“เซวียนเอ๋อร์ แม่สอนเจ้าว่าเมื่อเจอท่านปู่ท่านย่าและท่านทวด ต้องพูดเช่นไรหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งอวี้เซวียนเงยดวงตากลมโตคู่นั้นขึ้น ก่อนกวาดตามองทุกคนชั่วครู่ ก่อนพลันยกมุมปากยิ้มอย่างสดใสออกมา พร้อมเอ่ยแนะนำตัว
“ท่านทวด ท่านปู ท่านย่า ท่านลุง ท่านป้า ท่านน้า พี่ชายพี่สาวทุกท่าน ข้ามีนามว่าเหลิ่งอวี้เซวียน”
เมื่อเสียงอ้อแอ้อันไพเราะนั้นดังกังวานทั่วทุกทิศ บริเวณประตูใหญ่ของหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง อันสูงตระหง่านนั้น พลันเงียบงัน
เพราะสายตาของทุกคนถูกคนตัวเล็กอ้อนแอ้นน่ารักดุจเทพเซียนนี้ดึงดูดไป
จนกระทั่งผ่านไปชั่วครู่ ทุกคนจึงพลันร้องดีใจขึ้นมา โดยเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ฮ่า ๆ เหลนชายของข้า เข้ามาให้ทวดดูหน่อย สวรรค์ช่างน่ารักยิ่งนัก ทวดรักเจ้ายิ่ง”
เห็นเพียงผู้อาวุโสงอตัวลง ก่อนอุ้มตัวเล็กนุ่มนิ่มของเหลิ่งอวี้เซวียนขึ้น ตัดใจปล่อยมือไม่ได้อย่างสงสารและรักสุดหัวใจ
น้ำตานั้นไหลรินลงมาไม่หยุด
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ก็รู้งานพลันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดน้ำตาให้ผู้อาวุโส ขณะเช็ดยังเอ่ยเสียงอ้อแอ้ขึ้นว่า
“ท่านทวดไม่ร้องนะเด็กดี”
เห็นชัดว่าคือเด็กตัวเล็กๆ ทว่าน้ำเสียงกลับคล้ายปลอบโยนเด็กน้อย ดังนั้นทุกคนตรงนั้นจึงพลันหัวเราะอย่างหนักขึ้นมา และเหล่าผู้อาวุโสก็หลงรักเหลิ่งอวี้เซวียนอย่างสุดหัวใจ
เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนถูกผู้คนรุมรักมากเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาย่อมดีใจ
จึงก้าวเดินไปด้านหน้า ก่อนเอ่ยกับเหล่าผู้อาวุโสว่า
“ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ในที่สุดข้าก็กลับมาแล้ว”
“ฮ่า ๆ ลูกสาวข้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว ฮือๆ แม่คิดถึงเจ้ายิ่งนัก มันนานหลายปีจนสิ้นหวัง คิดว่าชาตินี้คงตามหาเจ้าไม่พบ สุดท้ายสวรรค์เมตตาให้เจ้ากลับคืนมา ดียิ่งนัก ช่างดีจริงๆ”
หลังฟางหรูซินได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ในที่สุดก็อดเข้าไปกอดเล่อเหยาเหยาไว้แน่นไม่ได้
น้ำตานั้นไหลรินลงมาไม่หยุด ราวกับเขื่อนพังทลาย สะท้อนคำพูดที่ว่าหญิงสาวเกิดขึ้นมาจากน้ำอย่างเต็มที่
เมื่อถูกฟางหรูซินโอบกอด แม้อ้อมกอดเธอจะไม่เหมือนกับฮองเฮา แต่กลับทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกถึงความอบอุ่น
และรู้ว่าฟางหรูซินตื่นเต้นและสงสารเธอจากใจจริง
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอบอุ่นในใจ สีหน้าดูผ่อนคลายลง ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า
“ท่านแม่อย่าร้องไห้อีกเลย ตอนนี้ลูกกลับมาแล้วมิใช่หรือ”
“ใช่แล้วหรูซิน เจ้าอย่างร้องไห้อีกเลย ลูกและหลานกลับมา เจ้าควรยิ้มแย้มถึงจะถูก”
ตงฟางจิ้งที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น อดยื่นมือโอบไหล่ของฟางหรูซินไม่ได้ คล้ายปลอบโยนสนับสนุนเธอ
ฟางหรูซินได้ยิน จึงเอ่ยปากหัวเราะขึ้นมา
“ฮ่า ๆ ถูกต้อง ในที่สุดลูกสาวและหลานของข้าก็กลับมาแล้ว พวกเราต้องดีใจถึงจะถูก ฮ่า ๆ”
“ถูกต้อง วันนี้เป็นวันดีในหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งของพวกเรา มา พ่อบ้าน ให้บ่าวไพร่จัดเตรียมข้าวต้มไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ เพื่อขอบคุณสวรรค์ที่มอบลูกสาวและหลานของพวกเรากลับมา”
ผู้อาวุโสเอ่ยจบ พ่อบ้านหัวเราะฮ่าๆ พร้อมออกไปจัดเตรียม
เพราะการเดินทางของพวกเล่อเหยาเหยาต้องรอนแรมมาไกลและพบเจอเรื่องมากมาย ผู้อาวุโสรู้ว่าพวกเธอคงเหน็ดเหนื่อย จึงให้บ่าวไพร่พาพวกเธอไปอาบน้ำพักผ่อนอย่างรวดเร็ว ค่อยออกมาทานอาหาร
เล่อเหยาเหยาขอบคุณทุกคน จูงมือเล็กของเหลิ่งอวี้เซวียนตามเหล่าสาวใช้ที่ใจดีและมีมารยาท นำทางไปยังเรือนพักที่ตระกูลตงฟางจัดเตรียมไว้ให้
เรือนพักของตงฟางไป๋ก็ติดกันกับของเล่อเหยาเหยา ดังนั้นตงฟางไป๋จึงเดินตามเล่อเหยาเหยามาด้วยเช่นกัน จนกระทั่งเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งอวี้เซวียนเข้าไปในเรือนพัก ตงฟางไป๋จึงจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ เพื่อไปเรือนพักของตนเอง
เมื่อเข้ามาสู่หมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง เล่อเหยาเหยาประเมินสภาพแวดล้อม รอบด้านอย่างละเอียดอยู่ตลอด
ก่อนหน้านี้เธอรู้เพียงหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งคือหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งในเทียนหยวน ไม่เพียงในเจียงหูหรือราชสำนักต่างมีตำแหน่งที่มั่นคง
คิดไม่ถึง หมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งกลับกว้างใหญ่ พื้นที่ครอบคลุมทั่วภูเขา
หมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา รอบด้านคือภูเขา ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปี ทำให้เล่อเหยาเหยาพลันนึกถึงปราสาทของผู้ดีอันหรูหราในฝรั่งเศส
การประดับตกแต่งของหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งเป็นดั่งเช่นคนในตระกูลที่สูงศักดิ์ แต่ไม่สูญเสียความสง่างาม ไร้ความหรูหราอันหยาบกระด้าง ทว่าทุกแห่งกลับเผยความละมุนงามสง่าที่เป็นเอกลักษณ์ของเจียงหนานออกมา
อาคารบ้านเรือนงดงาม เรียงรายสลับซับซ้อน หน้าต่างประตูลายสลัก ทางเดินคดเคี้ยว ภูเขาจำลองน้ำตก ทุกห้าก้าวคือระเบียง ทุกสิบก้าวคือศาลา
รอบด้านเต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าที่ปลูกไว้ ทว่าดอกไม้ใบหญ้าเหล่านี้ไม่เหมือนกับพวกพันธุ์ราคาแพงในวังหลวง แต่ดอกไม้ใบหญ้าเหล่านี้มีสรรพคุณทางยา แต่ว่ากลับยังคงสวยงาม
ไม่เสียแรงที่ตระกูลตงฟางเป็นตระกูลแพทย์อันดับหนึ่ง กระทั่งดอกไม้ใบหญ้าทั้งหมดที่ปลูกในบ้านพัก ต่างมีสรรพคุณทางยาที่แตกต่างกันออกไป
และเรือนที่เล่อเหยาเหยาพักอยู่ตอนนี้ มีชื่อว่าเรือนดอกเหมย
เรือนนี้สมกับชื่อเรือนดอกเหมย เพราะภายในปลูกดอกเหมยไว้มากมาย
เห็นเพียงเมื่อเดินเข้ามาภายในเรือน จะได้กลิ่นหอมของดอกเหมยพลันลอยมาแตะจมูก
เวลานี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นฤดูกาลที่ดอกเหมยเบ่งบานสวยงามที่สุด
เห็นเพียงดอกเหมยพันธุ์จานหยกที่ปลูกในเรือนดอกเหมยนี้ เป็นสีม่วงแกมขาว สีสันสวยงามชวนฝัน
ดอกเหมยบนกิ่งก้าน บานสะพรั่งอวดโฉม ม่วงขาวปะปนกัน แต่ละช่อต่างพริ้วไหวตามสายลม ดุจคลื่นทะเลอันสวยงาม วิจิตรตระการตา
“อา เสด็จแม่ ที่นี่งดงามยิ่งนัก!”
ไม่เพียงเล่อเหยาเหยาที่ชื่นชอบเมื่อเห็น กระทั่งเหลิ่งอวี้เซวียนเห็นยังอดชื่นชมขึ้นมาไม่ได้ พลันปล่อยมือจากเล่อเหยาเหยา หัวเราะพลางวิ่งตรงไปที่ทุ่งดอกเหมยนั้น
เวลานี้จึงมีเสียงหัวเราะชอบใจสดใสกังวานดังขึ้นมาตลอดเวลา
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยายกมุมปากยิ้มอย่างอ่อนโยนและรักใคร่
เพราะชีวิตนี้ ความสุขที่สุดของเธอ คือการเห็นเซวียนเอ๋อร์เติบใหญ่ขึ้นมาอย่างมีความสุข
เพราะหากเขาดีใจ เธอจึงจะดีใจ
ดังนั้นเมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนชื่นชอบ จึงยืนอยู่ตรงนั้นมองเหลิ่งอวี้เซวียนวิ่งซุกซนอยู่ภายในดุจเทพเซียนกลางดอกเหมย
สายลมพัดเอื่อยอย่างช้าๆ ทำให้ทุ่งดอกเหมยนั้นพลิ้วไหว ภาพนั้นสวยงามยิ่งนัก
เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยของคนตัวเล็กน่ารักท่ามกลางต้นดอกเหมยนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาอดคิดถึงบางคนไม่ได้ ภายในสมองอดนึกย้อนไปยังช่วงเวลาที่ผ่านมา
อวี๋ท่านคือชายที่ข้ารักที่สุด ข้าอยากอยู่กับท่านไปชั่วชีวิต มีลูกชายหญิง อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า
เจ้ายินยอมจะอยู่กับเปิ่นหวางไปชั่วชีวิต และอยู่จนแก่เฒ่าหรือไม่
อืม ข้ายินยอม!
เปิ่นหวางก็ยินยอม!
เสียงหนักแน่นและสัญญาอันคุ้นหูนั้น คล้ายเวลานี้ดังขึ้นมาข้างหูเธอ แต่ข้างกายกลับไร้คนที่เธอรักที่สุด
อวี๋ท่านรู้หรือไม่ เวลานี้ข้าอยากให้ท่านอยู่ข้างกายมากเพียงใด!
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของเล่อเหยาเหยาอดร้อนผ่าว ก่อนเบ้าตาจะเริ่มชุ่มชื้นขึ้นมาไม่ได้
ทันใดนั้น พลันมีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น ทำให้เล่อเหยาเหยาที่อยู่ในภวังค์ได้สติ หลังรับรู้ว่าเสียงกรีดร้องของหญิงสาวนั้นดังมาจากเรือนพักของตงฟางไป๋ จึงเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เล่อเหยาเหยาพลันใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานไปที่เรือนพักของตงฟางไป๋ทันที
เห็นเพียงที่พักของตงฟางไป๋เป็นสวนไผ่ ด้านซ้ายเป็นป่าไผ่ขนาดใหญ่ ส่วนด้านขวากลับเป็นศาลาแปดเหลี่ยม และแม่น้ำที่ใสสะอาดแวววาว
สายลมพัดเอื่อยทำให้ต้นไผ่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมาในยามบ่ายที่อบอุ่น ทำให้คนสบายใจอย่างยิ่ง
แต่ภายในสวนไผ่ กลับเกิดเรื่องที่ทำให้คนไม่พอใจอย่างมากขึ้นมา
เล่อเหยาเหยาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นที่นี่กันแน่ เมื่อเธอเพิ่งเข้ามาในสวนไผ่ เห็นตงฟางไป๋ที่กลับมายังสวนไผ่แล้ว เวลานี้ยืนอยู่หน้าประตูของห้องตนอย่างเปียกปอน ท่าทางนั้นดูตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
ภายในช่องประตูที่เปิดแง้มออกมานั้น มีพวกช้อนไม้ จ้าวเจี่ยว[1] หวี เก้าอี้ และถังน้ำบินออกมาตลอดเวลา
จากนั้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาว
“เจ้ามันคนลามก กล้าแอบดูข้าอาบน้ำ ข้าไม่ให้เจ้าตายดีแน่!”
“เพ่ย แม่นาง ท่านฟังข้าอธิบายก่อนได้หรือไม่ ข้าจะแอบดูเจ้าอาบน้ำได้เช่นไร ท่านอย่ามาใส่ความข้า!”
หลังได้ยินเสียงของหญิงสาวภายในห้องดังออกมา ตงฟางไป๋ไม่สนใจความตื่นตระหนก เอ่ยกับคนภายในห้องอย่างจนใจ
“เจ้าเดินมาที่ห้องข้า เพื่อมาแอบดูข้าอาบน้ำ ตอนนี้ยังจะมาหาว่าข้าไร้เหตุผล!”
“เจ้า จะเป็นห้องของเจ้าได้เช่นไร ที่นี่คือที่พักของข้า เจ้ามาอาบน้ำที่ห้องของข้าเอง ตอนนี้ยังมาเอะอะโวยวาย เจ้านี่มันช่าง…”
สำหรับคำพูดของหญิงสาวในห้อง ตงฟางไป๋รู้สึกพูดไปก็ไร้เหตุผลอย่างเห็นได้ชัด
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น พลันเดินเข้าไปเอ่ยถามตงฟางไป๋ที่กำลังตื่นตระหนกอยู่
“ท่านพี่ ท่านเป็นอันใดหรือไม่!”
เดิมทีคิดว่าที่นี่เกิดเรื่องใดขึ้น แต่เมื่อเห็นตงฟางไป๋ที่ตื่นตระหนก และบทสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่ เล่อเหยาเหยาคล้ายรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
แต่ว่าไม่รู้เหตุใดจึงมีหญิงสาวมาอาบน้ำที่ห้องของตงฟางไป๋ ก่อนถูกตงฟางไป๋ที่ผลีผลามเข้าไปมองเห็นบางอย่าง จึงทำให้หญิงสาวผู้นั้นอาละวาดขึ้นมา
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ทันใดนั้นประตูไม้ตรงหน้าพวกเธอก็ถูกผลักเปิดออกมาเสียงดัง ‘ปัง’ ก่อนเงาร่างผอมบางจะปรากฎขึ้นมาต่อหน้าพวกเขาสองคน
………………………………………………………………………………….
[1] จ้าวเจี่ยว (皂角) ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Gleditsia sinensis เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายถั่วฝักยาว ฝักสามารถนำมาใช้ทำยาและสบู่ได้