สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 197 หมู่บ้านบนภูเขา (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ถนนใหญ่จากเชิงเขาถึงประตูใหญ่ของหมู่บ้านบนภูเขา ใช้เวลาเดินทางกว่าหนึ่งชั่วยาม แค่คิดดูก็รู้ว่าหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง มีพื้นที่กว้างใหญ่เพียงใด

จึงไม่แปลกที่เหล่าหญิงสาวพวกนั้นคิดหาทางแต่งงานกับตงฟางไป๋ เพราะนอกจากตงฟางไป๋จะชวนน่าหลงใหล เขายังเป็นชายโสดร่ำรวยที่หาได้ยากบนโลกใบนี้!

ความสามารถโดดเด่น รูปโฉมไม่ธรรมดา ท่าทางงามสง่า ภูมิฐานน่าเกรงขาม ชายหนุ่มเช่นนี้พบได้ยาก จึงไม่แปลกใจที่เป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวมากมาย

ระหว่างทางเห็นเหล่าหญิงสาวเบียดเสียดกันบนถนนใหญ่และกรีดร้อง ทำให้เล่อเหยาเหยาอดหัวเราะไม่ได้

คิดไปแล้วเสน่ห์ของตงฟางไป๋ไม่เบาเลยจริงๆ!

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาหลังจากตงฟางไป๋เข้ามาหลบซ่อนในรถม้า ก็หัวเราะขบขันเขาอยู่กว่าหนึ่งชั่วยาม ทำให้ตงฟางไป๋จนปัญญา

“ท่านพี่ ท่านอายุไม่น้อยแล้ว หลายปีมานี้ข้ารู้ว่าท่านยุ่งมาก แต่ท่านมีหญิงสาวที่ชอบพอหรือไม่ ข้าสามารถจัดการแทนท่าน โดยการส่งเทียบเชิญให้หญิงพวกนั้นได้นะ”

เห็นท่าทางขวยเขินของตงฟางไป๋ที่ถูกหญิงสาวด้านนอกจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ ดูแล้วน่ารักขบขันเกินบรรยาย ทำให้เล่อเหยาเหยาอดคิดเย้าแหย่เขาไม่ได้

เพราะสามารถเห็นพี่ชายที่สุขุมงามสง่าอับอาย ถือเป็นเรื่องที่ยากจะพบเห็นจริงๆ

แต่ตรงข้ามกับใบหน้าขบขันของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ได้ยินกลับตะลึงงัน พลันแววตาปรากฎความเสียใจขึ้นมา

แต่ว่าดวงตาเสียใจนี้สลายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนยากที่จะรับรู้ได้

บนใบหน้าตงฟางไป๋ปรากฎรอยยิ้มจนใจขึ้นมา

“อย่ามัวแต่พูดเรื่องของข้าเลย เหยาเหยา กลับบ้านครั้งแรกเจ้ากังวลหรือไม่!”

“ฮ่า ๆ กังวลนั้นย่อมมีเล็กน้อย แต่ข้าเชื่อว่าที่นี่สามารถสั่งสอนคนดีเช่นท่านพี่ออกมาได้ ต้องไม่เลวแน่นอน ดังนั้นข้าจึงตั้งตารอที่จะได้พบบิดาและมารดายิ่งนัก!”

“ฮ่า ๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋เอาแต่หัวเราะไม่พูดจา

หลังจากเล่อเหยาเหยายิ้มอ่อนๆ ให้กับตงฟางไป๋ แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงเอ่ยแนะนำเหลิ่งอวี้เซวียนที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอด

“เซวียนเอ๋อร์ ประเดี๋ยวต้องพบกับท่านตาท่านยายของเจ้า จำไว้ว่าต้องพูดจามีมารยาท เข้าใจหรือไม่!”

“เสด็จแม่ เซวียนเอ๋อร์เข้าใจแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งอวี้เซวียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนยิ้มรับปาก

วันนี้ เพราะต้องพบบิดามารดาที่แท้จริงของร่างนี้ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงตั้งใจแต่งกายของตนและเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นพิเศษ

เสื้อด้านนอกสีเหลืองอ่อนบนกาย ขับเน้นรูปร่างโค้งเว้าอันงดงามของเธอออกมา

คิ้วเข้มดุจพระจันทร์ ดวงตาเป็นประกาย กลอกกลิ้งไปมา สดใสสะดุดตา

หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย สีหน้าของหญิงสาวแฝงไปด้วยความเศร้าโศก ทำให้ผู้คนสงสาร

แต่ริมฝีปากใต้จมูกเล็กนั้น ยังแดงสดเย้ายวนใจ

นี่คือใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ที่ทำให้ทั้งชายหญิงต่างบ้าคลั่ง แม้เวลานี้เล่อเหยาเหยาจะไม่ได้ทำสิ่งใด เพียงหลุบตายิ้มมองบุตรชายในอ้อมกอด ก็ยังเปิดเปลือยความงามล่มเมืองนั้นออกมา

และเด็กชายที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว ก็เป็นเด็กที่หน้าตาหมดจดผู้หนึ่ง

สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินพอดีตัว ทำให้ผิวของเด็กน้อยขาวผ่องกว่าหิมะ นุ่มลื่นเปราะบาง ดุจไข่ไก่ที่ไร้เปลือก

ใบหน้ากลม สองแก้มเต็มไปด้วยเนื้อหนัง ผิวเนียนนุ่มนั้น ทำให้คนมองอยากยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าอวบอ้วนของเขา

และอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าประณีตงดงามอย่างยิ่ง ดุจรังสรรค์ขึ้นมาจากหยกชั้นดี ยังมีขนตาดกหนา จมูกเล็ก ปากเล็กอมชมพู และดวงตากลมโตสดใสคู่นั้น

ขนตายาวทั้งเข้มและหนา มองแล้วยังคิดว่าคือขนตาของตุ๊กตา

ภายในดวงตากลมโตคู่นั้น กลับแบ่งตาขาวดำอย่างชัดเจน ดุจบ่อน้ำอันใสบริสุทธิ์ สามารถชำระล้างจิตใจของผู้คน

นี่คือการรวมตัวของเซียนน้อยแสนน่ารักและหญิงสาวดุจเทพเซียนเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าไปที่ใด ต่างสะดุดตา น่ามอง ชวนหลงใหล!

แม้จะมองแม่ลูกคู่นี้มามากครั้ง แต่ตงฟางไป๋มักมองอย่างตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว

แววตาเปล่งประกายความลุ่มหลงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

ในที่สุดมาก็ถึงหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง เมื่อเล่อเหยาเหยาจูงร่างเล็กของเหลิ่งอวี้เซวียนปรากฎตัวขึ้นหน้าประตูใหญ่ แทบถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกใจอย่างหนัก

เห็นเพียงหน้าประตูใหญ่สูงตระหง่านน่าเกรงขามของหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง มีผู้คนยืนอยู่กว่าหนึ่งพันคน

เห็นเพียงสายตาของพวกเขาต่างจับจ้องมาที่ทางตน จนกระทั่งหลังจากพวกเธอลงจากรถม้า สุดท้ายสายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่เธอและเหลิ่งอวี้เซวียนจนหมด

เมื่อเห็นสายตาตื่นเต้นดีใจนั้น แม้เล่อเหยาเหยาจะเตรียมใจมาล่วงหน้า แต่ยังคงอดหนังศีรษะชาวาบไม่ได้

เหลิ่งอวี้เซวียนในมือเธอ เห็นชัดว่าถูกสายตาร้อนแรงดุจหมาป่าเห็นกระต่ายน้อยทำให้ตกใจ พลันหลบอยู่ด้านหลังเธอ

ก่อนรับรู้ว่ามีเงาร่างของผู้คนมุ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างตื่นเต้นดีใจ

ภายในนั้นมีผู้อาวุโสผมขาวโพลน ถูกข้ารับใช้หญิงที่อายุไม่น้อยสองคนประคองเข้ามา

เห็นเพียงผู้อาวุโสนั้น อายุกว่าเก้าสิบปี ผมขาวโพลนทั่วศีรษะ แต่ยังแต่งกายงดงาม น่าเกรงขามทว่าไม่สูญเสียความสูงศักดิ์

เวลานี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของนางนั้น เต็มไปด้วยน้ำตาและรอยยิ้ม จึงทำให้รู้ว่าเวลานี้เธอตื่นเต้นมากเพียงใด

“เร็วให้ข้าดูหน้าหลานสาวและเหลนของข้าหน่อย เร็วเข้า!”

ได้ยินเพียงคำพูดเปี่ยมไปด้วยความร้อนรนของผู้อาวุโสนั้น แม้อายุจะมาก ทว่าฝีเท้ากลับรวดเร็วแข็งแรง กระทั่งเหล่าหญิงรับใช้ชราที่ตามอยู่ข้างกายยังหอบหายใจ ทว่าตัวนางเองยังคงหายใจปกติ

เมื่อเห็นผู้อาวุโสตื่นเต้นร้อนใจ มีเมตตาอย่างไม่ปิดบัง เล่อเหยาเหยาอดเม้มปากยิ้มไม่ได้

อาจเพราะเกี่ยวพันทางสายเลือด พลันรู้สึกว่าผู้อาวุโสนี้ดูอ่อนโยนมีเมตตา

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงอดจูงมือเหลิ่งอวี้เซวียนเดินตรงไปด้านหน้าเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้

ที่ห้อมล้อมเข้ามามีเหล่าผู้อาวุโสและชายหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาโดดเด่นคู่หนึ่ง ด้านหลังพวกเขามีกลุ่มคนขนาดใหญ่ตามเข้ามา

เล่อเหยาเหยาแม้ไม่รู้ผู้คนทั้งหมดคือผู้ใด แต่กลุ่มคนด้านหน้านี้ เธอยังคาดเดาออกได้

เห็นเพียงผู้อาวุโสอายุเกินเก้าสิบ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจนี้ น่าจะเป็นท่านย่าของเธอ

ระหว่างเดินทางกลับมา ตงฟางไป๋เอ่ยเล่าว่าท่านย่าของเขาผู้นี้ แม้อายุจะมาก ทว่ากลับเป็นเฒ่าทารกผู้หนึ่ง

และบิดามารดาของเจ้าของร่างนี้ แม้ตงฟางไป๋จะไม่แนะนำ เล่อเหยาเหยาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพวกเขามาไม่น้อย

ว่ากันว่าบิดาของตงฟางไป๋ ตงฟางจิ้งคือชายหนุ่มซื่อตรงอย่างยิ่ง มั่งคั่งร่ำรวยมีจิตใจอันกล้าหาญ ได้รับความศรัทธาจากราษฎร

และมารดาของเขาฟางหรูซิน เคยเป็นจอมยุทธหญิงอันดับหนึ่งในใต้หล้า ขจัดภัยให้แก่เหล่าราษฏรมาก่อน

ทั้งสองคนยังเป็นคู่สามีภรรยาที่น่าอิจฉาที่สุดในใต้หล้า

เพราะหลังจากตงฟางจิ้งแต่งงานกับฟางหรูซิน ไม่เคยมีข่าวฉาวเกี่ยวกับสตรีนางใดเลย เพราะในตระกูลตงฟาง นายหญิงมีเพียงฟางหรูซินผู้เดียวเท่านั้น

ดังนั้นเหล่าราษฎรจึงมักเอ่ยประโยคหนึ่งว่า หากต้องแต่งงาน ต้องแต่งกับตงฟางจิ้ง

ชายหนุ่มที่ดีเช่นนี้ หาพบได้ยากบนโลกใบนี้ยิ่ง!

เวลานี้เล่อเหยาเหยากวาดดวงตาคู่งาม มองไปยังบิดามารดาในโลกนี้ของเธอ

แม้พวกเขาสองคนจะอายุมากกว่าสี่สิบปีแล้ว แต่กาลเวลาทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้

เห็นเพียงตงฟางจิ้งสวมชุดคลุมสีน้ำตาล ทำให้ดูสุขุมทว่าไม่สูญเสียเสน่ห์

ใบหน้าคล้ายคลึงกับตงฟางไป๋กว่าเจ็ดแปดส่วนนั้น เวลานี้เผยรอยยิ้มดีใจออกมา ภายในดวงตาดำขลับคู่นั้นก็เป็นประกายแฝงด้วยชั้นน้ำตา

ส่วนฟางหรูซินที่อยู่ด้านข้างตงฟางจิ้ง เวลานี้น้ำตาไหลอาบทั่วใบหน้า

เห็นเพียงเธอใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาไม่หยุด สีหน้าทั้งตื่นเต้นและกังวล ลังเลไม่กล้าเข้ามาหาลูกสาวที่ไม่เจอหน้ากว่ายี่สิบเอ็ดปีของตน ตอนนี้จึงตื่นเต้นและไม่รู้ควรเอ่ยเช่นไร

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น อดยิ้มให้กับทุกคนไม่ได้ พลันผลักตัวเหลิ่งอวี้เซวียนที่หลบอยู่ด้านหลังตนไปที่ด้านหน้าทุกคน ก่อนโน้มตัวเอ่ยกลับเขาอย่างอ่อนโยนว่า

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท