สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 95.2 แม่นางหลูซวง (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“เอ่อ เจ้ารู้จักข้าเหรอ”

เมื่อได้ยินเสียงตกใจและสีหน้าตกตะลึงของหลูซวง เล่อเหยาเหยารู้ชัดว่าหลูซวงรู้จักเธอ!

การรับรู้นี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจ และลืมความเจ็บปวดบนหน้าผากไป พลันเอ่ยถามอย่างตกใจขึ้นมา

หลูซวงเมื่อได้ยินคำถาม และสายตาแปลกใจของเล่อเหยาเหยาที่มองมายังตน ใบหน้าเล็กที่งดงามดุจเกล็ดน้ำค้างนั้นก็ปกคลุมด้วยความเสียใจ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องเขม็งด้วยแววตาไม่เป็นมิตร ทำให้คนมองปวดใจอย่างยิ่ง

และเสียงที่คมชัดอ่อนโยนนั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ชาย กระทั่งเล่อเหยาเหยาที่เป็นผู้หญิงได้ฟัง ร่างกายแทบอ่อนระทวย

“ท่านลืมข้าแล้ว เฮ้อ…”

หลูซวงถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าใจ เมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นก็รู้สึกแปลกใจ

สีหน้าของหลูซวงไม่ได้เสแสร้ง ก่อนหน้านี้เธอต้องรู้จักเจ้าของร่างนี้แน่นอน

แต่ว่าหลูซวงรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงหรือไม่

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันตกใจนึกได้ว่าตนยังยืนอยู่หน้าประตู และไม่รู้ว่าภาพระหว่างเธอกับหลูซวงเมื่อครู่ ถูกคนภายในห้องเห็นเข้าหรือไม่

หากถูกพวกเขาเห็นเข้า ทำให้พวกเขาวนเวียนกันต่อไปอีก เมื่อหลูซวงรู้ว่าเธอคือผู้หญิง

ยิ่งคิดใจของเล่อเหยาเหยาพลันกังวล จนแทบหายใจไม่ออก

เมื่อรู้ว่านี้ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมจะพูดคุยกัน จึงคิดพาหลูซวงไปยังที่ลับตาคน ก่อนพูดคุยกันว่ามันเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่

เพราะเธอก็สงสัยกับสถานะก่อนหน้านี้ของตนอย่างมากเช่นกัน!

พอคิดลงมือทำ น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่เป็นใจ เล่อเหยาเหยาเพิ่งนึกขึ้นได้ พลันมีเสียงสดใสของหนานกงจวิ้นซีดังจากด้านหลัง

“นี่ไม่ใช่แม่นางหลูซวงหรอกหรือ กระต่ายน้อย เจ้ามายืนขวางทางอันใดอยู่ที่ประตู ยังไม่รีบเชิญแม่นางหลูซวงเข้ามาอีก!”

เห็นชัดว่าหนานกงจวิ้นซีเข้าใจผิดว่าหลูซวงตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ

ส่วนเล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี อดขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไม่ได้

ชายเจ้าชู้น่าตายผู้นี้! เห็นสาวงามแล้วตาเป็นประกาย

แต่เธอให้หลูซวงเข้าไปไม่ได้ หากหลูซวงพูดสิ่งใดออกไป เธอต้องตายแน่

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันร้อนรน แต่หนานกงจวิ้นซีกลับเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“กระต่ายน้อย เจ้ามัวชักช้าอันใดอยู่อีก”

“เอ่อ”

เล่อเหยาเหยามีสีหน้ากลัดกลุ้ม พลางแอบกัดฟัน สุดท้ายเพียงขยับเปิดทางให้หลูซวงเดินเข้าไป

ตายเป็นตาย!เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว หากหลูซวงเปิดเผยเรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงออกไป เธอก็จะยอมรับ

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม

คิดไม่ถึง ขณะที่เล่อเหยาเหยาเปิดทางให้ หลูซวงกลับไม่เดินเข้าไปในห้อง ยืนอยู่หน้าประตูเช่นเดิม อีกทั้งเมื่อสบตากับหนานกงจวิ้นซี ใบหน้าเล็กงดงามที่เดิมทีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเสียใจ พลันปกคลุมด้วยความเย็นชาดุจน้ำค้างแข็งทันที

คล้ายกับท่วงท่าขณะดีดพิณอยู่ชั้นล่างเมื่อครู่นั้นของเธอ

การเปลี่ยนสีหน้าที่รวดเร็ว ทำให้เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างมองซ้ำไปซ้ำมา

รู้สึกว่าหลูซวงผู้นี้คงเรียนการเปลี่ยนหน้างิ้วของเฉสวนขั้นสูงมาแน่!

เมื่อครู่ยังมีท่าทางตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นเธอ ตอนนี้กลับเป็นคนงามที่เย็นชาดุจน้ำค้างแข็งกับหนานกงจวิ้นซี

บุคลิกเย็นชานั้น คล้ายคลึงกับพญายมด้วยซ้ำไป!

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ได้ยินเพียงหลูซวงเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีอย่างเย็นชา ทว่ามากมารยาทว่า

“ขออภัยนายท่าน วันนี้ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับพี่เหยา!”

“พี่เหยาเหรอ!”

ไม่เพียงหนานกงจวิ้นซีที่แปลกใจ เหลิ่งจวิ้อวี๋ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินก็อดเลิกคิ้วงามน่ามองไม่ได้ เห็นชัดว่าสงสัยที่หลูซวงรู้จักกับเล่อเหยาเหยาอย่างยิ่ง

ที่ตกตะลึงที่สุดคือ เล่อเหยาเหยา

พี่เหยาหรือ!

หลูซวงเรียกเธอว่าพี่เหยา เช่นนี้แสดงว่าเธอไม่รู้ถึงสถานะผู้หญิงของตน!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเดิมทีที่ใจเต้นระรัว ก็สงบลงในที่สุด

ยังไม่ทันผ่อนหายใจ หลังแปลกใจ หนานกงจวิ้นซีพลันเอ่ยอย่างสดใสขึ้นว่า

“ที่แท้ก็คนรู้จักของกระต่ายน้อย เช่นนั้นเข้ามานั่งคุยกันเถิด ข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้ารู้จักกับกระต่ายน้อยได้เช่นไร!”

“กระต่ายน้อยหรือ!”

คำเรียกขานเล่อเหยาเหยาของหนานกงจวิ้นซี ทำให้หลูซวงรู้สึกสงสัย

ทันใดนั้น สายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋และหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ภายในห้อง มองมายังด้านหน้าเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง

แม้หลูซวงจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ฉลาดเฉลียวมาตั้งแต่เด็ก จึงเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลุบตาลง ก่อนภายในแววตาจะปรากฎความเสียใจวาบขึ้นมา

ไม่นาน หลูซวงก็กลับมาเป็นปกติ จึงย่อตัวลงก่อนเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีว่า

“เช่นนั้นรบกวนด้วย”

เอ่ยจบ ก็ย่างเท้าเดินเข้าไปในห้อง

ส่วนเล่อเหยาเหยาไม่สามารถแสร้งปวดปัสสาวะได้อีก อันที่จริงเธอก็อยากรู้เช่นกัน เจ้าของร่างนี้ของตนก่อนหน้านี้และหลูซวง มีเรื่องอันใดกันแน่!

ในห้องอันกว้างขวาง หลูซวงนั่งลงด้านข้าง เล่อเหยาเหยานั่งลงตรงข้ามกับนาง

จากคำพูดของหลูซวง เล่อเหยาเหยาจึงรู้ว่าเดิมทีหลูซวงรู้จักเธอเมื่อครึ่งปีก่อน

ขณะนั้นฐานะครอบครัวของหลูซวงถือว่าไม่เลว เป็นครอบครัวขุนนาง เพราะเธอเป็นบุตรโทน บิดามารดาจึงทะนุถนอมเธออย่างยิ่ง

กระทั่งครึ่งปีก่อน บิดาเธอพลันป่วยหนัก รักษากับหมอมากมายก็ไม่ดีขึ้น หลูซวงจึงร้อนรนดุจไฟ ดังนั้นจึงไปที่อารามบนเขาเพียงลำพัง เพื่อขอพรให้กับบิดา คุ้มครองบิดาเธอให้กลับมาสุขภาพแข็งแรง

เส้นทางสู่อารามบนเขาขรุขระอย่างยิ่ง หลูซวงซึ่งเป็นเพียงหญิงสาวอ่อนแอ จึงขึ้นเขาไปอย่างยากลำบากเพื่อขอพร เมื่อลงจากเขา กลับไม่ระวังกลิ้งหล่นลงมา จนสุดท้ายเท้าได้รับบาดเจ็บ

ขณะนั้น ท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิดลง

เวลากลางคืนสิ่งอันตรายที่สุดในป่า คือเหล่าสัตว์ร้ายและงูพิษ ซึ่งมีมากมายนับไม่ถ้วน

เดิมทีหลูซวงคิดว่า ครานั้นเธอต้องตายเป็นแน่ สุดท้ายกลับโชคดีมีคนช่วยเหลือนางไว้

และคนผู้นั้น คือเจ้าของร่างเดิมที่เล่อเหยาเหยาอาศัยอยู่

ต่อมา เจ้าของร่างเดิมของเล่อเหยาเหนาแบกหลูซวงที่บาดเจ็บกลับไปที่บ้านของเธอ จากนั้นก็พักอยู่ที่บ้านของหลูซวงในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจากไป

เล่อเหยาเหยาไม่รู้ว่าระหว่างที่เจ้าของร่างเดิมอาศัยอยู่ในบ้านของหลูซวงนั้น ยังเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง แต่เมื่อฟังหลูซวงเล่าเรื่องก่อนหน้านี้กับเธอ สีหน้าทั้งมีความสุขและโศกเศร้า ซึ่งท่าทางทั้งหมดที่สาวน้อยแสดงออกมา ทำให้เธอมองดูอย่างชื่นชอบ

เดาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของร่างเดิมและหลูซวงต้องไม่เลวแน่นอน!

อีกทั้งไม่รู้เหตุใด แม้เวลานี้หลูซวงจะมีกลิ่นอายเย็นชา ที่ทำให้คนไม่อยากเข้าใกล้ แต่ต่อหน้าเธอ สิ่งเหล่านี้กลับสูญหายไป รอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าของเธอ ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกชมชอบยิ่งนัก

เพราะเมื่อเห็นหลูซวง พลันทำให้เธอนึกถึงเพื่อนร่วมห้องเมื่อก่อนนี้ขึ้นมา

เวลานั้น พวกเธอบ้าบอร่วมกัน ดื่มกินร่วมกัน เดินชอปปิ้งด้วยกัน ไปเที่ยวสนุกด้วยกัน ช่างเป็นช่วงที่ดีจริงๆ

แต่ที่นี่ เธอไม่มีครอบครัว มีเพียงเสี่ยวมู่จื่อคนเดียว ตอนนี้หลูซวงปรากฏตัวขึ้น จึงทำให้เธอดีใจอย่างยิ่ง

เรื่องการปรากฏตัวของหลูซวงในหอนางโลม ทำให้เล่อเหยาเหยาสงสัยและปวดใจ จนเอ่ยถามขึ้นว่า

“จากนั้นเกิดเรื่องใดขึ้นหรือ เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้”

หลังหลูซวงได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าเล็กที่เดิมทียิ้มแย้มพลันปกคลุมไปด้วยความโศกเศร้า จากนั้นก็ถอนหายใจ ก่อนเอ่ยออกมาว่า

“พี่เหยา หลังพี่จากไปไม่นาน ท่านพ่อของข้าที่ป่วยก็เสียชีวิต ท่านแม่ที่ตรอมใจอย่างหนัก สุดท้ายก็ป่วย แม้บ้านข้าจะเป็นตระกูลขุนนาง แต่กลับไม่ได้ร่ำรวย ก่อนหน้านี้เพื่อรักษาอาการของท่านพ่อ เงินภายในบ้านจึงร่อยหรอ สิ่งใดที่มีค่า สามารถขายได้ก็ขายออกไปจนหมด ตอนนี้ข้าเหลือเพียงท่านแม่คนเดียว แต่อาการป่วยของท่านแม่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ท่านหมอเอ่ยว่าต้องใช้ยาที่ดีที่สุด ค่อยๆ รักษา ท่านแม่จึงจะกลับมาเป็นปกติ แต่ที่บ้านไม่มีเงิน ดังนั้น…”

เมื่อเอ่ยถึงประโยคสุดท้าย หลูซวงสะอึกสะอื้นขึ้นมา

น้ำตากลมโตนั้น ไหลลงมาจากดวงตางดงามของนางไม่หยุด

ท่าทางดุจดอกสาลี่กลางสายฝนนั้น เป็นดั่งวลีที่ว่าข้าเห็นแล้วสงสารเจ้ายิ่งนัก เล่อเหยาเหยาที่เห็นรู้สึกไม่ดีเช่นกัน

เธอถอนหายใจ ก่อนหน้านี้เธอโกรธแค้น ว่าสวรรค์ทำให้เธอข้ามเวลามาที่ยุคสมัยศักดินาน่าตายนี้ และเป็นเพียงขันทีน้อยที่ไร้เงินทอง

แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเคราะห์ร้ายของหลูซวง เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกว่าความจริงแม้เธอจะเป็นขันที แต่อย่างน้อยไม่มีภาระ ดีกว่าหลูซวงอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นท่าทางเสียใจของหลูซวง และเล่อเหยาเหยารู้ว่าหลูซวงเป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่ง แต่เพื่อมารดาของตน จึงต้องพาตัวเองเข้าสู่หลุมไฟ

จะทำเช่นไรดี!

หลูซวงนี้ ดูแล้วอายุน่าจะเพิ่งสิบห้าสิบหก! ตอนนี้เธอเพิ่งเข้ามาอยู่ที่หอนางโลม ยังไม่ได้รับแขก แต่วันหน้าหละ!

หากเธอเริ่มรับแขก ชีวิตเธอต้องจบสิ้นลงแน่!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาก็ร้อนใจ

ไม่รู้เหตุเพราะใด แม้จะรู้จักหลูซวงได้ไม่นาน แต่เธอกลับคิดอยากช่วยเหลือยิ่งนัก

แต่เธอตอนนี้เป็นเพียงขันทีน้อยผู้หนึ่ง ความสามารถมีจำกัด อยากช่วยเหลือ ทว่ากลับช่วยไม่ได้

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งรู้สึกหดหู่ขึ้นมา

สุดท้าย ควรทำเช่นไร ถึงจะสามารถช่วยหลูซวงได้!

เป็นปัญหาที่ยุ่งยากใจเสียจริง!

เล่อเหยาเหยาคิดอยู่ไม่หยุด จนคิ้วน่ามองนั้นขมวดแน่นขึ้น สีหน้าดูกลัดกลุ้ม

หลูซวงที่นั่งอยู่ตรงข้าม เมื่อเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของเล่อเหยาเหยา ก็รู้ว่าเวลานี้เล่อเหยาเหยาต้องร้อนใจเรื่องของตนแน่นอน

แม้นางจะรู้ดีว่าเล่อเหยาเหยาไม่สามารถช่วยสิ่งใดนางได้ แต่นางยังดีใจอย่างมาก

ดังนั้น จึงเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“พี่เหยา มีท่านห่วงใยข้า ความจริงข้าพอใจอย่างยิ่งแล้ว อาจเพราะนี่คือชีวิตของหลูซวง”

“ไม่ หลูซวง ต้องมีหนทาง เจ้าอายุยังน้อย หากอยู่ที่นี่ต่อไป วันหน้าชีวิตเจ้าได้จบสิ้นเป็นแน่”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลูซวง เล่อเหยาเหยาเอ่ยขึ้นอย่างตื้นตันใจ

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาห่วงใยตนเช่นนี้ หลูซวงซาบซึ้งใจอย่างมาก พลันฉุกคิดบางอย่างได้ นัยน์ตางดงามเศร้าสลดขึ้น ก่อนเอ่ยว่า

“หลังเข้ามาอยู่ที่นี่ ข้าเองทราบดีว่าชีวิตข้าได้จบลงแล้ว พี่เหยา ท่านรังเกียจข้าหรือ!”

หลูซวงเอ่ยจบ ช้อนสายตาดูกังวลจ้องเขม็งไปที่เล่อเหยาเหยา วิตกกังวลจนฝ่ามือชุ่มด้วยเหงื่อ

เพราะแม้คนบนโลกนี้ทั้งหมดจะรังเกียจนาง นางล้วนไม่สนใจ นอกจากพี่เหยาคนเดียว

…………………………….

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท