สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 67.2 เลือดกำเดาไหล (2)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังสั่นไหว เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นภาพขาที่โชกเลือดของตน ใบหน้างดงามพลันเศร้าหมอง

ทันใดนั้นแก้มทั้งสองข้างปรากฏสีแดงที่บางเบาขึ้นอย่างรวดเร็ว

อันที่จริงเขาก็ถูกภาพตรงหน้าทำให้หวั่นไหว

ว่ากันจริงๆ แล้วภาพในตอนนี้ ยังเป็นประสบการณ์ครั้งแรกอีกด้วย

แม้เขาจะคิดว่ารูปร่างของตนยอดเยี่ยม

แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดกล้ามองสิ่งนั้นของเขา และเลือดกำเดาไหลเช่นนี้มาก่อน

กับเรื่องนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งภูมิใจและอับอายไปพร้อมกัน

เพราะเขารู้สึกได้อย่างชัดเจน เลือดที่หยดลงบนสิ่งนั้นของตน คล้ายเป็นเปลวไฟที่ร้อนอะรุ ทำให้สิ่งนั้นของเขาเคลื่อนไหวอย่างมีแผนการขึ้นมา

เป็นครั้งแรกที่เขามีความคิดเรื่องทางเพศกับคนผู้หนึ่งขึ้นมา น่าเสียดายที่ฝ่ายตรงข้ามคือขันทีน้อยผู้หนึ่ง!?

หรือว่าเขาจะผิดปกติจริงเสียแล้ว!?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปรากฏความงงงันและประหลาดใจขึ้นมา พลันยืดแขนออกไปด้านข้างหยิบผ้าขนหนู จากนั้นปกปิดต้นตอของการเคลื่อนไหวที่เลวร้ายของตนนั้นเอาไว้

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ผ้าเช็ดตัวนั้นบางเบายิ่งนัก เมื่ออยู่บนสิ่งนั้นของเขา ให้เพียงความรู้สึกเลือนลางไม่ชัดเจน ทำให้คนที่เห็นเกิดอารมณ์ยิ่งนัก

ส่วนเล่อเหยาเหยามองจนเลือดกำเดาไหลออกมาเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าเธอจะใช้มือปิดจมูกไว้แน่น แต่เลือดกลับไหลออกมาไม่หยุดดังเดิม

เล่อเหยาเหยากลัวจริงๆ ว่าตนเองจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป

ความตาย เธอกลัวว่าหากเสียเลือดมากเพราะเห็นชายรูปงาม เธอคงตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม!

ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตนสมปรารถนาและตายไป เล่อเหยาเหยาจึงไม่รอให้พญายมเอ่ยปาก เอามือกุมปิดจมูกของตน ลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตึงตังหนีจากไป

สังคมทาสชั่วช้าสมควรตาย!

พญายมสมควรตาย!

นกใหญ่สมควรตาย!

ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋เมื่อเห็นเธอวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเงาร่างเล็กจะค่อยๆ หายลับไป ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตกตะลึง อึดอัดใจ และยังอับอายเล็กน้อย

เล่อเหยาเหยาวิ่งอย่างเต็มที่โดยใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่มี จนในที่สุดกลับถึงห้องพักเล็กๆ ของตน

‘ปัง’ หลังปิดประตูไม้อย่างแน่นหนา เล่อเหยาเหยาใช้มือข้างหนึ่งจับที่หัวใจเต้นแรงของตน ร่างกายพิงประตูไม้อย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะค่อยๆ รูดตัวลง

สวรรค์! เมื่อครู่นี้เธอเป็นอะไรกันแน่!

น่าอับอายเสียจริง!

จะพูดอย่างไรเธอเป็นกุลสตรีที่บริสุทธิ์ผุดผ่องคนหนึ่ง เพราะนกตัวใหญ่ของผู้ชายเพียงคนเดียวจึงเลือดกำเดาไหลออกมา แม้ชายหนุ่มนั้นจะรูปงามน่าหลงใหลอย่างยิ่ง แต่…ฮือๆ หากเรื่องนี้ถูกคนรู้เข้า เธอจะมีหน้าเจอผู้อื่นได้อย่างไร!?

นอกจากนี้เมื่อครู่เธอไม่ได้รับคำสั่งจากพญายม ก็รีบร้อนวิ่งกลับมา ไม่รู้ว่าพญายมจะโมโหหรือไม่

ทว่าเธอในตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เลย

รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มากมายเหลือเกิน ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกเสียจริง

เริ่มจากเธอทำร้ายคุณชายซื่อโง่เง่าผู้นั้น ตามมาด้วยคุณชายซื่อมาตามหาถึงหน้าประตูวังอ๋อง จนเธอถูกลงโทษให้คุกเข่า สุดท้ายยังถูกพญายมเรียกไปปรนนิบัติ

เธอเป็นคนไม่ใช่เทวดา! นอกจากนี้ร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไป

ตอนคุกเข่าเมื่อครู่ เธอเริ่มทนไม่ไหวแล้ว

แม้ตอนนี้จะเป็นช่วงต้นฤดูร้อน แต่อุณหภูมิตอนกลางคืนยังหนาวเย็น รวมถึงกลางพายุฝนที่หลงฤดูเมื่อครู่ ยังต้องถือถังน้ำคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ต่อจากนั้นเธอยังต้องออกแรงนวดให้กับพญายมอีก…

เมื่อครู่ไม่รู้สึกใดๆ เลย ทว่าตอนนี้เมื่อได้อยู่คนเดียว เล่อเหยาเหยาจึงเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว

ทั่วร่างกายราวกับไม่ใช่เธอ ไม่เพียงเจ็บที่มือและหัวเข่า ศีรษะคล้ายจะวิงเวียน

ศีรษะหนักยิ่งนัก นอกจากนี้เธอยังหนาวมาก รู้สึกอยากนอน…

เวลานี้เล่อเหยาเหยาไม่สบายหนัก หนังตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหนักขึ้นมา

หลังกระพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่า เล่อเหยาเหยาต้านทานพิษไข้ไม่ไหว ทันใดนั้นหมดสติไปในที่สุด

รอบด้านมืดมิด เล่อเหยาเหยาไม่รู้ตนอยู่ที่ใด รู้สึกเพียงตนเองคล้ายกำลังอยู่ในนรก

ร่างกายประเดี๋ยวพลันหนาวเหน็บ ราวตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ประเดี๋ยวรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าว ราวยืนอยู่ในทะเลทราย พระอาทิตย์ร้อนแรงลอยอยู่เหนือศีรษะ แผ่เสน่ห์อันเร่าร้อนออกมาเผาไหม้จนเธอแทบกลายเป็นหมูหัน

สำหรับความรู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกไม่สบาย อยากจะร้องตะโกน ร้องไห้เสียงดังออกมา

แต่ภายในลำคอเธอคล้ายมีก้อนสำลีอุดติดอยู่ ไม่ว่าเธอจะทำเช่นไร ส่งเสียงออกมาไม่ได้

นอกจากนี้ภายในลำคอยังร้อนราวกับไฟ ทั้งเจ็บและไม่สบายอย่างยิ่ง

สวรรค์! ให้เธอตายเสียเถอะ เพราะคงจะดีรู้สึกดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังอ้อนวอน พลันรู้สึกว่าร่างกายโอนเอนไม่หยุด ราวถูกคนโยกไปมา

หูคล้ายได้ยินคนร้องตะโกนบางอย่าง แต่เธอเหนื่อยยิ่งนัก ไม่อยากยุ่งอะไรทั้งนั้น ในที่สุดเล่อเหยาเหยาหมดสติไปอีกครั้ง

ขณะที่เล่อเหยาเหยาหมดสติไป เสี่ยวมู่จื่อถูกท่าทางทำให้ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง

เสี่ยวมู่จื่อที่เพิ่งทำงานเสร็จ รออยู่ที่โรงอาหารเป็นเวลานาน แต่ไม่เห็นเล่อเหยาเหยามาทานอาหาร

ต่อมาได้ยินเสี่ยวลี่จื่อพูดว่า เล่อเหยาเหยาถูกลงโทษให้คุกเข่า จากนั้นยังถูกท่านอ๋องเรียกไปปรนนิบัติ

ด้วยกลัวว่าเล่อเหยาเหยาจะถูกท่านอ๋องลงโทษ เสี่ยวมู่จื่อจึงกังวลอย่างยิ่ง

ทว่าเรือนหย่าเฟิงของท่านอ๋อง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกได้ตามใจ เขากระวนกระวายไปจึงไม่มีประโยชน์อันใด

จากนั้นหลังพ่อครัวหลี่รู้เรื่องนี้รีบปลอบใจเขา เรียกให้เขาทานอาหารให้อิ่มก่อน ส่วนของเสี่ยวเหยาจื่อนั้น เขาจะเก็บไว้ให้

อันที่จริงในวังอ๋องมีกฎว่าหากเลยเวลาอาหารไปแล้วยังไม่ได้กินอาหาร ห้ามเก็บอาหารไว้เด็ดขาด

แต่พ่อครัวหลี่นึกถึงความกล้าหาญของเล่อเหยาเหยาครั้งก่อน จึงใส่ใจเล่อเหยาเหยาอย่างมาก

ทั้งยังตบหน้าอกรับประกันกับเสี่ยวมู่จื่อว่าวันใดที่มีเขาอยู่ เสี่ยวเหยาจื่อไม่อดอยากแน่นอน

ได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวมู่จื่อจึงวางใจ

หลังกินอาหารเสร็จรีบกลับที่พัก เพราะห้องของเขาอยู่ติดกับเล่อเหยาเหยา เขาอยากไปดูว่าเล่อเหยาเหยากลับมาหรือไม่กันแน่

ทว่าเขาร้องเรียกอยู่นาน ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้อง ขณะที่เสี่ยวมู่จื่อคิดว่าเล่อเหยาเหยาอาจยังไม่ได้กลับมา กลับมีเสียงประหลาดดังออกมาจากประตู

ราวกับเสียงครวญครางที่เจ็บปวด เสี่ยวมู่จื่อได้ยินจึงตกใจอย่างมากคิดว่าเล่อเหยาเหยาถูกทำโทษทางร่างกาย ดังนั้นจึงไม่รอช้ายกเท้าถีบประตูไม้เปิดออกทันที

เดิมทีเหล่าขันทีเช่นพวกเขา ถือว่าเป็นคนระดับต่ำที่สุดวังอ๋องแห่งนี้ ที่พักจึงไม่ได้หรูหราอย่างแน่นอน

ทว่ากลับดีกว่าบ่าวรับใช้นอกจวนพวกนั้นที่ต้องแออัดกันอยู่ในห้องกว่าสิบคน เพราะถึงอย่างไรพวกเขามีห้องส่วนตัวเป็นของตน แม้ห้องของพวกเขาจะกว้างไม่กี่เมตร สิ่งอำนวยความสะดวกจึงมีเพียงเตียงนอนและโต๊ะไม้เรียบง่ายอย่างละตัว

ทว่าตอนนั้นเสี่ยวมู่จื่อใจร้อนดั่งไฟ กลัวเล่อเหยาเหยาจะเกิดเรื่องอยู่ด้านใน จึงใช้แรงที่มีทั้งหมดถีบประตูไม้เรียบง่ายเปิดออก

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเล่อเหยาเหยาจะอยู่หลังประตูไม้บานนั้น

และเมื่อเขาถีบไปเช่นนั้น ตัวเล่อเหยาเหยาจึงกระโจนออกมา ทำให้เสี่ยวมู่จื่อตกใจจนใจแทบเต้นออกมา

โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นเล่อเหยาเหยาตัวร้อนไปทั้งตัว ใบหน้าแดงกว่าปกติ ทำให้เขารู้ว่าเล่อเหยาเหยาไข้ขึ้นสูง

นอกจากนี้ยังอาการหนักยิ่งนัก!

เสี่ยวมู่จื่อเห็นเช่นนั้น ตกใจจนหน้าซีด แววตาเปี่ยมด้วยความหวาดกลัวลนลาน

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้น้องชายเขาคนหนึ่ง เพราะไข้ขึ้นสูงจึงเสียชีวิตลง ตอนนี้อาการเริ่มแรกของเล่อเหยาเหยาก็เหมือนกับน้องชายของเขาเช่นกัน

เมื่อเห็นเช่นนั้น เสี่ยวมู่จื่อจึงเขย่าตัวเล่อเหยาเหยา จนเห็นเล่อเหยาเหยายังคงหมดสติเช่นเดิม จึงรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที

เพราะตอนนี้คนที่สามารถช่วยเล่อเหยาเหยาได้ มีเพียงหัวหน้าขันทีลี่เท่านั้น

เขาต้องไปหาหัวหน้าขันทีลี่ให้ได้ เพื่ออธิบายอาการของเล่อเหยาเหยา ก่อนจะให้หมอมาดูอาการก่อน มิ…มิฉะนั้น…

เขาจะให้เกิดเรื่องกับเล่อเหยาเหยาไม่ได้

…………………………………………………………………..

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท