สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 192 ท่านอ๋องเขา…ตกเหวตาย (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

แคว้นต้าเซี่ยสงบร่มเย็น มั่งคั่งรุ่งเรือง พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ใกล้เคียงกับเทียนหยวน

แต่ไหนแต่ไรมาต้าเซี่ยและเทียนหยวนต่างร่วมมือกันอย่างกลมเกลียว ไม่รุกล้ำซึ่งกันและกัน

ในอดีตทั้งสองแคว้นมีองค์หญิงองค์ชายอภิเษกกันจำนวนไม่น้อย ดังนั้นหากจะเอ่ยว่าต้าเซี่ยและเทียนหยวนคือครอบครัวใหญ่ จึงไม่น่าแปลกใจ

และองค์ชายเจ็ดแห่งต้าเซี่ยและรุ่ยอ๋องแห่งเทียนหยวนคือศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ความสัมพันธ์ทั้งสองคนค่อนข้างแน่นแฟ้น เรื่องนี้ทุกคนต่างรับรู้

เวลานี้ขบวนรถม้าหรูหราของพวกเล่อเหยาเหยาที่เดินทางเข้าวังหลวงของต้าเซี่ย กำลังเคลื่อนผ่านถนนใหญ่ในเมืองหลวงต้าเซี่ยอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความแปลกตาแปลกใจและอิจฉาของชาวเมือง

เมื่อเที่ยงวัน ในที่สุดพวกเล่อเหยาเหยาก็มาถึงประตูหน้าวังหลวงของต้าเซี่ย

เวลานั้นมีเหล่าขันทีและองครักษ์รอต้อนรับอยู่ตรงนั้นแล้ว

สำหรับแคว้นต้าเซี่ย เล่อเหยาเหยารู้สึกไม่คุ้นชิน

ระหว่างเดินทาง เล่อเหยาเหยาเลิกผ้าม่านบนรถม้าออก เพื่อเก็บภาพทิวทัศน์ระหว่างเดินทางทั้งหมด

รู้สึกเพียงแคว้นต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรือง จึงมีเรื่องคดีความและคนยากจนค่อนข้างน้อย ระหว่างทางมีการลาดตระเวนของทหาร ทำให้การบริหารจัดการของแคว้นต้าเซี่ยเป็นระเบียบเรียบร้อย

จากสิ่งเหล่านี้เพียงพอให้เห็นว่าแคว้นต้าเซี่ยมีฮ่องเต้ผู้ทรงปรีชาสามารถ!

ไม่รู้ฮ่องเต้พระองค์นี้ จะทรงเป็นคนเช่นไรกันแน่

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ พวกเธอก็ผ่านประตูวังหลวงสีแดงนั้นเข้ามาแล้ว ก่อนมุ่งสู่ตำหนักใน

หลังมาถึงตำหนักใน เล่อเหยาเหยาไม่คิดมากเรื่องอื่น เพราะสายตาถูกทิวทัศน์สวยงามรอบด้านดึงดูดไป

เห็นเพียงอาคารในวังหลวงของต้าเซี่ยโอ่อ่าตระการตา โดดเด่นยิ่งใหญ่

ทุกทิศภายในกำแพงอิฐสูงใหญ่นั้นถูกห้อมล้อมไว้อย่างแน่นหนาด้วยตำหนักหรูหรามากมาย

กำแพงสูงสีแดงนั้น กลางแสงอาทิตย์เจิดจ้า กระเบื้องเคลือบเป็นประกายสีทองจับตา ทำให้ทั่ววังหลวงเรืองรองยิ่งใหญ่มากขึ้น

พระราชวังอันเรืองรองเฉิดฉาย ตึกอาคารโอ่อ่าตระการตา ระเบียงตำหนัก สูงต่ำปะปนกัน เรียงรายเป็นชั้นๆ สุดลูกหูลูกตา

ด้านบนตำหนักปูด้วยกระเบื้องเคลือบ ตัดขอบด้วยกระเบื้องสีเขียว ชายคาโค้งกำแพงหยก สูงส่งเทียมฟ้า

บันไดหินอ่อนสีขาว ระเบียงเชื่อมต่อถึงกันรอบทิศ

ประตูหน้าต่างแกะสลักงดงาม ทางเดินสลับซับซ้อน ภูเขาจำลองน้ำตก ทุกทิวทัศน์ต่างสง่างามน่ามอง ไม่สูญเสียความหรูหราน่าเกรงขาม

และเหล่าองครักษ์ในวังนั้น หนึ่งคนทุกหนึ่งก้าว หนึ่งกองทุกสิบก้าว สวมเกราะเหล็กถือง้าวยาวในมือ!

ระหว่างนั้นมีขันทีนางกำนัลสวมชุดวังหลวงเดินสวนกันไปมา ด้วยท่าทางมีมารยาท

เมื่อมองทิวทัศน์ของวังหลวงต้าเซี่ยอย่างเงียบๆ เล่อเหยาเหยาไม่รู้สึกแปลกตา อาจเพราะเป็นสถานที่ที่ร่างนี้ใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นจึงให้ความรู้สึกคุ้นเคย คล้ายความรู้สึกกลับมาถึงบ้านของตน

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ สุดท้ายภายใต้การนำทางของขันที คณะของพวกเธอก็มาถึง ‘ตำหนักเฟิ่งเฉา’ ที่พำนักของฮองเฮาแคว้นต้าเซี่ย

ระหว่างเดินทางมาที่แคว้นต้าเซี่ย พวกเซี่ยผิงสองพี่น้องเล่าให้เธอฟังว่า ตำหนักเฟิ่งเฉาคือสถานที่พำนักของฮองเฮาในอดีต

เมื่อทอดสายตาออกไป เห็นเพียงภายในตำหนักเฟิ่งเฉาปูด้วยหินหยกขาว เป็นตำหนักที่โดดเด่นที่ไม่สูญเสียความหรูหรา และน่าเกรงขาม

ภายในมีภูเขาจำลองน้ำตก ทางเดินสลับซับซ้อน จัดสรรอย่างลงตัว

ทว่าสิ่งที่ทำให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจที่สุดคือ ภายในตำหนักเฟิ่งเฉากลับปลูกดอกคามิลเลียผืนใหญ่ไว้

เห็นเพียงดอกคามิลเลียพวกนี้มีหลากหลายสายพันธุ์ ชูช่อสะพรั่ง ใบเชียวชอุ่มมันวาว รูปทรงสีสันงดงาม

สีสันก็หลากหลายทั้งสีแดง สีม่วง สีขาว และสีเหลือง สวยสดงดงาม ทำให้คนมองตื่นตาตื่นใจ สวยเกินคำบรรยาย!

เมื่อเห็นดอกคามิลเลียที่กำลังชูช่ออวดความงามเหล่านี้ เล่อเหยาเหยาอดรู้สึกคุ้นชินอย่างอธิบายไม่ได้ขึ้นมา

เพราะดอกคามิลเลียเป็นดอกไม้ที่มารดาเธอชอบที่สุด

จำได้ว่าสวนดอกไม้หลังบ้านของพวกเธอ ต่างเต็มไปด้วยดอกคามิลเลียที่มารดาชื่นชอบ

และมีหลากหลายสายพันธุ์ไม่แพ้ที่นี่ เพราะมารดาของเธอชอบดอกคามิลเลียจนถือว่าลุ่มหลง ส่วนใหญ่เมื่อมารดาเธอไปต่างประเทศ เพราะต้องตาดอกคามิลเลียของแต่ละประเทศ จึงนำเข้ามาปลูก

ดังนั้นบิดาของเธอจึงมักเอ่ยเย้าแหย่ว่า มารดาเธอรักดอกคามิลเลีย มากกว่ารักเขา คล้ายแฝงด้วยความหึงหวง

พอนึกถึงบิดาที่หึงหวงดอกคามิลเลีย เล่อเหยาเหยารู้สึกน่าขันและคิดถึง

และความเสียใจก็ทะลักขึ้นมาในใจ

เพราะเธอได้มาอยู่ในยุคที่แปลกตานี้แล้ว ไม่สามารถกลับไปได้อีก

ไม่รู้ว่าบิดาและมารดาของเธอจะเป็นเช่นไร จะเสียใจเพราะการเสียชีวิตของเธอหรือไม่

และหลูลู่ที่เข้าไปอยู่ในร่างเธอ จะกตัญญูต่อบิดามารดาของเธอหรือไม่!

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ อดหยุดอยู่ข้างดอกคามิลเลียไม่ได้

จากนั้นยื่นมือมือเรียวออกไป ก่อนลูบไล้บนดอกคามิลเลียสีแดงที่ชูช่ออวดโฉมอย่างช้าๆ

ก่อนโน้มตัวสูดดมกลิ่นดอกคามิลเลียนั้นเบาๆ

เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายทั่วจมูก ทำให้อารมณ์เล่อเหยาเหยาอดเบิกบานขึ้นมาไม่ได้

ทันใดนั้น เสียงนุ่มนวลแฝงตื่นเต้นพลันดังขึ้น ทำให้เล่อเหยาเหยาดุจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง หัวใจหลังได้ยินเสียงตื่นเต้นนั้น คล้ายเต้นระรัว

เหตุผลไม่มีสิ่งใดอื่น เพราะเสียงตื่นเต้นคุ้นหูเช่นนี้ เธอได้ยินมากว่าสิบแปดปี นั่นคือเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่คุ้นชินของมารดาเธอ

เล่อเหยาเหยาหลังตกตะลึง ร่างกายดุจเครื่องจักรหมุนตัวกลับไปอย่างช้าๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้น

จมูกอดแสบร้อน ดวงตาพลันเอ่อคลอด้วยน้ำตาแวววาวไม่ได้

หลังไอหมอกพร่ามัวปกคลุมทั่วดวงตาของเธอ ในที่สุดน้ำตาไหลรินลงมา

“แม่ แม่!”

ริมฝีปากเล่อเหยาเหยาสั่นเทาครู่หนึ่ง ก่อนพึมพำตกใจอย่างไม่เชื่อสายตา

ขณะที่เธอตกตะลึง หญิงที่แต่งตัวหรูหรารูปโฉมคล้ายกับมารดาเธอราวคนเดียวกันนั้น ถูกประคองด้วยนางกำนัลสองคนอย่างตื่นเต้นสุดขีดรีบร้อนตรงมาที่เธอ

เวลานี้เล่อเหยาเหยาได้ยินนางกำนัลสองคนที่ประคองหญิงผู้นั้นร้องอย่างตกใจไม่หยุด

“ฮองเฮาทรงระวังเพคะ อย่าเดินเร็ว ระวังล้มนะเพคะ”

แต่หญิงผู้นั้นจะฟังคำพูดของพวกเธอเช่นไร เดินอย่างรวดเร็วเข้ามา

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาจึงพลันได้สติ สองเท้าพลันเดินไปข้างหน้า มุ่งสู่ทิศทางที่หญิงแต่งตัวหรูหรานั้นรีบร้อนเข้ามา

“แม่ ไม่ เสด็จแม่ เสด็จแม่เพคะ!”

เล่อเหยาเหยาได้สติ ตื่นเต้นตกใจอย่างหนัก พลันโผเข้าสู่อ้อมกอดของหญิงผู้นั้น

ก่อนได้กลิ่นหอมของดอกคามิลเลียอันคุ้นเคย สนิทสนม ดังกลิ่นของมารดา

ขณะเล่อเหยาเหยาตื่นเต้นดีใจ หญิงผู้นั้นก็คือฮองเฮาแห่งต้าเซี่ย ทรงหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติกอดเล่อเหยาเหยาแน่น ดุจกลัวเล่อเหยาเหยาจะหายตัวไปอีกครั้ง

น้ำเสียงนั้นดูตื่นเต้นดีใจแฝงด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

“เด็กน้อยคนนี้ ทำให้ข้ากังวลใจยิ่งนัก หลายเดือนมานี้เจ้าไปอยู่ใด ตั้งแต่เด็กเจ้าไม่เคยห่างกายข้าแม้แต่วันเดียว ครั้งนี้กลับกล้าออกจากวังหลวง เจ้าคิดทำให้ข้าเสียใจหรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮองเฮาแห่งต้าเซี่ย เล่อเหยาเหยารู้สึกเสียใจและละอายใจ

แม้คนที่ออกจากวังหลวงจะไม่ใช่เธอ แต่ตอนนี้เมื่อเธอเข้ามาอยู่ในร่างของหลูลู่ ย่อมต้องรับผิดชอบต่อความผิดที่เธอก่อขึ้น

แต่เล่อเหยาเหยาทราบดี ฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยไม่ได้กล่าวโทษเธอจริงๆ ดังนั้นจึงสูดจมูก เอ่ยพลางร้องไห้ขึ้นว่า

“ขออภัยเพคะ ที่ทรงทำให้เสด็จแม่ต้องกังวล ลูกอตัญญูนัก”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างจริงใจ

และที่เธอเรียกฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนหลูลู่ก็เรียกพระนางเช่นนี้

เพราะฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยได้ปฏิบัติต่อหลูลู่ดุจธิดาแท้ๆ ของตน รวมทั้งอยากให้หลูลู่อภิเษกกับพระโอรสของตนเมื่อเติบใหญ่ขึ้น การเรียกเสด็จแม่เช่นนี้จึงเป็นเรื่องช้าเร็วต้องเกิดขึ้น ดังนั้นหลูลู่จึงเปลี่ยนไปเรียกฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยว่าเสด็จแม่

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยร้องไห้อย่างหนัก

น้ำตานั้นไหลรินลงมาดุจไข่มุกที่หลุดร่วงจากสร้อยคอที่ขาดสะบั้น พลันเปียกไปทั่วไหล่ของเล่อเหยาเหยา

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นกอดฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยแน่น ราวกับเธอคือมารดาแท้ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดของตน เพื่อระบายความเสียใจ ความคิดทุกอย่างในใจของตนออกมา

“เสด็จแม่ ลูกคิดถึงท่านยิ่งนัก คิดถึงมากจริงๆ”

“เด็กน้อยของข้า ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน ต่อไปห้ามทำเรื่องเช่นนี้อีก รู้หรือไม่!”

“เพคะ ลูกเข้าใจแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮองเฮาแห่งต้าเซี่ย เล่อเหยาเหยาพยักหน้าพร้อมเอ่ยรับปาก

เห็นเช่นนั้นฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยจึงพยักหน้าอย่างพอใจวางใจ พลันยื่นผ้าเช็ดหน้าออกไปซับน้ำตาให้เล่อเหยาเหยา

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ก็พลันยื่นผ้าเช็ดหน้าในมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยเช่นกัน

แต่ทันใดนั้นพลันมีเสียงลากยาวดังขึ้นมา

“ฮ่องเต้เสด็จ”

หลังได้ยินเสียงนั้น ทุกคนต่างหันกลับไปมองยังที่มาของเสียง

เห็นเพียงเงาร่างสีทองอร่าม กำลังก้าวเดินมุ่งตรงมาทางนี้

ทุกคนเห็นเช่นนั้นต่างคุกเข่าคำนับอยู่บนพื้น

สายตาของเล่อเหยาเหยาหมุนไปที่เงาร่างสีเหลืองนั้น เมื่อเห็นท่าทางของชายวัยกลางคนที่กำลังรีบร้อนมาทางนี้ ร่างกายพลันดุจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ อีกครั้ง จนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

เสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้น พร้อมเล่อเหยาเหยาที่รู้สึกเพียงสมองพลันขาวโพลน

ใบหน้าเหลือเชื่อ ดวงตาเบิกกว้าง มุมปากที่เวลาผ่านไปยิ่งอ้ากว้างมากขึ้น สุดท้ายยิ้มแย้มอย่างดีใจดุจเสียสติ ก่อนอดพุ่งไปที่เงาร่างสีเหลืองนั้นไม่ได้

“บิดา บิดา ฮือๆ เป็นท่าน เป็นท่านจริงๆ”

“เอ่อ”

เมื่อถูกเล่อเหยาเหยาโผเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ดังนั้นเพียงถอยหลังไปส่วนหนึ่ง ก่อนยืนอย่างมั่นคง

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาที่กำลังโผเข้ามาสู่อ้อมกอดตนร้องห่มร้องไห้ บนใบหน้าอวบอ้วนนั้นปรากฎรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนเอ่ยอย่างรักใคร่

“เด็กน้อย ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้าและเสด็จแม่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน!”

เช่นเดียวกันกับฮองเฮาแห่งต้าเซี่ย ฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยตั้งแต่เด็กเป็นคนรักบ้านรวมทั้งอีกา[1]ดังนั้นจึงรักเอ็นดูหลูลู่ยิ่งกว่าเหล่าองค์หญิงบุตรของพระสนมของพระองค์

ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็น ‘หลูลู่’ ของพระองค์กลับมา จึงย่อมเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง

รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าไม่เคยเลือนหายไป

เวลานี้ เล่อเหยาเหยาเพียงกอดชายวัยกลางคนตรงหน้าแน่น พร้อมร้องห่มร้องไห้จนน้ำตาไหลทะลัก

และในใจรู้สึกดีใจไม่หยุด

สวรรค์!

นี่คือความจริงหรือไม่!

หรือเธอกำลังอยู่ในความฝัน!

เดิมทีคิดว่าหลังเธอข้ามเวลามายังยุคสมัยที่แปลกตานี้แล้ว จะไม่ได้พบบิดามารดาที่รักของตนไปตลอดชีวิต ผู้ใดจะรู้ที่แท้สวรรค์เมตตาเธอยิ่งนัก ถึงส่งบิดามารดากลับมาให้เธอ

[1] รักบ้านรวมทั้งอีกา หมายถึง เมื่อรักใครแล้วก็จะรักสิ่งหรือคนที่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้น เช่นเดียวกับสุถาษิตที่ว่า love me, love my dog.

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท