ปกติเล่อเหยาเหยามักคิดว่าเวลาในหนึ่งวัน ความจริงก็ผ่านไปอย่างง่ายดายยิ่งนัก
เพียงตื่นนอนตอนเช้า ปรนนิบัติพญายมเข้าวังหลวง จากนั้นปัดกวาดตำหนักหย่าเฟิงเสร็จ ไปทานอาหาร ตอนบ่ายทำงานอีกครั้ง นอนกลางวัน ตอนเย็นปรนนิบัติพญายมทานอาหาร อาบน้ำ ตนสามารถกลับห้องเข้านอน เวลาหนึ่งวันผ่านไปเช่นนี้
แต่วันนี้ หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จพญายมยังไม่กลับมา เล่อเหยาเหยาจีงร้อนใจ
งานในมือจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเพียงตั้งตารออยู่หน้าตำหนักหย่าเฟิง รอชายหนุ่มที่คุ้นตานั้นปรากฎตัวขึ้น
แต่เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ไม่เห็นชายหนุ่มผู้นั้น พระอาทิตย์บนฟ้าลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิก็ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น
เมื่อมองพระอาทิตย์ขนาดใหญ่ เล่อเหยาเหยาก็ร้อนอบอ้าว ดังนั้นจึงทนยืนที่ประตูของตำหนักหย่าเฟิงไม่ได้ ก่อนเดินไปนั่งในศาลาพักร้อน
ศาลาพักร้อนนี้ตั้งอยู่บนทะเลสาบ รอบด้านคือน้ำ สายลมที่พัดผ่าน จึงแฝงด้วยความเย็นสดชื่น
อีกทั้งเมื่อนั่งอยู่ที่นี่ หากมีคนเข้ามาในตำหนักหย่าเฟิง ก็สามารถเห็นได้ทันที
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงนั่งอยู่ในศาลาพักร้อน พลางแทะเมล็ดทานตะวัน มองไปยังประตูของตำหนักหย่าเฟิงอย่างไม่กระพริบตา
ทว่า เล่อเหยาเหยากลับไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่าตนเวลานี้ คล้ายภรรยาที่รอคอยสามีกลับมาอย่างกระวนกระวายใจ
ลมร้อนพัดผ่านผิวน้ำบนทะเลสาบ
คลื่นผิวน้ำสะท้อนแสงส่องประกายงดงาม ภายในทะเลสาบมีฝูงปลากำลังแหวกว่ายอย่างอิสระเสรี มีความสุข
กลุ่มภูเขาอันไกลโพ้น สูงตระหง่านเทียมฟ้า
เมฆขาวบนฟ้าสีคราม พระอาทิตย์ลอยเด่น ท้องฟ้าปลอดโปร่งกว้างไกลออกไปเป็นหมื่นลี้
จั๊กจั่นบนต้นไม้ คล้ายเปี่ยมด้วยพลังวังชา ส่งเสียงร้องอย่างไม่มีวันหยุด
นั่งอยู่ในศาลาพักร้อนหยกขาวอันประณีต ทิวทัศน์รอบกายดุจบทกวีภาพวาด แต่เล่อเหยาเหยาเวลานี้ แทบไม่มีจิตใจชื่นชมความงาม รู้สึกเพียงหงุดหงิดอย่างที่สุด
“เหตุใดเขายังไม่กลับมาอีก!”
เมื่อคืนเขาเอ่ยว่าจะกลับมาให้เร็ว ชัดๆ ตอนนี้บ่ายแก่ๆ แล้ว หรือเขาจะมีเรื่องใดที่ทำให้ล่าช้า!
นั่นเพราะเขาคือท่านอ๋องผู้สง่างามแห่งแคว้นเทียนหยวน จึงมีหน้าที่รับผิดชอบที่มากมาย แต่กลับมาช้าเพียงเล็กน้อยก็พอให้อภัยได้ แต่เขาห้ามกลับมาช้าเกินไปเป็นพอ
เล่อเหยาเหยาพลางบ่น พลางหาเหตุผลปลอบใจตนเอง เป็นเช่นนี้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เล่อเหยาเหยารอคอยจนเหนื่อยล้า
เพราะทุกวันเวลานี้ เธอล้วนต้องนอนกลางวัน!
ดังนั้นไม่นาน เล่อเหยาเหยาจึงฟุบลงบนโต๊ะหินหลับไป
กระทั่งไม่รู้ว่าหลับไปนานเพียงใด เล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเปิดเปลือกตามองสีของท้องฟ้า ก็ตกใจชั่วขณะก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะหิน
เพราะเธอเพียงงีบหลับไป พระอาทิตย์ก็ตกดินเสียแล้ว!
สวรรค์! เธอหลับไปนานขนาดนี้เชียวหรือ!
แต่ตอนนี้พญายมอยู่ที่ใด เขากลับมาแล้วหรือไม่!
ขณะสงสัยร้อนรนในใจ เล่อเหยาเหยารีบลุกขึ้นใช้ชายเสื้อที่ยับยู่เช็ดคราบน้ำลาย ก่อนรีบมุ่งตรงไปที่ตำหนักหย่าเฟิง
หลังตามหาในตำหนักหย่าเฟิงรอบหนึ่ง กลับไม่เห็นคนที่ตนอยากเจอ และยังเกือบชนเข้ากับซิงที่เดินเข้ามา
“โอ้ เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้ารีบร้อนอันใดหรือ เกิดเรื่องใดขึ้น”
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาวิ่งอย่างเหนื่อยหอบ ใบหน้าเรียวแดงก่ำ ซิงอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้
ส่วนเล่อเหยาเหยาที่เกือบชนเข้ากับซิง ควบคุมจังหวะฝีเท้าอย่างไม่ง่ายดาย หลังได้ยินคำพูดของซิง นึกได้ว่าซิงติดตามอยู่ข้างกายพญายมตลอด พลันจับชายเสื้อของซิง ก่อนรีบร้อนเอ่ยขึ้น
“ซิง ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือ เช่นนั้นท่านอ๋องกลับมาพร้อมท่านหรือไม่”
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ได้กลับมา มีเรื่องใดหรือ”
เห็นเล่อเหยาเหยาจับชายเสื้อตน เอ่ยถามอย่างรีบร้อนเช่นนี้ ทำให้ซิงมีสีหน้าตะลึงงัน พลันอดหน้าแดงก่ำไม่ได้
เพราะเขาพลันนึกถึงเรื่องครั้งก่อนในโรงหมอขึ้นมา
ทว่าใจทั้งหมดของเล่อเหยาเหยากลับอยู่ที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงไม่รับรู้ถึงสีหน้าผิดปกติของซิง
หลังรู้ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังไม่กลับมาที่วัง ใบหน้าเล็กที่เดิมทีรอคอยคาดหวังพลันชะงักชั่วขณะ แววตาปรากฎความเศร้าหมองขึ้นหลายส่วน
“ท่านอ๋อง ยังไม่ได้กลับมา”
เล่อเหยาเหยาพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงดูเศร้าโศกอย่างสุดที่จะอธิบาย
ทันใดนั้นคล้ายปลอบใจตัวเอง โดยพึมพำขึ้นว่า
“เฮ้อ ไม่มีวิธีอื่น ท่านอ๋องมีงานต้องสะสางมากมาย กลับมาช้าถือว่าสมควร”
พอเอ่ยถึงสิ่งเหล่านี้ เล่อเหยาเหยาหาข้ออ้างปลอบใจตนเอง ให้ใจได้รับการปลอบโยนบางส่วน
คิดไม่ถึง คำพูดของเธอแม้จะมีน้ำหนักเสียงที่เบา แต่ซิงที่เป็นคนมีวรยุทธ์ พลังหูจึงย่อมไม่เลว หลังได้ยินประโยคนี้ของเล่อเหยาเหยา พลันเอ่ยปากขึ้นทันที
“มิใช่หรอก วันนี้ไม่มีงานสำคัญอันใด ท่านอ๋องออกจากวังมานานแล้ว ทว่าระหว่างเดินทางกลับ พลันมีม้าตัวหนึ่งเกิดพยศ คลุ้มคลั่งพุ่งชนคนอยู่บนถนน จนเกือบ…”
“อะไรนะ! ท่านอ๋องบาดเจ็บหรือไม่ อาการเป็นเช่นไร หนักหนาหรือไม่ ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่โรงหมอใช่ไหม เช่นนั้นข้าไปดูเขาก่อน!”
เพียงได้ยินคำพูดของซิง เล่อเหยาเหยาสะดุดทันที ใจสับสนวุ่นวาย ภายในสมองเกิดเสียง ‘ตูม’ ขึ้น ก่อนพลันขาวโพลน คิดสิ่งใดไม่ออก
เธอรู้เพียงเวลานี้อยากเจอเขา อยากเจอ อยากเจอ…
ขณะคิดในใจ สองเท้าของเล่อเหยาเหยาเคลื่อนไหวโดยอัติโนมัติ วิ่งอย่างรวดเร็วออกไปด้านนอกทันที
ความเร็วนั้นดุจสายลม ทำให้คนที่เห็นต่างแปลกใจไม่หยุด
ซิงเห็นเช่นนั้น คิดวิ่งตามไป เพราะยังมีคำพูดที่ยังเอ่ยไม่จบ
“เฮ้ย ท่านอ๋องไม่ได้บาดเจ็บ เป็นคุณหนูเหนียน เสี่ยวเหยา…เฮ้อ ปวดท้องจัง ไม่พูดก็ลืม ข้ากำลังจะไปห้องน้ำ”
ซิงพลางกุมท้อง เดิมทีคิดวิ่งตามไป ก็หมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง พุ่งตรงไปทางห้องน้ำนั้น
เขามีกำลังภายใน รอให้เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วค่อยไล่ตามไป! เพราะอย่างไรเสี่ยวเหยาจื่อก็มีขาเล็กสั้น คงวิ่งไปได้ไม่ไกล
ซิงคิดในใจ โดยไม่สนใจสิ่งใด ต้องเข้าห้องน้ำก่อน
ทว่าเขากลับไม่คาดคิดว่า คนที่กังวลร้อนใจ จะมีพลังล้นเหลือเกินกว่าที่จะคาดเดาได้
…
เมื่อเล่อเหยาเหยาพุ่งตรงมาถึงโรงหมออันดับหนึ่งสำเร็จ เหงื่อก็ชุ่มไปทั้งตัวดุจตากฝน หายใจหอบดุจวัว
โรงหมออันดับหนึ่ง เป็นปกติเช่นทุกวันที่ผ่านมา ผู้คนเดินขวักไขว่ แม้ตงฟางไป๋ยังไม่กลับมา แต่โรงหมอได้เชิญหมอที่ฝีมือไม่เลวมาไม่น้อย ดังนั้นกิจการของโรงหมออันดับหนึ่ง นับวันยิ่งรุ่งเรือง ทุกวันนี้คนที่มารักษามีจำนวนไม่น้อย
ทว่าเมื่อเล่อเหยาเหยาเข้ามาที่โรงหมออันดับหนึ่ง ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความกังวลร้อนใจ มองไปยังห้องโถงของโรงหมออย่างรวดเร็ว หลังไม่พบคนที่ตนตามหา จึงวิตกกังวลในใจ
ทันใดนั้น ก็เห็นเสี่ยวถังเข้าพอดี จึงยื่นมือจับแขนของเสี่ยวถังไว้แน่นโดยไม่คิด ก่อนถามอย่างร้อนใจว่า
“เสี่ยวถัง ทะ…ท่านอ๋องอยู่ที่นี่หรือไม่ !”
“โอ๊ย พี่ชาย ท่านเบาหน่อย ข้าเจ็บยิ่งนัก!”
เสี่ยวถังถูกเล่อเหยาเหยาที่ร้อนใจจับแขน พลันเจ็บปวดจนร้องตะโกนออกมา
เล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยิน พลันปล่อยมือ เอ่ยขอโทษ
“ข้าขออภัย เสี่ยวถัง ข้าร้อนใจเกินไป เจ้าบอกข้ามา ท่านอ๋องอยู่ที่นี่หรือไม่”
“อยู่ ท่านอ๋องของท่านอยู่ที่นี่ ในห้องหมายเลขหนึ่ง ยังมี…เอ่อ ข้ายังพูดไม่จบ!”
เสี่ยวถังร้องตะโกนตามหลังเล่อเหยาเหยา แต่เล่อเหยาเหยาพุ่งจากไปดุจลุกศร จะได้ยินคำพูดของเขาได้เช่นไร
ทิ้งให้เสี่ยวถังเต็มไปด้วยความสงสัย
“เสี่ยวเหยาจื่อ วันนี้เป็นอันใด จึงดูกังวลขนาดนั้น”
คำบ่นของเสี่ยวถัง เล่อเหยาเหยาย่อมไม่รับรู้ เพราะใจเธอเวลานี้บินทะยานไปที่ห้องหมายเลขหนึ่ง
ห้องหมายเลขหนึ่ง อยู่บนชั้นสองของโรงหมอ
ที่นั่นเป็นห้องสำหรับผู้ป่วยหนักที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
ตอนนี้พญายมอยู่ด้านใน เมื่อครู่ต้องถูกรถม้าชนบนถนนจนบาดเจ็บแน่ สวรรค์! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!
เล่อเหยาเหยาร้อนใจ จนหัวใจแทบกระดอนออกมา
ภายในดวงตาคู่งามที่เต็มด้วยความกังวลนั้น ถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกอย่างรวดเร็ว จมูกแสบร้อน แต่เธอกลับอดกลั้นไว้ตลอดเวลา
จนกระทั่ง ในที่สุดเธอมาถึงหน้าประตูห้องหมายเลขหนึ่ง จึงยื่นมือผลักประตูบานสลักที่ปิดไว้นั้นออกทันที
เสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้น เดิมทีเล่อเหยาเหยาคิดว่าจะเห็นภาพชายหนุ่มบาดเจ็บนอนอยู่บนเตียง คิดไม่ถึง เรื่องมันกลับเหนือความคาดการณ์ของเธอ
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เล่อเหยาเหยาคล้ายถูกฟ้าผ่าไปทั้งร่าง แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เห็นเพียงภายในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นยา กำลังมีชายหญิงคู่หนึ่ง กำลังโอบกอดแนบชิดกันอยู่
เห็นเพียงหญิงสาวเพียงคนเดียวในอ้อมกอดของชายหนุ่มนั้น บนเท้าถูกพันด้วยผ้าพันแผล เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บ
ส่วนเธอเวลานี้ ซบตัวอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม ใบหน้าประณีตงดงามกำลังร้องห่มร้องไห้ อย่างทำให้คนตกใจ
และผู้หญิงคนนี้ ก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็นเหนียนซูหลาน!
ก่อนเห็นชายหนุ่มถูกเหนียนซูหลานกอดเอาไว้แน่น
ร่างสวมชุดหมางผาวสีทอง ศีรษะครอบด้วยกวนหยก รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้างเอวคอด ใบหน้าหมดจด เครื่องหน้าล้ำเลิศ หล่อเหลาเหนือคนทั่วไป มิใช่ชายหนุ่มที่เธอกังวลมาตลอด จะเป็นผู้ใดได้อีก!
แต่ตอนนี้เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่!
เมื่อครู่ซิงเอ่ยว่าพญายมถูกรถม้าชนมิใช่หรือ! แต่ตอนนี้พญายมกลับสบายดี!
อีกทั้งตอนนี้เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ พญายมเหตุใดจึงต้องโอบกอดเหนียนซูหลาน!
เพราะเหตุใด!
ขณะสงสัยในใจอย่างหนัก ใจของเล่อเหยาเหยา รู้สึกเพียงถูกก้อนหินขนาดใหญ่น้ำหนักมากกดทับอยู่ จนแทบหายใจไม่ออก
อีกทั้งภาพตรงหน้า หากเป็นคนอื่น ต้องเอ่ยว่าดุจกิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันอย่างยิ่ง
เพราะชายหนุ่มหล่อเหลา หญิงสาวงดงามอ่อนช้อย จะมองเช่นไร ล้วนต่างสบายหูสบายตา
แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงขัดตาอย่างยิ่ง อีกทั้งใจเจ็บปวดอย่างมาก! คล้ายถูกกระบี่แหลมคมกำลังทิ่มแทง
วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ และชายหนุ่มที่อยู่ในใจของเธอ เวลานี้กลับโอบกอดหญิงสาวผู้อื่น น่าขัน น่าเศร้าใจเสียจริง…
Next