สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 190 เจ้าต้องการ หรือไม่ต้องการ (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ตอนที่ 190 เจ้าต้องการ หรือไม่ต้องการ (1) (รีไรท์)

หลังจากเจ้าลัทธิและหัวหน้าหลายคนในลัทธินอกรีตถูกกำจัดทั้งหมด เหล่าบริวารที่เหลือ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ส่งคนไปกำจัดจนหมดสิ้น

ลันทธินอกรีตที่เคยทำให้คนหวาดผวา ในที่สุดก็กลายเป็นเพียงอดีต

จนกระทั่งหลังผ่านไปนาน แคว้นเทียนหยวนต่างเอ่ยเล่าเรื่องนี้กันอย่างสนุกหลังมื้ออาหารและยามว่าง

ต่างชื่นชมรุ่ยอ๋องของพวกเขาที่ปราดเปรื่องกล้าหาญ วรยุทธ์ล้ำเลิศ กำจัดภัยเพื่อราษฎร เป็นวีรบุรุษแห่งแคว้นเทียนหยวน!

ดังนั้นตั้งแต่นั้นมา รุ่ยอ๋องไม่ใช่พญายมที่ทุกคนได้ยินต่างหวาดกลัวอีกแล้ว แต่กลายเป็นเทพเซียนที่เหล่าราษฎรต่างรักเคารพ ดังนั้นเหล่าบุรุษต่างอิจฉาศัรทธาในความกล้าหาญ และเป็นยอดบุรุษในฝันของหญิงสาวทุกคน!

และเหล่าขุนนางจำนวนไม่น้อยที่หากภายในตระกูลมีบุตรสาวหรือหลานสาว ต่างพากันส่งไปที่วังรุ่ยอ๋อง หากได้เป็นเพียงหนึ่งในชายาหรืออนุภรรยาล้วนพออกพอใจ

แต่หญิงสาวทั้งหมดที่พวกเขาส่งไป ต่างถูกคนในวังรุ่ยอ๋องส่งกลับมา

แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้คือคำบอกเล่าในภายหลัง!

เวลานี้เพราะเรื่องการกำจัดลัทธินอกรีต เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ได้รับบาดเจ็บ จึงกลับมาพักผ่อนที่วังรุ่ยอ๋อง

หลังได้รับการรักษาจากตงฟางไป๋ ต้องพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือน จึงจะกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม

ดังนั้น เรื่องการอภิเษกระหว่างเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยา จึงต้องเลื่อนออกไปเพราะเหตุนี้

แม้จะเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยากลับไม่ได้ไม่พอใจ เพราะการอภิเษกเป็นเพียงเรื่องของพิธีการ เพียงเธอสามารถอยู่ร่วมกับคนรักได้ สำหรับเธอเพียงพอแล้ว

เพราะเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ดังนั้นช่วงที่กลับมาอยู่ในวังรุ่ยอ๋อง เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงไม่ต้องเข้าวังหลวง ส่วนเล่อเหยาเหยาคอยดูแลอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา

ทุกวันพวกเขาต่างหลับใหลด้วยกัน โอบกอดกันตื่นนอน เมื่อลืมตาสิ่งแรกที่เห็นคืออีกฝ่าย

ล้างหน้าบ้วนปากด้วยกัน ทานอาหารด้วยกัน เดินหย่อนใจชมดอกไม้วิวทิวทัศน์ด้วยกัน หรือเชิญคณะงิ้วเข้ามาในวังอ๋อง เพื่อทำการแสดง หรือทั้งสองคนนั่งอยู่ในเรือนจิบชา อ่านหนังสือ และเล่นหมากรุก

เพราะหลังผ่านเรื่องลัทธินอกรีตครั้งนี้มา เล่อเหยาเหยาพบว่าส่วนใหญ่ เมื่อตกอยู่ในอันตราย ตนช่างไร้ความสามารถอย่างมาก กระทั่งไม่สามารถปกป้องตนเองได้

ดังนั้นจึงตัดสินใจฝึกฝนวรยุทธ์!

ต่อมาเธอจึงบอกกล่าวเรื่องนี้แก่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทว่ากลับถูกเขาปฏิเสธ

“เจ้ามีเปิ่นหวางอยู่ทั้งคน ไม่จำเป็นต้องฝึกวรยุทธ์”

น้ำเสียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋หนักแน่นอย่างยิ่ง เล่อเหยาเหยาหลังได้ฟังกลับไม่เห็นด้วย

“ไม่ ข้าจะฝึกวรยุทธ์ ข้าต้องฝึก อวี๋หลังผ่านเรื่องมามากมาย ข้าคิดว่าตนช่างไร้ประโยชน์ ส่วนใหญ่ข้ากระทั่งตนเองก็ปกป้องไม่ได้ ทุกครั้งล้วนเป็นหน้าที่ของพวกท่าน ข้ารู้สึกว่าตนไม่มีประโยชน์จริงๆ วันหน้าข้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ข้ายังจะเป็นมารดา หากกระทั่งตนเองล้วนปกป้องไม่ได้ จะปกป้องลูกตนเองได้เช่นไร!”

เล่อเหยาเหยาวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล

และเรื่องฝึกวรยุทธ์นี้ ความจริงเธอตั้งใจมานานแล้ว ทว่ากลับไม่มีโอกาสมาโดยตลอด

แต่เวลานี้หลังผ่านเรื่องลัทธินอกรีตนี้ เล่อเหยาเหยายิ่งจริงจังเรื่องตัดสินใจฝึกวรยุทธ์นี้มากขึ้น

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ขมวดคิ้วงามมุ่น ก่อนเอ่ยปากอย่างจนใจว่า

“เปิ่นหวางไม่ได้ห้ามเจ้าฝึกวรยุทธ์ แต่ร่างกายของเจ้าเดิมทีไม่เหมาะกับการฝีกวรยุทธ์ รวมทั้งตอนนี้เจ้ายังตั้งครรภ์ จะฝึกวรยุทธ์ได้อย่างไร!”

“เช่นนั้นรอให้คลอดเสียก่อน อวี๋ท่านสอนวรยุทธ์ให้ข้าได้หรือไม่ ดีหรือไม่!”

เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ยินยอมให้ตนฝึกวรยุทธ์ เล่อเหยาเหยาจึงจำต้องใช้อุบายออดอ้อนเช่นนี้

เพราะเธอรู้ เพียงเธอออดอ้อน ไม่ว่าเรื่องใดอวี๋ต้องตามใจเธอ

ดังเช่นตอนนี้ เห็นเพียงสองมือของเล่อเหยาเหยาโอบกอดเอวคอดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นั้นไว้ ใบหน้าเล็กยกขึ้นสบใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม ยื่นริมฝีปากแดงออกมาเล็กน้อย เพื่อออดอ้อนไม่หยุด

น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยการอ้อนวอนออดอ้อน ทำให้คนฟังต่างอ่อนระทวย

เมื่อก้มมองใบหน้าละมุน งดงามดุจบุปผา สวยงามดุจพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงในอ้อมกอด ไม่เพียงบุรุษ เกรงว่ากระทั่งนักบวชได้เห็นต่างหวั่นไหว

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเขาที่รักเธอสุดหัวใจผู้นี้

เมื่อในใจต้านทานการอ้อนวอนของเล่อเหยาเหยาไม่ไหว เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงยิ้มอย่างจนใจออกมา แต่ดวงตาเย็นชาที่มองเล่อเหยาเหยา กลับเปี่ยมไปด้วยความจนใจเช่นกัน

“เจ้านี่นะ!”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ขณะเอ่ยพูดกับเล่อเหยาเหยา ไม่ได้โมโหแม้แต่นิดเดียว

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น รู้ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตกลง จึงหัวเราะอย่างดีใจออกมา

“ฮ่า ๆ ข้ารู้ว่าท่านรักข้าที่สุด!”

“ฮ่า ๆ ตอนนี้เปิ่นหวางรับปากจะสอนวรยุทธ์ให้เจ้า แต่ตอนนี้เจ้าต้องดูแลตัวเองและลูกให้ดีก่อน เข้าใจหรือไม่”

“อืม อวี๋ข้ารู้แล้ว ข้าจะดูแลตนเองให้ดี จากนั้นคลอดเด็กตัวขาวอวบอ้วนออกมา”

เล่อเหยาเหยารับปากพลางหัวเราะ

มือขาวผ่องคู่นั้น ขณะที่พูดพลางลูบไล้หน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นอย่างชัดเจนของตน

พักนี้ทานได้เยอะ หน้าท้องจึงเริ่มใหญ่อย่างเห็นได้ชัด

เพียงนึกถึงอีกไม่กี่เดือน จะได้พบหน้าเด็กน้อยภายในท้องของตน ในใจเล่อเหยาเหยาเฝ้าคอยและตื่นเต้นยิ่งนัก

ไม่รู้เด็กผู้นี้จะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ไม่รู้เขา (เธอ) จะหน้าตาเหมือนเธอหรืออวี๋!

ยิ่งคิด ใบหน้าเล่อเหยาเหยาเต็มไปด้วยแสงอ่อนโยนของความเป็นมารดา

แต่เธอกลับไม่รู้ตัวว่าตนเองเวลานี้ ช่างดูงดงามสะดุดตายิ่งนัก!

จนเหลิ่งจวิ้นอวี๋มองอย่างตกตะลึง!

หรี่ดวงตาเย็นชาลง ภายในแววตาเต็มไปด้วยความร้อนแรงและไฟปรารถนา

เล่อเหยาเหยาที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับเด็กน้อยบนกาย ค่อยๆ รับรู้ถึงความผิดปกติของชายหนุ่ม

จึงเงยดวงตาคู่งามชุ่มฉ่ำขึ้น เมื่อสบกับดวงตาเย็นชาแฝงความร้อนแรงด้วยไฟปรารถนาของชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มอดร้อนผ่าวไม่ได้

สองมือที่ลูบไล้หน้าท้อง ค่อยๆ เปลี่ยนมาพันกันแน่น จากนั้นเอ่ยพลางหัวเราะ

“เอ่อ คือว่าอวี๋ ข้ายังมีธุระ ขอ…”

“คิดจะหนีหรือ คงไม่ง่ายเช่นนั้น!”

ก่อนยืนมือรวบตัวคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยกมุมปากขึ้น ก่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หรี่ดวงตาเย็นชาลง จับตรึงเล่อเหยาเหยาเอาไว้

“เอ่อ”

เมื่อร่างกายถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋รัดไว้แน่น การคิดหนีจึงเป็นไปไม่ได้

ใบหน้าเล่อเหยาเหยาจึงยิ่งแดงก่ำ ดวงตาคู่งามที่มองเหลิ่งจวิ้นอวี๋แฝงด้วยความแง่งอนหลายส่วน

“อวี๋ เวลานี้เป็นช่วงกลางวัน”

และตอนนี้พวกเขายังอยู่ในศาลาพักร้อน หากถูกคนเห็นเข้าจะน่าอายมากเพียงใด!

ตรงข้ามกับความโกรธเคืองและเขินอายของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับหัวเราะเสียงใส ก่อนยื่นมือหยิกแก้มที่นุ่มกว่าทารกของเล่อเหยาเหยา พลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า

“กลางวันแล้วอย่างไรหรือ พวกเราไม่ใช่ไม่เคยทำเรื่องพวกนั้นตอนกลางวันเสียทีเดียว!”

“ท่าน ท่านอย่าพูดเสียงดังสิ หากใครได้ยินเข้าจะดูไม่ดี!”

เมื่อได้ยินเสียงใสของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาพลันยื่นมือปิดปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋แน่น

ในใจทั้งเขินอายทั้งหงุดหงิด แววตาแฝงไปด้วยความโกรธ สองแก้มแดงก่ำ เล่อเหยาเหยาเป็นเช่นนี้ กระทั่งตนเองไม่รู้ตัวว่าตนน่าหลงใหลมากเพียงใด!

ดวงตาคู่งามเปียกชุ่ม คล้ายกระต่ายน้อยที่กำลังโมโหและเขินอายตัวหนึ่ง ทำให้คนที่เห็นต่างระงับความดุร้ายไม่อยู่!

เหลิงจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น รู้สึกอารมณ์ดีอย่างยิ่ง กระทั่งดวงตาเย็นชายังแฝงไปด้วยรอยยิ้ม

ก่อนยื่นปากกัดบนฝ่ามืออ่อนนุ่มของเล่อเหยาเหยา ขณะเล่อเหยาเหยาตกใจจนชักมือกลับ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงโน้มตัวอย่างช้าๆ ใบหน้าค่อยๆ แนบชิดหลังใบหูแดงก่ำของเล่อเหยาเหยา เผยอริมฝีปากแดงพลางเอ่ยขึ้นว่า

“เช่นนั้น หากเจ้าเขินอาย พวกเราก็…”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจหยุดชะงักไม่พูดจาต่อ

และน้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของเขา คล้ายแฝงไปด้วยความน่าหลงใหลและเสน่ห์

เมื่อได้ฟังภายในใจของเล่อเหยาเหยา ดุจมีแมวตัวน้อยกำลังข่วนจนคันยุบยิบ

ความแง่งอนเขินอายที่มีค่อยๆ หายไป ก่อนจะปรากฎความประหลาดใจขึ้นมา

หลังกระพริบตาอย่างแปลกใจ เล่อเหยาเหยาเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า

“แล้วเช่นไร!”

เล่อเหยาเหยาเพิ่งเอ่ยปาก เห็นภายในแววตาเย็นชาเหลิ่งจวิ้นอวี๋แวบเป็นประกายขึ้นมา จึงรู้ว่าตนหลงกลแล้ว แต่ยังไม่ทันตั้งตัว เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงแน่นที่เอว ก่อนร่างกายพลันถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋อุ้มขึ้นดุจเจ้าหญิง

“อา อวี๋”

“ฮ่า ๆ พวกเรากลับห้องไปจัดการธุระกันเถิด!”

สำหรับความตกใจของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยพลางหัวเราะออกมา

เพราะหัวเราะอย่างหนัก ดังนั้นหน้าอกเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงกระเพื่อม เล่อเหยาเหยาที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมกอดเขา เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์เย้าแหย่ของเขา ใบหน้าทั้งเขินอายและโมโห

ดังนั้นจึงดิ้นอย่างอึดอัด

“อวี๋ ท่านร้ายกาจนัก ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้ ข้าไม่กลับห้อง!”

“โอ้ เจ้าไม่อยากกลับห้อง หมายความว่าอยากอยู่ที่นี่ จัดการธุระของพวกเราหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋จงใจบิดเบือนความหมายของเธอ ดวงตาเย็นชาคู่งามโค้งขึ้น แววตาแฝงด้วยรอยยิ้มและการเย้าแหย่

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท