิ่นก็ออกจากจวนตระกูลกู้ไวดั่งสายลม เหลือเพียงกู้ซิ่วถิงกับมู่หรงซีที่กำลังมองหน้ากัน
หลังจากผ่านไปนาน มู่หรงซีจึงถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้าว่าชิงชิงจะตอบตกลงหรือไม่”
กู้ซิ่วถิงส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” หรงจิ่นพึ่งขึ้นครองบัลลังก์ มีสิ่งที่ต้องจัดการมากมาย หากจัดงานอภิเษกอย่างเปิดเผย จะไม่มีทางปิดบังตัวตนของมู่ชิงอีได้อย่างแน่นอน ตอนนี้วังหลังจะมีหรือไม่มีฮองเฮา ฮ่องเต้จะอภิเษกหรือไม่ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่หากขาดอัครมหาเสนาบดีไปในเวลานี้จะเป็นเรื่องใหญ่ได้
มู่หรงซีไม่ได้รู้สึกเห็นใจองค์ชายเก้าผู้กระตือรือร้น องค์ชายเก้าถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในใต้หล้า แต่กลับได้พบกับพี่น้องสองคนที่มักจะใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึก หลายวันมานี้ถูกกู้ซิ่วถิงกลั่นแกล้งจนอารมณ์เสีย ครั้งนี้เดาได้เลยว่าจะต้องถูกโจมตีจากมู่ชิงอีแน่นอน
“เขาจริงใจต่อชิงอีจริงๆ เกรงว่าจะไม่มีใครในใต้หล้าที่กล้าให้คำมั่นสัญญาเช่นนี้นอกจากองค์ชายเก้า” มู่หรงซีกล่าวพลางเลิกคิ้ว ไม่ต้องพูดถึงในฐานะผู้ปกครองอาณาจักร แม้แต่บุรุษธรรมดาทั่วไปจะให้คำมั่นสัญญาเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าบุรุษทุกคนจะต้องเจ้าชู้ แต่วิถีของโลกก็เป็นเช่นนี้ การที่บุรุษมีภรรยาสามอนุสี่นั้นเป็นเรื่องสมเหตุสมผล หากเอาแต่ปกป้องภรรยาเพียงคนเดียวก็จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะ
คุณชายซิ่วถิงโบกข้อเสนอการแต่งงานในมือเบาๆ “หากเขาไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้ แล้วข้าจะวางใจให้ชิงอีแต่งงานกับเขาได้อย่างไร ต่อให้แต่งงานกันไปแล้ว…ในอนาคตก็จะอยู่กันไปได้ไม่นาน”
ประสบการณ์ในหลายปีที่ผ่านมา และประสบการณ์ที่อดีตเคยตายในกองไฟแล้วฟื้นกลับมาไม่มีทางที่จะไม่มีผลกระทบต่อน้องหญิง แม้ว่านางจะดูอ่อนโยนดั่งสายน้ำมากกว่าตอนที่นางเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ แต่กลับมีคลื่นที่น่าตกใจซ่อนอยู่ใต้น้ำนิ่ง อดีตคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้อาจจะไม่ห้ามสามีไม่ให้รับอนุภรรยา แต่มู่ชิงอีในตอนนี้…หากมีสตรีอยู่รอบกายหรงจิ่น พวกเขาไม่มีทางเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างแน่นอน หากในภายภาคหน้าหรงจิ่นทรยศนาง เกรงว่าคงจะเกิดภัยพิบัติอีกครั้ง
มู่หรงซีประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่แปลกใจเลยที่หลายวันมานี้เจ้าเอาแต่ทรมานหรงจิ่น ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุนี้อย่างนั้นหรือ ดูเหมือนว่าความเข้าใจขององค์ชายเก้านั้นไม่เลวเลย” คนที่ไม่ถูกกู้ซิ่วถิงทรมานจนตายหรือโกรธจนเป็นบ้า สามารถนึกขึ้นได้เองว่ากู้ซิ่วถิงต้องการอะไร สมแล้วที่สุดท้ายได้เป็นผู้ที่สามารถครองบัลลังก์แคว้นเย่ว์ได้
กู้ซิ่วถิงเพียงแค่ยิ้มไม่ได้ตอบกลับอะไร เพียงแต่พูดขึ้นว่า “งานอภิเษกจะเลื่อนออกไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ในเมื่อหรงจิ่นได้เตรียมสินสอดทองหมั้นมากมายเช่นนี้ สินสอดทองหมั้นของฝ่ายหญิงก็ไม่ควรน้อยเกินไป” สินสอดทองหมั้นของทั้งตระกูลกู้นั้นไม่น้อยเลยสำหรับคนธรรมดาทั่วไปหรือแม้แต่องค์ชาย ท่านโหว แม่ทัพ หรือเสนาบดี แต่ไม่มากพอสำหรับองค์ชายเก้าที่มอบใต้หล้าเป็นสินสอดทองหมั้น คุณชายซิ่วถิงไม่มีทางให้น้องสาวต้องน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องสินสอดทองหมั้น
หากองค์ชายเก้ารู้ความคิดของกู้ซิ่วถิง คงอดไปกลิ้งบนพื้นแล้วร้องไห้คร่ำครวญไม่ได้ ‘ข้าไม่ได้สนใจว่าจะมีหรือไม่มีสินสอดทองหมั้นเสียหน่อย!’