บทที่ 239 ไม่มีเด็กแล้ว
บทที่ 239 ไม่มีเด็กแล้ว
ฮัวจิงพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้ แต่เมื่อเห็นคู่รักทั้งสองบนเวทีต่อหน้านักข่าว อารมณ์ของเขาก็ปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟ
เขาส่งภรรยาของตัวเองกลับไปที่ลานจอดรถ เขาโกหกเธอไปว่ามีธุระและให้คนขับรถพาเธอกลับไป ส่วนตัวของเขานั้นก็กลับไปยังงานแถลงข่าว
เมื่อเห็นว่าซูหยินแยกตัวออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำ ฮัวจิงจึงทำตัวเหมือนกับพวกถ้ำมองและตามเธอไป
“มีอะไร?”
น้ำเสียงของคนขับรถดูร้อนรน [คุณฮัว คุณนายหายไปแล้วครับ]
ฮัวจิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น?”
[ตอนที่รถกำลังออก คุณนายบอกว่าทำของตกในโรงแรมเลยรีบเดินลงจากรถไปครับ]
“เธอไปคนเดียวเหรอ?”
คนขับรถรู้สึกผิด [คุณนายเดินไปไวมาก พอผมจอดรถเสร็จก็ไม่พบเธอแล้ว]
ฮัวจิงรีบวางสายจากคนขับรถและโทรศัพท์หาภรรยา
เขาโทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย
ฮัวจิงพึ่งนึกขึ้นมาได้ หลังจากที่ภรรยาท้อง เธอก็ไม่ค่อยได้หลับได้นอน บางครั้งพอนอนหลับไปได้ก็ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ หลังจากนั้นเธอจึงเปิดโหมดเงียบเอาไว้
ฮัวจิงเดินออกมาไกลพอสมควร ทำให้ห้องน้ำกลับมาเงียบลงอีกครั้ง
ทันใดนั้นประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดของผู้หญิงคนหนึ่ง ร่างกายท่อนล่างของเธอเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
เธอรู้สึกปวดในช่องท้องจึงกุมท้องของตัวเองเอาไว้ น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถกั้นเอาไว้ได้
“ลูก… ลูกของฉัน”
หลังจากนั้นก็หมดสติล้มลงไปกับพื้น
ฮัวจิงวนหาดูแล้วหนึ่งรอบก็ไม่พบเธอ เมื่อกำลังเตรียมจะไปตรวจดูจากกล้องวงจรปิด ผู้หญิงสองสามคนที่เดินผ่านมาก็พูดขึ้น
“น่าตกใจมากเลย เมื่อกี้นี้ในห้องน้ำมีผู้หญิงท้องคนนึงเลือดไหลออกมาเยอะมาก”
“ดูจากท้องน่าจะ 8-9 เดือนแล้ว ท้องแก่มากขนาดนี้แล้วก็ยังออกมาข้างนอกคนเดียวอีก คนในครอบครัววางใจได้ยังไง”
“ฉันว่าน่าจะไม่รอดแล้วแหละ เลือดเต็มพื้นขนาดนั้น เด็กน่าจะไม่อยู่แล้ว”
ฮัวจิงรีบคว้าตัวผู้หญิงหนึ่งคนในนั้นเอาไว้อย่างแรง “ห้องน้ำตรงไหน?”
พวกผู้หญิงเงยหน้ามองเห็นท่าทางและน้ำเสียงดุร้ายของชายหนุ่มก็กลัวจนชี้มือไปยังด้านหลัง “ข้าง ๆ ห้องน้ำชายตรงนั้นค่ะ”
ห้องน้ำที่เขาพึ่งออกมาพอดี!
ฮัวจิงตกใจจึงรีบก้าวเท้าวิ่งไปดู
ห้องน้ำหญิงถูกผู้คนล้อมรอบเอาไว้ ฮัวจิงมองผ่านช่องว่างเข้าไปก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น
เดรสผ้าซาตินยาวสีน้ำเงินเข้ม สร้อยข้อมือสีแดงที่มีลูกปัดนำโชค
หากไม่ใช่จิ้งหว่านจะเป็นใครไปได้?
เขาผลักคนที่ยืนบังอยู่ด้านหน้าออกด้วยความโมโห “ถอยออกไป”
และรีบพุ่งตัวเขาไปกอดจิ้งหว่านเอาไว้
พนักงานที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง “คุณครับ พวกเราติดต่อโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอกำลังมาครับ”
ฮัวจิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ทำไมถึงปล่อยเธอเอาไว้ตรงนี้!”
“พวก… พวกเราไม่กล้าขยับตัวเธอ”
ทันใดนั้นจิ้งหว่านก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ฮัวจิงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนและเดินพาเธอออกไปด้านนอก
“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่”
จิ้งหว่านที่หมดสติไปได้ยินเสียงของฮัวจิง เธอรู้สึกโกรธอยู่ในใจขึ้นมาจึงใช้มือผลักเขาออก แต่กลับมีแรงไม่มากพอ
ฮัวจิงคิดว่าเธอแค่กลัว จึงเอาแต่ปลอบเธอ
โรงพยาบาลเป๋าไป่
อวิ๋นจิ้งหว่านถูกนำตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดเป็นเวลากว่าสามชั่วโมง คุณหมอที่รักษาก็ออกมาจากห้องนั้นและบอกว่าคนไข้เลือดออกเยอะมาก อีกทั้งตอนที่ส่งตัวคนไข้มาก็ช้ามากเกินไป เลยช่วงเวลาที่จะรักษาเอาไว้ได้ไปแล้ว
เด็กไม่อยู่แล้ว
ฮัวจิงเซ็นต์หนังสือยินยอมด้วยใจที่สับสนวุ่นวาย
ต่อให้ไม่มีเด็กแล้วก็ไม่เป็นไร สิ่งที่เขาเป็นห่วงก็คือจิ้งหว่าน ทำไมอยู่ดี ๆ เธอถึงตกเลือดออกมาได้?
อุบัติเหตุงั้นเหรอ?
หรือเพราะมีบางอย่างมากระตุ้น?
คำพูดของเขาและซูหยิน… จิ้งหว่านได้ยินหรือเปล่า
ขณะที่เขากำลังเหม่อลอย ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา
ลี่เชิง ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมโทรมา
[ผู้อำนายการฮัว ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่เกิดเรื่องร้าย ๆ กับคุณนายที่โรงแรมของพวกเรา]
ฮัวจิงที่กำลังเครียดจึงตอบกับไปว่า “ถ้าหากคุณจะมาพูดแค่เรื่องที่ไม่สำคัญอะไร ผมว่าคงไม่จำเป็นหรอก”
[ขอโทษด้วยค่ะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องรายงานกับคุณ เราพึ่งจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพบว่าหลังจากที่คุณนายและคุณออกมาจากโรงแรมด้วยกันและกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง จนกระทั่งไปห้องน้ำชั้นสาม ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเพียงคุณซูหยินเท่านั้นที่จัดงานแถลงข่าวอยู่และ… มีแค่คุณที่เข้าไปในห้องน้ำนั่น]
เรื่องทั้งหมดชัดเจนแล้ว จิ้งหว่านรู้ว่าเขาอยู่กับซูหยิน!
นั่นจึงเป็นแรงกระตุ้นจนทำให้เธอตกเลือด!
เจ้าของโรงแรมเงียบไป [ผู้อำนวยการฮัว คุณว่าเรื่องนี้ควรจัดการยังไงดีคะ?]
“ลบภาพกล้องวงจรปิดซะ และอย่าได้พูดเรื่องนี้กับใคร”
เจ้าของโรงแรมรีบรับปาก [ค่ะ ไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ]
การผ่าตัดกินเวลาทั้งหมดห้าชั่วโมงก่อนจะสิ้นสุดลง ตอนที่จิ้งหว่านถูกนำตัวออกมาใบหน้าของเธอนั้นขาวซีด ไม่มีสีของเส้นเลือดอยู่เลย
ทันใดนั้นฮัวจิงมือสั่นเล็กน้อย อีกนิดเดียวร่างที่ถูกนำตัวออกมาในวันนี้เกือบจะกลายเป็นศพไปแล้ว
พวกเขาแต่งงานมาปีกว่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกกับเธอเหมือนคู่รักชายหญิงทั่วไป แต่เขาก็ชอบความอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอ
ในฐานะภรรยา คงไม่มีใครดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว
คุณหมอถอนหายใจออกมา “ผู้อำนวยการฮัว อาการของจิ้งหว่านคงไม่ต้องให้ผมพูดอะไรมากมาย คุณเองคงจะทราบดี ช่วงนี้ดูแลเธอให้ดี ๆ หน่อยแล้วกันครับ”
ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ อวิ๋นจิ้งหว่านตรวจร่างกายกับแผนกสูติกับทางโรงพยายามเป๋าไป่มาโดยตลอด แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอมีอาการปวดศีรษะและมาที่โรงพยาบาล ก็จะเป็นหมอคนนี้ที่ค่อยมาดูแลรักษาให้
จิ้งหว่านให้ความสำคัญกับลูกในท้องมาก หมอเองก็รู้ดีที่สุด
ไม่รู้ว่าพอเธอตื่นขึ้นมาจะสามารถรับความจริงนี้ได้ไหม
สายตาของฮัวจิงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่เตียงตลอด “เข้าใจแล้ว”
“อีกอย่างจิ้งหว่านได้รับบาดเจ็บที่มดลูก ต่อไปคงจะมีลูกได้ยากมากขึ้น ไม่ใช่ว่ามีไม่ได้แต่มันจะยากมาก”
ฮัวจิงนิ่งค้างอยู่กับที่
“คุณหมอจ้าว ไม่มีทางอื่นแล้วใช่ไหม?”
คุณหมอพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย
เขาจัดให้จิ้งหว่านได้อยู่ห้องพักผู้ป่วยที่ดีที่สุดในโรงพยาบาล มีพยาบาลผลัดกันมาดูแลถึง 3 คน
หลังจากนั้นฮัวจิงจึงได้โทรศัพท์หาพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่าย
คุณพ่อและคุณแม่อวิ๋นรีบตามมาอย่างรวดเร็ว พวกเขารับไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองนอนหลับหมดสติไป “เสี่ยวจิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เด็กเกือบจะครบกำหนดคลอดอยู่แล้ว ทำไมถึงเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาได้”
คุณแม่อวิ๋นยกมือขึ้นและลูบลงบนแก้มของจิ้งหว่าน พร้อมทั้งน้ำตารื้น “ตั้งแต่เล็กจนโต แค่จิ้งหว่านของพวกเราต้องโดนฉีดยา เธอก็กลัวเจ็บมากแล้ว ครั้งนี้ต้องมาเจ็บปวดมากขนาดไหนกัน”
ตอนท้องเธออาเจียนอย่างหนักถึง 3 เดือนจนแทบกินข้าวไม่ได้ และเธอก็ผ่านมันมาได้อย่างยากลำบาก หลังจากนั้นพอท้องเริ่มแก่ก็เริ่มปวดเอวเจ็บหลัง เจ็บกระดูกหัวหน่าวจนเธอผอมลงไปอย่างมาก
จนกระทั่งเห็นชายฝั่งอยู่ตรงหน้า เธอเกือบจะขึ้นฝั่งไปได้ แต่กลับไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว
ฮัวจิงมองลงต่ำ “เป็นเพราะผมดูแลเธอไม่ดีเองครับ”
ในใจของคุณพ่อและคุณแม่อวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นแต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ ลูกเขยดูแลลูกสาวเป็นอย่างดีมาโดยตลอด พวกเขาเองก็ไม่มีอะไรต้องตำหนิเขา เพราะทุกครั้งที่ลูกสาวโทรศัพท์ไปหา เธอก็พูดเสมอว่าฮัวจิงดีกับเธอมาก
คุณแม่อวิ๋นเช็ดน้ำตา “พวกเธอยังอายุน้อย จะมีลูกคนต่อไปก็ยังได้ ตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือจิ้งหว่าน ให้เธอดูแลตัวเองให้แข็งแรง เธอมักจะเชื่อฟังคุณมากที่สุด เธอคอยพูดคุยกับเธอให้มาก ๆ แล้วกัน”
ฮัวจิงนิ่งเงียบเอาแต่พยักหน้า และไม่กล้าพูดเรื่องที่จิ้งหว่านมีลูกยากออกไป เพราะกลัวว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะรับไม่ได้
คุณพ่ออวิ๋นพยายามยับยั้งอารมณ์ เอาแต่ยืนอยู่ตรงหน้าเตียงคนไข้และมองดูลูกสาวอย่างเงียบ ๆ แต่อารมณ์ข้างในนั้นช่างทรมาน
จากนั้นมีลูกน้องเข้ามารายงานการทำงานกับฮัวจิง คุณแม่อวิ๋นเงยหน้าขึ้น “เสี่ยวจิง เธอไปทำงานเถอะ ฉันกับพ่อจะดูแลลูกสาวคนนี้เอง”
ฮัวจิงสั่งงานไป 2-3 ประโยค และสั่งให้ลูกน้องกลับไป
เขามองไปยังผู้อาวุโสทั้งสองคน “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่จิ้งหว่านต้องการผมมากที่สุด ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่ที่นี่กับเธอครับ”