สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 186 อวี๋มาแล้ว

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ทว่าความหวังของเล่อเหยาเหยากลับสูญเปล่า

เห็นเพียงซือมู่หานหลังได้ยินคำพูดของเธอ พลันส่ายหน้าพร้อมเอ่ยว่า

“ซินเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหญิงชั่วผู้นี้ทำสิ่งใดกับเจ้า”

“นางทำอันใดข้าหรือ”

เมื่อเห็นซือมู่หานกัดฟันกรอด และภายในดวงตาหงส์ดูโหดเหี้ยมลึกลับ เล่อเหยาเหยาจึงขมวดคิ้วแน่นขึ้น

ก่อนมองบนพื้น เห็นเหนียนซูหลานใช้สายตาถลึงตามองเธออย่างโกรธแค้น

เห็นเพียงบนใบหน้าเหนียนซูหลาน เวลานี้มีรอยฝ่ามือสีแดงประทับอยู่ แก้มด้านขวาแดงบวมเป่ง

มุมปากถูกตบจนเสียหาย เลือดสีแดงสดนั้นไหลซึมออกมาจากมุมปาก เมื่อรวมเข้ากับสายตาโกรธแค้นของเธอ ดูราวกับวิญญาณพยาบาทที่น่าหวาดกลัวตนหนึ่ง

เมื่อเห็นเหนียนซูหลานเช่นนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงรู้สึกไม่สบายใจ

หรือว่าเธอคิดจะ…

“ใช่ ข้าอยากให้เจ้าตาย!”

เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น ก่อนเล่อเหยาเหยาจะรู้สึกเพียงภายในสมองถูกฟ้าผ่าลงมาจนขาวโพลน

แม้บางครั้งเธอจะไม่ชื่นชอบบางคน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตนจะถูกคนเกลียดชังจนอยากให้ตาย

เพียงเพื่อชายคนเดียว เหนียนซูหลานกลับคิดสังหารเธอ!

สำหรับข้อมูลนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตะลึงไม่หยุด

ส่วนซือมู่หานด้านข้าง เวลานี้เอ่ยขึ้นต่อว่า

“หญิงชั่วผู้นี้ ซื้อตัวมือสังหาร คิดอยากสังหารเจ้า ทว่านางกลับไม่รู้ว่ามือสังหารนั้น คือคนในลัทธินอกรีตของพวกเรา ฮึ ช่างเป็นหญิงที่โง่เขลาจริงๆ!”

“อะไรนะ ลัทธินอกรีตหรือ”

หลังได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เหนียนซูหลานบนพื้นดวงตาพลันเบิกกว้าง ความโอหังที่มีถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก

เพราะเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี แม้จะใจดำอำมหิต แต่สำหรับคำว่าลัทธินอกรีต ยังคงหวาดกลัวอย่างยิ่ง

และเมื่อครู่เหนียนซูหลานยังไม่รู้ว่าถูกผู้ใดจับตัวมา

เดิมทีคิดว่าเป็นพวกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ จนกระทั่งเธอพบกับเล่อเหยาเหยา และได้ยินคำพูดของซือมู่หาน ร่างกายอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

ทว่าหลังตกตะลึง มองซือมู่หานนั่งอยู่ข้างกายเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินชายสองคนเมื่อครู่ที่เอ่ยเรียกเขา ในใจเหนียนซูหลานหวั่นไหว พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงยื่นมือชี้ไปยังเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยอย่างตกตะลึงและชั่วร้ายว่า

“เจ้ามันหญิงชั่วช้า ไม่เพียงล่อลวงพี่อวี๋ เจ้ารู้ชัดว่าพี่อวี๋และลัทธินอกรีตอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ เจ้ากลับอยู่ร่วมกับเจ้าลัทธินอกรีต เจ้าทำเช่นนี้ คิดทำร้ายพี่อวี๋หรือ!”

“ข้า ข้าไม่ได้เป็นเช่นที่เจ้าคิด”

เมื่อถูกเหนียนซูหลายเอ่ยถึงเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาคิดอธิบาย แต่เห็นชัดว่าเหนียนซูหลานไม่คิดฟังคำอธิบายของเธอ ยังคงด่าทอเธอด้วยคำพูดโหดร้ายอยู่ตรงนั้น

“หญิงชั่วช้าเช่นเจ้า ข้าควรสังหารเจ้าด้วยมือตนเอง ก่อนตัดมือและแขนเจ้าออกมา!”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำด่าทอที่โหดเหี้ยมของเหนียนซูหลาน ทำให้เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วมุ่น กลับพลันไม่รู้ควรพูดเช่นไรดี

เพราะไม่ว่าตอนนี้เธอพูดสิ่งใด เหนียนซูหลานก็คงไม่เชื่อเธอ

และคำพูดของเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง

แต่กลับมีบางคนไม่พอใจมากกว่าเธอ

หลังได้ยินเหนียนซูหลานกล่าวหาเล่อเหยาเหยาอย่างโหดร้าย ซือมู่หานขมวดคิ้วมุ่น ทว่าไม่นานก็คลายลง และกล่าวยิ้มๆ ว่า

“ฮ่าๆ ตัดแขนขาออกมาหรือ ฮืม เป็นความคิดที่ไม่เลวจริงๆ”

“หา เจ้าพูดสิ่งใด”

เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เหนียนซูหลานที่กำลังด่าทอเล่อเหยาเหยาอย่างโหดร้ายกลับตะลึงงัน

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกไม่เข้าใจที่จู่ๆ ซือมู่หานหัวเราะออกมา

แต่ทันใดนั้น ซือมู่หานกลับยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เพียงส่งสายตาให้แก่ลูกน้องคนหนึ่ง

ลูกน้องผู้นั้นเข้าใจความหมาย จึงพลันหมุนกายจากไป

จากนั้นได้ยินซือมู่หานเอ่ยว่า

“ซินเอ๋อร์ เจ้าเคยได้ยินเรื่องคนสุกร[1]หรือไม่”

“คนสุกรหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาขนลุกชันไปทั้งตัว

เพราะคำว่าคนสุกรนี้ เธอย่อมเข้าใจ

คนสุกร คือการทรมานที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นสุกร

โดยการตัดมือตัดเท้า ควักลูกตา เอาทองแดงกรอกหูให้หูหนวก กรอกยาใบ้เข้าปาก ตัดลิ้นเป็นต้น

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาสั่นเทิ้มทั่วร่าง ก่อนคิดในใจว่าซือมู่หานคงไม่ใช่อยากให้เหนียนซูหลาน…

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดอย่างหวาดกลัวในใจ เห็นชัดว่าเหนียนซูหลานก็เข้าใจความหมายของคนสุกร

“ไม่ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้!”

หลังรับรู้ถึงความหมายของซือมู่หาน เหนียนซูหลานตกใจจนใบหน้าซีดขาว ส่ายหน้าพร้อมถอยหลังไม่หยุด

เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของเหนียนซูหลาน และเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอล้วงกระบี่ยาวออกมาตามคำสั่งของซือมู่หาน

สายตาเย็นชาโหดเหี้ยมนั้น ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น

หลังสั่นเทิ้ม เล่อเหยาเหยาพลันจับมือของซือมู่หาน ก่อนเอ่ยอย่างตกใจว่า

“ไม่ ขอร้องท่าน ปล่อยนางไปเถิด”

“ซินเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมีเมตตาเช่นนี้ แม้หญิงสาวผู้นี้ต้องการสังหารเจ้า แต่เจ้ากลับยังอ้อนวอนเพื่อนาง”

สำหรับการขอร้องของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ

เล่อเหยาเหยาได้ยิน จึงรู้ว่าเหนียนซูหลานต้องการสังหารเธอ โดยหลักแล้วเธอสามารถไม่อ้อนวอนร้องขอ แต่เพราะเธอไม่หวังให้เธอตายจริงๆ

อาจเพราะต่างเป็นหญิงสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกัน อาจเพราะเธอเพียงรักจนขาดสติ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงหวังให้โอกาสเหนียนซูหลานสักครั้ง

“ขอร้องท่านล่ะ”

“เฮ้อ”

สำหรับการขอร้องของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานเห็นเช่นนั้นรู้สึกจนใจ แต่ว่าสำหรับการอ้อนวอนของเธอนี้ เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นจึงเห็นซือมู่หานเอ่ยปากพลางถอนหายใจออกมา

“ตกลง ตามใจเจ้า”

ขณะที่ซือมู่หานเอ่ยประโยคนี้จบ เหนียนซูหลานที่ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาอ้อนวอนเพื่อเธอ ดวงตากลับหรี่ลง ก่อนกัดฟันกรอดเอ่ยคำรามใส่เล่อเหยาเหยา

“หญิงชั้นต่ำ ไม่ต้องแสร้งทำตัวสงสารข้า เจ้าคิดว่าขอร้องแทนข้า แล้วข้าจะให้อภัยที่เจ้าแย่งพี่อวี๋ของข้าไปหรือ พี่อวี๋เป็นของข้า แต่หญิงต่ำช้าเช่นเจ้ากลับแย่งเขาไป นังหญิงชั้นต่ำ ข้าไม่ให้เจ้าตายดีแน่!”

ครั้งนี้เหนียนซูหลานเสียสติไปแล้ว เพราะความฝันตั้งแต่วัยเยาว์ของเธอคือการแต่งงานกับพี่อวี๋ แต่หลังรอคอยมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้พบกับพี่อวี๋ แต่เพราะการปรากฎตัวของหญิงชั้นต่ำผู้นี้ พี่อวี๋จึงไม่ชายตามองเธอแม้หางตา จะไม่ให้เธอเกลียดชังได้เช่นไร!

ดังนั้นตอนนี้แม้เธอต้องการรอด เธอยังต้องพูดความเกลียดชังในใจด่าทอออกมา

และครั้งนี้ เหนียนซูหลานด่าทออย่างไม่น่าฟังยิ่งนัก

ซือมู่หานที่คิดปล่อยเธอไปเมื่อได้ยิน อดหรี่ตาหงส์ลงไม่ได้ แววตาปรากฎความเลือดเย็นออกมา

ก่อนยกมุมปากยิ้มอย่างโหดเหี้ยมออกมา

“เจ้าเป็นคนแส่หาเรื่องเอง เด็กๆ เข้ามา”

หลังเสียงเย็นชาของซือมู่หาน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเหนียนซูหลาน ชักกระบี่ยาวออกจากฟัก ก่อนฟันลงไปที่ตัวของเหนียนซูหลาน

เหนียนซูหลานเห็นเช่นนั้น ไม่ได้คิดรอให้คนมาสังหารเธออย่างโง่งม จึงพุ่งตัวออกไปด้านนอกทันที

แต่เหนียนซูหลานเพิ่งพุ่งออกไปที่ประตูได้เพียงก้าวเดียว เงาร่างสีแดงพลันปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ

“ฮ่า ๆ คิดหนีไป คงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น”

เสียงไพเราะของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น ก่อนตามมาด้วยความเย็นชาสาดส่องทั่วทิศ

เล่อเหยาเหยาที่นั่งอยู่ด้านใน ความจริงยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เพราะได้ยินเพียงเสียงร้องน่าอนาถใจที่รุนแรงพลันดังขึ้นที่ด้านนอก จึงรีบร้อนออกไปดู

ไม่เห็นคงดีเสียกว่า เพราะเมื่อมองเห็นเหนียนซูหลานที่มีแขนขาไม่ครบสมบูรณ์ ตอนนี้ล้มอยู่กลางกองเลือด

แขนขาของเธอถูกตัดออกมาแล้ว

หญิงสาวชุดแดงที่ยืนอยู่กลางกองเลือด ในมือยังถือกระบี่ยาวเปื้อนเลือดเอาไว้ ก่อนยิ้มอย่างอ่อนช้อย

“เจ้าลัทธิ หลัวชางทำดีหรือไม่”

เสียงอันอ่อนช้อยดังออกมาจากปากของหงหลัวชาง

เห็นเพียงหญิงสาวตรงหน้า รูปโฉมงดงามเย้ายวนใจ จนสุดจะเปรียบ

แต่กระบี่ยาวในมือของหญิงสาว และเหนียนซูหลานที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้น ทำให้เธอดุจพญายมที่เดินขึ้นมาจากขุมนรก ทำให้คนที่เห็นต่างขนลุกชัน

เมื่อได้ยินคำพูดของหงหลัวชาง ซือมู่หานยิ้มอย่างชื่นชม

“เยี่ยม ทำได้ไม่เลว”

เสียงแฝงความชื่นชม คล้ายกับเจ้านายที่เอ่ยชื่นชมบริวาร แต่ภาพนี้ในสายตาของเล่อเหยาเหยา กลับทำให้เธอขนลุกชัน ร่างกายคล้ายตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งที่มิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้

ใบหน้านั้นพลันซีดขาว

เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานที่กำลังชื่นชมหงหลัวชางอยู่พลันใบหน้ายับย่น ก่อนเอ่ยอย่างกังวล ก่อนคิดเข้าไปประคองเล่อเหยาเหยาที่ร่างกายโอนเอียง

แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสเสื้อของเล่อเหยาเหยา กลับเห็นเล่อเหยาเหยาที่ตกใจมึนงงเป็นไก่ตาแตก คล้ายได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างหนัก กรีดร้องตีโพยตีพายขึ้นมา

“ท่านอย่าแตะต้องข้า”

“ซินเอ๋อร์”

สำหรับเสียงกรีดร้องของเล่อเหยาเหยา ทำให้มือที่ยื่นออกไปของซือมู่หานชะงักค้าง ใบหน้าตะลึงงัน เห็นชัดว่าทำอะไรไม่ถูก

ตรงข้ามกลับซือมู่หานที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ สายตาที่เล่อเหยาเหยามองเขา กลับราวพบเจอปีศาจ เดินถอยหลังไปไม่หยุด

“อย่ามาใกล้ข้า ท่านเป็นปีศาจ ท่านเป็นปีศาจ!”

“ไม่ ซินเอ๋อร์ ข้าไม่ใช่…”

ซือมู่หานยังอยากอธิบาย แต่เล่อเหยาเหยากลับปิดตาลง ก่อนหมดสติไปเพราะได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง

กลางหิมะขาวโพลน พื้นปกคลุมด้วยน้ำแข็ง มีกลุ่มคนและม้ากำลังมุ่งหน้าขึ้นสู่เขาเทพธิดา

และชายที่เป็นผู้นำนั้น แต่งกายด้วยชุดสีดำ ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำ ทำให้เขายิ่งดูดุดันมากขึ้น

ความดุดันน่าเกรงขามที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนั้น ทำให้เขายิ่งดูไม่ธรรมดา

ทว่าบนใบหน้าเด็ดเดี่ยวเย็นชานั้น คิ้วกระบี่กลับขมวดแน่น เต็มไปด้วยความกังวลใจ

ส่วนซิงและเหม่ยที่ตามติดอยู่ด้านหลังชายชุดดำ เมื่อเห็นเช่นนั้นอดเอ่ยปลอบใจไม่ได้ว่า

“ท่านอ๋อง เมื่อรู้แหล่งกบดานของลัทธินอกรีตแล้ว ครั้งนี้พวกเราต้องช่วยพระชายาออกมาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เหม่ยเอ่ยปากขึ้น และซิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมาทันที

“ถูกต้อง ท่านอ๋องอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหม่ยและซิง เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ชั่วขณะ และไม่พูดจา

ดวงตาเย็นชาแคบยาวลึกล้ำคู่นั้น เงยขึ้นก่อนมองไปยังยอดเขาสูง ขาวโพลนด้วยหิมะ

สายลมเย็นพัดผ่าน จนชายเสื้อปลิวไสว เส้นผมดำขลับพริ้วไหวอยู่ด้านหลังของเขา ทำให้เขาดูเย็นชามากขึ้น

…………………………………………………………………………………..

[1] คนสุกร (人彘) คือ บทลงโทษในการประหารขุนนางเก่าในราชวงศ์ฮั่น โดยจะทำการตัดมือ ตัดเท้า ควักลูกตา เอาทองแดงกรอกหูให้หูหนวก กรอกยาใบ้เข้าปาก ตัดลิ้น ทำลายเส้นเสียง ลากตัวไปไว้ในสุขา หรือบางรายอาจจะตัดจมูก โกนหัว โกนขนคิ้วและทายาประเภทที่ขนไม่งอกอีกต่อไป

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท