สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 123 ร้อน ข้าอยากถอดเสื้อผ้า (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“มาดื่มให้คลายทุกข์กันเถิด มา ชนจอก อืม”

เมื่อยกจอกสุราในมือ เล่อเหยาเหยาเงยใบหน้าเรียวเล็กแดงก่ำเพราะเมาสุราขึ้น หัวเราะฮิฮิให้กับตงฟางไป๋และหนานกงจวิ้นซี สุดท้ายยังอดเรอออกมาไม่ได้

ค่ำคืนนี้ดึกดื่นลงโดยไม่รู้ตัว

ดวงจันทร์ด้านนอกเคลื่อนไปยังทิศตะวันตก ดวงดาวเปล่งประกาย สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อย

ยามดึกจึงเงียบสงัด

แต่ในห้องหรูหราของโรงเตี๊ยมหลูอวี้เวลานี้ กลับยังคงคึกคักมีเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุด

เห็นเพียงภายในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรางดงามนี้ จุดไฟสว่างไสว

อาหารบนโต๊ะกลม หายไปครึ่งหนึ่ง ทว่าบนโต๊ะกลับเต็มไปด้วยไหสุราจำนวนไม่น้อย

มีบางไหที่ดื่มจนหมดไปแล้ว มีบางไหเพิ่งเปิด พูดไปแล้วมีสุราชั้นเลิศประมาณห้าหกไห

เวลานี้พวกเล่อเหยาเหยาทั้งสามคน ต่างดื่มสุรากันไปไม่น้อย

เดิมทีเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงสุราไป๋อวี้นี้อร่อย คิดดื่มเพียงสองจอก

คิดไม่ถึงหลังดื่มเข้าไปสองจอก กลับรู้สึกว่ายิ่งดื่มยิ่งอร่อย ดังนั้นจึงดื่มจอกแล้วจอกเล่า

สุดท้ายหนานกงจวิ้นซีเห็นเธอชอบดื่ม จึงให้เสี่ยวเอ้อร์นำสุราเลิศรสประเภทอื่นที่มีในโรงเตี๊ยมมาหนึ่งไห ดูแล้วต้องทำลายความเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเล่อเหยาเหยา

ตอนแรก ตงฟางไป๋ก็เตือนให้เล่อเหยาเหยาดื่มสุราให้น้อยลง เพราะสุราไม่ดีต่อสุขภาพ แต่เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าสุราพวกนี้อร่อยเกินไปเสียจริง และยิ่งดื่ม ภายในสมองของเธอยิ่งเมามาย เรื่องยุ่งยากใจเรื่องใดก็ต่างคิดไม่ออก

แน่นอนว่าย่อมไม่คิดถึงเรื่องที่พญายมโอบกอดหญิงสาวผู้อื่น และยังไปส่งหญิงสาวผู้อื่นด้วยตนเองเมื่อครู่

ดังที่ว่าดื่มสุราคลายทุกข์ ความหมายคงประมาณนี้!

สุดท้าย หนานกงจวิ้นซีเห็นเล่อเหยาเหยาชอบดื่ม จึงรู้สึกเพียงดื่มเหล้าหมดจอกน่าเบื่อหน่าย ดังนั้นจึงสอนเล่อเหยาเหยาทายนิ้วมือนับเลข

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงพลางเล่มเกมทายนิ้วมือกับหนานกงจวิ้นซี พลางให้คนแพ้ดื่มสุรา

แม้ก่อนหน้านี้เล่อเหยาเหยาจะไม่เคยทายนิ้วนับเลข แต่กลับมิใช่คนโง่เขลา เพียงเรียนก็สามารถเล่นได้ ดังนั้น สุดท้ายคนที่แพ้มากที่สุดกลับเป็นหนานกงจวิ้นซี

หลังดื่มสุราจอกแล้วจอกเล่าลงไป แม้หนานกงจวิ้นซีจะคอแข็งอย่างมาก แต่ต้องล้มลง

เมื่อเห็นหนานกงจวิ้นซีตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งยกจอกสุรา ล้มตัวนอนอยู่บนโต๊ะ

ขณะที่หลับนั้น ปากยังไม่ลืมที่จะบ่นพึมพำบางอย่าง

“มา มา ดื่มอีกจอก ดื่ม…”

“ฮ่า ๆ ท่านดื่มจนโง่ไปแล้ว ยังจะดื่มต่ออีกหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ที่เห็นเขาฟุบอยู่บนโต๊ะ ดื่มจนใบหน้าแดงก่ำ ท่าทางเมามาย

เล่อเหยาเหยาดื่มจนสองแก้มแดงก่ำเช่นกัน ทว่าอดยกจอกสุราอยู่ด้านข้างโบกสะบัดราวท่าทางของดอกไม้หัวเราะเยาะเขาไม่ได้ ร่างกายโอนเอนไปมาไม่หยุด

ตงฟางไป๋ที่มองอยู่ด้านข้างต่างกังวล เธอคงไม่หัวเราะจนล้มไปด้านหลังหรอกนะ

ขณะที่ตงฟางไป๋กำลังกังวล คิดไม่ถึง เรื่องที่เขากังวลจะพลันเกิดขึ้นจริง

เห็นเพียงเล่อเหยาเหยาพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์สุรา หลังดื่มสุราเข้าไปหนึ่งไหก็เมามายจนหมดสภาพ กระทั่งชื่อแซ่ของตนคาดว่าลืมเลือนไปแล้ว

และเธอก็ถือจอกสุราหัวเราะเอนตัวไปมา เพียงไม่ระมัดระวัง ร่างกายล้มลงไปทางด้านหลัง

เมื่อเห็นเธอจะล้มลงบนพื้น ตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างจึงตกใจชั่วครู่ ก่อนพลันยื่นแขนยาวออกไปคว้าตัวเธอเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

เมื่อรู้สึกว่าคนในอ้อมแขน ร่างกายไร้เรี่ยวแรง จิ้มลิ้มบอบบาง เบาดุจลูกขนไก่ ทำให้ในใจของตงฟางไป๋หวั่นไหว

มือที่โอบเล่อเหยาเหยาเอาไว้อดรัดแน่นขึ้นไม่ได้

กลางดึกแสงเทียนภายในห้องสว่างจ้า

ว่ากันว่ามองสาวงามใต้เสียงเทียน ยิ่งมองยิ่งงดงาม

จึงเห็นคนในอ้อมแขน แม้จะสวมชุดขันทีสีน้ำเงินเข้ม แต่กลับปิดบังกลิ่นอายอันโดดเด่นอย่างเป็นธรรมชาติของเธอไม่ได้

แม้เวลานี้เธอจะอายุเพียงสิบหกปี แต่เห็นชัดว่าอีกสองปีให้หลัง ต้องงามล่มเมือง โดดเด่นจนไม่มีผู้ใดเปรียบเทียบได้แน่!

ตงฟางไป๋คอแข็งอย่างมาก เมื่อครู่เพียงจิบลิ้มรส จึงย่อมไม่ได้เมามาย

อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนดื่มสุราอย่างพอดี

เพราะรู้ว่าสุราสามารถทำลายสุขภาพได้ ดังนั้น เขาจึงเพียงจิบลิ้มรสเท่านั้น

ตอนนี้เมื่อมองคนในอ้อมกอด

คนดื่มจนแก้มแดงก่ำ ดวงตาคล้ายไม่พอใจ อยู่ในอ้อมกอดเขา ยิ้มแย้มดุจบุปผาให้เขา

ท่าทางเมามายนั้น ช่างกระตุ้นเย้ายวนใจ

ตงฟางไป๋ที่เห็นอดหวั่นไหวในใจไม่ได้

ขณะที่ยังไม่ได้สติ เห็นว่าคนที่หลังจากล้มลงในอ้อมกอดของเขา ยังคงกระสับกระส่าย สองมือโบกสะบัดไม่หยุด ปากยังบ่นพึมพำบางอย่าง

“ร้อน ร้อนเหลือเกิน ร้อนจะตายอยู่แล้ว ข้าอยากเปิดแอร์ ทานไอศกรีม ร้อนเหลือเกิน”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยพลาง ขณะที่สองมือก็ดึงเสื้อผ้าบนตัวไม่หยุด

เพราะตอนนี้เป็นหน้าร้อนแสนอบอ้าว แม้เวลานี้จะเป็นกลางดึก อุณหภูมิยังไม่ลดต่ำลงเช่นเดิม รวมทั้งเมื่อครู่ดื่มสุรามากขนาดนั้น

เธอเวลานี้จึงรู้สึกเพียงว่ามีกองไฟ กำลังไหม้ลุกลามขึ้นในใจตนไม่หยุด ร้อนจนเธออยากกระโดดลงไปในทะเลสาบอันเย็นยะเยือกเพื่อดับไฟนั้น!

และเพราะดื่มสุรามากเกินไป เล่อเหยาเหยาเวลานี้จึงวิงเวียน สมองคล้ายเฉื่อยชาราวแป้งเปียก และไม่รับรู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด

เธอคิดเพียงอยากถอดเสื้อผ้าบนร่างกายออกให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รู้สึกเย็นสบาย

ขณะคิดในใจ สองมือเธอเคลื่อนไหวไปเองโดยอัติโนมัติ

ตงฟางไป๋เห็นเธอดึงทึ้งเสื้อผ้าไม่หยุด เพียงส่ายหน้าอย่างจนใจ และไม่ได้ใส่ใจ เพราะอันที่จริงทุกคนต่างเป็นบุรุษมิใช่หรือ!

ดังนั้นจึงปล่อยเธอไป ทว่ายังอดที่จะเอ่ยอย่างจนใจ เอ็นดูอยู่ด้านข้างไม่ได้

“เฮ้อ ผู้ใดให้เจ้าดื่มมากเช่นนี้ พรุ่งนี้ต้องปวดศีรษะแน่”

“ฮิฮิ พี่ไป๋ ข้าร้อนเหลือเกิน”

เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้ถึงคำพูดของตงฟางไป๋ เธอรู้สึกเพียงร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย จึงดึงเสื้อผ้าบนตัวไม่หยุด

ตงฟางไป๋ได้ยิน เพียงประคองเธอไปยังเก้าอี้ด้านข้าง ก่อนหัวเราะขึ้นว่า

“เมื่อร้อนเจ้าถอดเสื้อผ้าออกเถิด จะได้สบายตัว”

ตงฟางไป๋เอ่ยจบ เห็นเล่อเหยาเหยาร้อนจนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ อดใช้ชายเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เธอไม่ได้ จากนั้นจึงช่วยเล่อเหยาเหยาถอดเสื้อผ้าด้านนอกออก

เดิมทีเขาหวังดีไม่อยากเห็นเล่อเหยาเหยาร้อนเกินไป

ทว่าหลังจากเขาถอดเสื้อผ้าตัวนอกของเล่อเหยาเหยาออก สองมือจึงเลี่ยงที่จะลูบคลำที่หน้าอกของเล่อเหยาเหยาไม่ได้

ตอนแรกเขารู้สึกเพียงว่าเล่อเหยาเหยามีหน้าอกที่แข็งแรง จึงอดเอ่ยพลางหัวเราะไม่ได้

“คิดไม่ถึงน้องเหยาที่ตัวเล็กบอบบาง จะมีหน้าอกที่แข็งแกร่ง”

เล่อเหยาเหยาที่ดื่มจนเมามาย จะฟังคำพูดของตงฟางไป๋เข้าใจได้เช่นไร และไม่มีจิตใจฟังอีกด้วย เธอรู้เพียงตอนนี้มีคนช่วยเธอถอดเสื้อผ้า โดยที่เธอไม่ต้องออกแรงเอง สบายอย่างยิ่ง

ทว่าแม้ตงฟางไป๋จะช่วยเธอถอดเสื้อผ้าตัวนอกออก แต่เธอก็ยังรู้สึกร้อนรุ่ม

ความรู้สึกร้อนรุ่มนั้น ราวกับเหนือศีรษะของเธอมีพระอาทิตย์อันร้อนแรงกำลังเผาไหม้เธออยู่

ทำให้เล่อเหยาเหยาอดเบ้ปากแดงสด ขมวดคิ้วเข้มแน่น และอดพึมพำอย่างไม่พอใจไม่ได้

“อืม ข้ายังร้อนอยู่ ถอด ข้าจะถอดออกให้หมด ร้อนเหลือเกิน”

“น้องเหยา แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อน ทว่าหากถอดเสื้อผ้าออกอีก อาจได้รับความเย็นคงไม่ดีแน่”

แม้จะรู้ว่าเวลานี้เล่อเหยาเหยาเมามาย สมองคล้ายไม่แจ่มชัด คำพูดที่เขาเอ่ยไปเธอคงไม่ฟัง และต้องไม่เข้าใจแน่นอน ตงฟางไป๋ก็ยังเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยอีกครั้ง

แต่เล่อเหยาเหยาเวลานี้ จะเข้าใจคำพูดเขาได้เช่นไร

เมื่อเห็นตงฟางไป๋ไม่ช่วยตนถอดเสื้อผ้าเป็นแน่ ดังนั้นจึงเบ้ปากเล็กขึ้นอย่างไม่พอใจ

เขาไม่ลงมือ เธอจะลงมือเอง

คิดแล้วลงมือทันที ดังนั้นเห็นเล่อเหยาเหยาขมวดคิ้ว จากนั้นสองมือก็ดึงเสื้อชั้นในสีขาวดุจหิมะออกไม่หยุด

ตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น รู้ดีว่าคงห้ามเธอไม่ได้ จึงปล่อยเธอไป อย่างมากคอยสักครู่ค่อยสวมกลับไปให้เธอ

ดังนั้นจึงกลับไปนั่งยังตำแหน่งของตน ก่อนพิจารณาสุราชั้นเลิศของตน จากนั้นก็ก้มลงสูดกลิ่น ก่อนจะค่อยๆ จิบลิ้มรสชาติ

ผู้ใดจะรู้ ขณะสุราชั้นเลิศหวานละมุนนั้นเพิ่งเข้าไปในปาก ยังไม่ไหลลงสู่ลำคอ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าทำให้ตงฟางไป๋ดุจถูกฟ้าผ่าในตอนกลางวัน เสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้นพร้อมสุราชั้นเลิศในปากถูกพ่นออกมา

หลังสุราชั้นเลิศค่อยๆ สาดไปด้านหน้า ในสายตาเขาเห็นเพียงภาพวาดเช่นนี้…

เห็นเพียงคนตัวเล็กบนเก้าอี้ไม้สาลี่ เวลานี้ร่างกายโอนเอียง หมวกขันทีที่เดิมสวมอยู่บนศีรษะถูก ‘เขา’ถอดออกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด

เห็นเพียง ผมยาวดุจเส้นไหมนั้น เอียงลาดลงมาอย่างรวดเร็ว แผ่กระจายเต็มไหล่

ผมของ ‘เขา’ ยาวและงดงามอย่างยิ่ง

ดำสนิทเงางาม ภายใต้แสงเทียนสว่างไสว เกิดแสงอ่อนหวานเรืองรอง น่ามองจนคนที่เห็นอยากเข้าไปสัมผัส

และด้านล่างผมยาวดำสนิทโอนอ่อนผ่อนตามลงมา คือลำคอเล็กบอบบาง กระดูกไหปลาร้าลึกเว้าชวนสัมผัส ยังมีไหล่ขาวบอบบางอ่อนนุ่ม สุดท้ายคือสิ่งนั้น…

กระต่ายหยกอ่อนนุ่มขาวผ่อง!

เมื่อเห็นตรงนี้ ตงฟางไป๋ที่เงียบสงบมาตลอดตกตะลึงอย่างหนัก

ใบหน้าหล่อเหลานั้น เวลานี้เบิกตาอ้าปากกว้างทำอะไรไม่ถูก

ดวงตาเป็นประกายดำขลับ เวลานี้เบิกกว้างเพราะตกตะลึง กำลังมองไปยังหน้าอกของคนตัวเล็ก

เห็นเพียงเสื้อด้านบนของคนตัวเล็กถูกปลดลงมา ร่างกายท่อนบนนอกจากเสื้อชั้นในบางเบา ยังมีผ้าพันที่หนานุ่มอยู่บนหน้าอกของเธอ

เพราะเล่อเหยาเหยารู้สึกว่าช่วงนี้หน้าอกของตนขยายใหญ่ขึ้น บางครั้งเจ็บปวด คล้ายกำลังเจริญเติบโต และหน้าอกก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นไม่น้อย

ดังนั้นจึงรัดหน้าอกของตนไว้อย่างแน่นหนา

แต่ตอนนี้เธอเมามายจนสมองมึนงง กระทั่งตนคือผู้ใดต่างไม่รู้ชัด

เธอรู้สึกเพียงร้อนรุ่มอย่างหนัก และหน้าอกอึดอัดอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่สนใจสิ่งใด หลังจากถอดเสื้อชั้นในตัวนั้นและคลายผ้าที่รัดหน้าอกออก สุดท้ายจึงเปิดเผยกระต่ายหยกขาวนั้นออกมาครึ่งหนึ่ง

แม้ขนาดจะไม่ใหญ่ แต่กลับงดงามพอเหมาะ และผิวขาวใสดุจหิมะ แม้จะไม่ได้เปิดเผยออกมาทั้งหมด แต่ปิดครึ่งเปิดครึ่งเช่นนี้ ทำให้คนที่เห็นต่างคิดจินตนาการไปไกล จิตใจฟุ้งซ่านไม่หยุด!

สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ เล่อเหยาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เธอรู้สึกเพียงตนยังคงร้อนรุ่ม ดังนั้นมือเล็กนั้นจึงเคลื่อนไหวไปโดยอัติโนมัติ สำรวจไปที่หน้าอกของตนหมายดึงทั้งหมดออกมา

…………………………

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน