สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 198.2 ในที่สุดท่านก็กลับมา (2)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ทันใดนั้นจึงแสดงท่าทางตกใจออกมา พลางใช้มือตบหน้าผากตนและเอ่ยขอโทษอย่างจนใจ

“โอ เป็นความผิดของแม่เองไป๋เอ๋อร์ เรื่องเป็นเช่นนี้ ลุงฉีของเจ้ามีธุระออกเดินทางไกลจึงไม่วางใจให้อิงอิงอยู่คนเดียว ดังนั้นจึงให้อิงอิงมาพักอยู่ที่นี่ซักระยะหนึ่ง ส่วนเรื่องที่อิงอิง มาอยู่ในเรือนของเจ้า เพราะนางชื่นชอบต้นไผ่ แม่เห็นเลยตัดสินใจให้นางมาพักที่นี่ ทว่ากลับลืมบอกเรื่องนี้กับเจ้า จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดนี้ขึ้นมา ไป๋เอ๋อร์ล้วนเป็นแม่ที่เผลอเรอ”

“อะไรนะท่านแม่ เรือนไผ่นี้เป็นเรือนของลูก เหตุใดท่าน…”

เมื่อได้ยินคำพูดของฟางหรูซิน ตงฟางไป๋ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ

แม้เขาจะไม่สนใจเรื่องที่พัก

แต่ว่าเมื่อถูกสาวน้อยผู้นี้เรียกท่านลุงหลายครั้ง เขาจึงไม่พอใจอย่างยิ่ง ดังนั้นเรื่องที่สาวน้อยเข้าพักในเรือนของตน ทำให้ตงฟางไป๋รู้สึกไม่ดี

ตรงข้ามกับความไม่พอใจของตงฟางไป๋ ฉีอิงอิง อาจเพราะมองออกจึงก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก่อนเอ่ยกับตงฟางไป๋ว่า

“ท่านลุง เพียงพักอยู่ที่เรือนท่านระยะหนึ่งเท่านั้น หากท่านไม่ยินยอม ข้าจะย้ายออกไป ท่านอาสะใภ้ท่านให้คนจัดเตรียมเรือนอื่นให้ข้าดีกว่า มิฉะนั้นท่านลุงจะไม่พอใจ”

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางน่าสงสารของฉีอิงอิงที่มีต่อฟางหรูซิน ทว่าปากกลับเอ่ยว่าท่านลุง ทำให้ตงฟางไป๋ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป

คำพูดนี้ของเธอหมายความว่าเช่นไร เอ่ยพูดราวกับเขาคือบุรุษใจแคบ คิดทำให้คนฟังสับสนหรือ!

พอคิดถึงตรงนี้ ตงฟางไป๋โบกมือออกมาหยุดคำพูดของสาวน้อย จากนั้นเอ่ยกับฟางหรูซินว่า

“ช่างเถิด หากนางชอบที่นี่ ก็ให้นางพักเถิด ลูกจะไปพักที่เรือนหิมะ”

ตงฟางไป๋เอ่ยจบ สะบัดชายเสื้อก้าวจากไป

เมื่อเห็นตงฟางไป๋จากไปอย่างโมโห ฟางหรูซินเพียงถลึงตาให้ฉีอิงอิง อย่างจนใจ พลันหันศีรษะเอ่ยพูดอย่างอ่อนโยนกับเล่อเหยาเหยา

“เหยาเหยา เจ้าคงเหนื่อยสิน่ะ รีบกลับไปอาบน้ำเถิด อีกสักครู่จะทานอาหารแล้ว เจ้าชอบทานสิ่งใด ต้องบอกกับแม่ แม่จะได้สั่งบ่าวไพร่ไปจัดเตรียม”

เมื่อเผชิญกับท่าทางเต็มไปด้วยความรักของมารดาจากฟางหรูซิน เล่อเหยาเหยาอบอุ่นใจ ยกยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้า ก่อนเอ่ยว่า

“ท่านแม่ ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ข้าทานได้หมดทุกอย่าง”

“ฮ่า ๆ เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้รีบกลับไปอาบน้ำเถิด แช่น้ำร้อนเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าสักครู่ หลายวันนี้เจ้าคงเหนื่อยล้า แม่เห็นแล้วปวดใจนัก”

“ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวไปอาบน้ำก่อน”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ หันไปพยักหน้าให้ฉีอิงอิง ที่อยู่ด้านข้าง ก่อนหมุนตัวกลับไปยังเรือนดอกท้อ

ประจวบเหมาะกับเหล่าสาวใช้ได้จัดเตรียมน้ำร้อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เหลิ่งอวี้เซวียนก็ถูกพาตัวไปอาบน้ำแล้ว เพราะหลายวันนี้มักอยู่ในรถม้า บางเวลาเดินทางดึกดื่นจึงไม่พบโรงเตี๊ยม ต้องค้างคืนในป่าจึงไม่ได้อาบน้ำ

เมื่อเห็นถังน้ำร้อนขนาดใหญ่มีควันลอยขึ้นมา ภายในเต็มไปด้วยชั้นของกลีบดอกไม้สดที่โปรยลงไป หลังเข้ามาในห้องกลิ่นหอมพลันโชยเข้ามา ทำให้เล่อเหยาเหยาอดอารมณ์ดีขึ้นมาไม่ได้

เพราะตอนนี้สามารถอาบน้ำอย่างพิถีพิถัน สำหรับเธอถือเป็นเรื่องที่ไม่เลวอย่างมาก!

เมื่อให้เหล่าสาวใช้ที่เข้ามาปรนนิบัติอาบน้ำออกไป เล่อเหยาเหยาถอดเสื้อผ้า ก่อนพาร่างกายลงแช่ในน้ำที่มีกลิ่นหอมกระจายออกมา

ควันลอยละล่อง ผิวน้ำแวววาว อบอวลด้วยกลิ่นหอม

เมื่อเห็นกลีบดอกไม้อ่อนช้อยงามเพริศพริ้ง ความรู้สึกน้ำร้อนไหลวนรอบร่างกายตนแสนสบายเช่นนี้ ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาหลายวันค่อยๆ สลายหายไป

และทำให้เล่อเหยาเหยาสบายจนง่วงงุน ไม่นานค่อยๆ พิงขอบถังหลับไป

จนกระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ทว่าคล้ายกับเพียงชั่วครู่เท่านั้น

พลังหูของคนที่ฝึกวรยุทธ์ มักจะยอดเยี่ยมกว่าคนปกติ

ดังนั้นเมื่อมีคนปรากฎขึ้นในห้อง เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกตัวทันที เดิมทีคิดว่าสาวใช้เข้ามาเติมน้ำร้อน เธอจึงไม่สนใจ ก่อนจะได้กลิ่นหอมของอำพันทะเลแสนคุ้นเคย ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก พลันลืมดวงตาคู่งามขึ้นมองตรงไป

เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่แสนคุ้นเคยยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าตน เล่อเหยาเหยาพลันประหลาดใจคาดไม่ถึงตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ปากเล็กก็อ้าค้าง มองคนที่มาอย่างตกตะลึงไม่เชื่อสายตา

ภายในลำคอคล้ายถูกอุดด้วยบางสิ่ง ทำให้เธอพูดไม่ออก

ส่วนน้ำตานั้นราวกับไข่มุกร่วงหล่นจากสร้อยที่ขาดลงมาไม่หยุด อาบเต็มทั่วสองแก้ม

“อวี๋ อวี๋ เป็น…เป็นท่าน เป็นท่านจริงๆ หรือ!”

เมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นตะกุกตะกักของเล่อเหยาเหยา และยังมีน้ำตาที่อาบทั่วใบหน้า ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นอดยื่นมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ เช็ดน้ำตาแวววาว ก่อนจะลูบไล้สองแก้มหมดจดของเล่อเหยาเหยาไม่ได้

เมื่อรู้สึกว่าการสัมผัสบนแก้มคือความจริงเช่นนี้ ทำให้หัวใจของเล่อเหยาเหยาพลันเต้นระรัวขึ้นมา

‘ตึกตักตึกตัก’ รวดเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้เธอคิดว่าใจของตนแทบกระดอนออกมา

แต่เรื่องเหล่านี้เธอต่างไม่สนใจ แม้เธอต้องตายไปตอนนี้ เธอก็ไม่สนใจ

เพราะตอนนี้เธอดีใจยิ่งนัก ดีใจจริงๆ เพราะในที่สุดอวี๋ของเธอกลับมาแล้ว

“ฮ่า ๆ อวี๋ เป็นท่าน เป็นท่านจริงๆ ท่านกลับมาแล้วจริงๆ ฮ่า ๆ”

เล่อเหยาเหยาหัวเราะอย่างดีใจ เสียงหัวเราะไพเราะกังวานนั้นเลี่ยงที่จะดังออกมาจากปากเธอไม่ได้

สีหน้าเปิดเปลือยความสุขออกมาอย่างปิดไม่มิด

เพราะห้าปีที่ผ่านมากว่าหนึ่งพันแปดร้อยวันที่ไม่ได้พบอวี๋ เธอคิดถึงเขามากเพียงใด

“อวี๋ หลายปีที่ผ่านมานี้ท่านไปอยู่ที่ใด เหตุใดตอนนี้เพิ่งกลับมา!”

เมื่อกอดร่างที่คุ้นเคยแน่นและได้กลิ่นกายที่แสนคุ้นจมูก เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกตนคล้ายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เพราะเสียงเต้นของหัวใจอันหนักแน่นทรงพลังข้างหูนี้ พิสูจน์ว่าอวี๋คือความจริง

และร่างอันอบอุ่นนี้คือของจริง

เล่อเหยาเหยาตื่นเต้นในใจ จนน้ำตานั้นไหลรินลงมาไม่หยุด แต่เธอกลับไม่ใส่ใจ

เพราะเธอตอนนี้ตื่นเต้น ดีใจ และมีความสุขจนแทบใจจะขาด

ตรงข้ามกับความตื่นเต้นของเล่อเหยาเหยา สองมือทรงพลังของชายหนุ่มโอบรัดร่างเล็กบอบบางของเล่อเหยาเหยาไว้ ก่อนใช้คางวางบนไหล่ของเล่อเหยาเหยาอย่างเคยชินสูดกลิ่นหอมหวนนั้นอยู่นาน จึงเอ่ยปากขึ้น

“ไม่ว่าหลายปีมานี้เปิ่นหวางไปที่ใด ตอนนี้เปิ่นหวางกลับมาแล้วมิใช่หรือ!”

เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าแสนคุ้นเคยนี้ ทำให้ใจของเล่อเหยาเหยาอุ่นวาบ พลันกล่าวยิ้มๆ อย่างดีใจ

“ใช่แล้ว ไม่ว่าเช่นไร เพียงท่านกลับมาเพียงพอแล้ว อวี๋ท่านต้องรับปากข้า ต่อไปห้ามจากข้าไปอีกเป็นอันขาด ต้องอยู่ข้างกายข้าไปชั่วชีวิตตลอดกาล รับปากข้าได้หรือไม่!”

เพราะหวาดกลัวในใจ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาตอนนี้จึงได้อยากคำสัญญาจากเขาว่าจะไม่ไปจากเธออีก

หลายปีที่ผ่านมาช่วงเวลาที่ไม่มีเขา ทำให้เธอทุกข์ทรมานเสียจริง ในใจเจ็บปวดยิ่งนัก

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ชายหนุ่มกลับไม่เอ่ยปาก ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกสงสัย

ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยารู้สึกว่าบนใบหน้ามีบางสิ่งค่อยๆ หยดลงมา เดิมทีคิดว่าเป็นน้ำตาของอวี๋ ดังนั้นจึงยื่นมือออกไปเช็ด

เมื่อเห็นเลือดสดๆ บนมือนั้น หัวใจของเล่อเหยาเหยาแทบกระดอนออกมา

ตกใจอย่างหนัก พลันเงยหน้ามองขึ้นไป เห็นเพียงชายหนุ่มที่อยู่ดีๆ เวลานี้กลับมีเลือดไหลออกมาจากเจ็ดทวาร ใบหน้าหล่อเหลานั้นเริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว

“อา”

“อวี๋ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”

เล่อเหยาเหยาถูกทำให้ตกใจอย่างหนัก

เพราะตั้งแต่ตอนแรกชายหนุ่มเริ่มเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด จนสุดท้ายเลือดนั้นคล้ายกับไหลออกมาจากทั่วกาย ทำให้ร่างกายของเขาแช่อยู่ในทะเลเลือด

“เหยาเหยา เหยาเหยา”

เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้นไม่หยุด แต่เสียงนั้นโรยแรงราวกับอีกเพียงวินาทีเดียว เขาจะหายสาบสูญไป

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ตกใจแทบเสียสติ รีบยื่นมือไปดึงมือที่เต็มไปด้วยเลือดของชายหนุ่นไว้ แต่สิ่งที่เธอสัมผัสกับเป็นเพียงอากาศธาตุ

“ไม่ เหตุใดเป็นเช่นนี้ ไม่ ไม่ได้ อวี๋ อวี๋ ห้ามไป ห้ามไป”

เห็นชัดว่าอวี๋อยู่ตรงหน้า แต่ร่างของเขากลับยิ่งลอยไกลออกไป เล่อเหยาเหยาคิดไล่ตามแต่สองเท้าของตนกลับคล้ายฝังอยู่ในพื้นดินขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

ไม่ว่าเธอจะร้องไห้จนแทบขาดใจ อวี๋ยังหายไปจากสายตาของตน

“ไม่ อวี๋ ท่านเคยรับปากข้าว่าจะไม่ไปจากข้า ไม่ได้อวี๋!”

“เหยาเหยา เหยาเหยา”

“เหยาเหยา ตื่น ตื่นเถิด เจ้ากำลังฝันร้าย”

เสียงที่เดิมทีอ่อนแรง ถูกแทนที่ด้วยเสียงอ่อนโยนงามสง่าแฝงด้วยความกังวลอย่างยิ่ง

ดวงตาที่ปิดสนิทของเล่อเหยาเหยา สั่นไหวเล็กน้อยชั่วขณะ ในที่สุดก็ลืมขึ้นมา

เมื่อเห็นแสงเทียนสว่างไสว ผ้าม่านโปร่งบาง ม่านลูกปัดโอนเอียงในห้อง ความมืดยามราตรีนอกหน้าต่าง เล่อเหยาเหยาพลันตกใจได้สติ ที่แท้เมื่อครู่คือความฝัน

แต่เหตุใดความฝันเมื่อครู่ช่างเหมือนจริงเช่นนี้!

และเวลานี้เธอยังรู้สึกถึงใจเต้นอย่างบ้าคลั่งของตน

แต่ข้างกายกลับไร้อวี๋ บนมือไม่มีเลือดที่บาดตาน่าตกใจนั้น

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความฝันหรือ!

ขณะเล่อเหยาเหยากำลังเจ็บปวดใจ

ทันใดนั้นก็ได้ยินคำพูดด้วยความห่วงใยของตงฟางไป๋ดังขึ้นมา

“เหยาเหยา เจ้าไม่เป็นไรนะ หากมีเรื่องใดไม่ต้องเก็บไว้ในใจ บอกพี่มาเถิด พี่จะช่วยแบ่งเบาให้เจ้าเอง”

“พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร”

ทราบดีว่าตงฟางไป๋ห่วงใยตน เพื่อไม่ให้เขากังวล เล่อเหยาเหยาเพียงยิ้มมุมปาก

แต่ที่เธอไม่รู้ตัวก็คือ เพราะฝันเมื่อครู่นั้น เวลานี้สีหน้าของเธอซีดขาวมากเพียงใด

รอยยิ้มนี้ จึงดูน่าเกลียดกว่าปกติยิ่งนัก

ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้นไม่พูดจา เพียงมองเล่อเหยาเหยาอยู่เงียบๆ เป็นเวลานาน จึงถอนหายใจออกมา

“เหยาเหยา เหตุใดเจ้าจึงปากแข็งเช่นนี้ มักเก็บความทุกข์ซ่อนไว้ในใจ ครั้งนี้เพราะเจ้าคิดมากเกินไป จึงหมดสติอยู่ในถังอาบน้ำ หากไม่ใช่สาวใช้เห็นว่าเจ้าไม่ออกมาเสียที จึงกังวลเข้าไปเห็น เจ้าคงจมน้ำตายไปแล้ว เหยาเหยาเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้ากังวลใจยิ่งนัก”

เมื่อได้ยินคำพูดอ่อนโยนกังวลใจของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาแสบจมูก ภายในดวงตาปกคลุมด้วยชั้นหมอก ก่อนเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น

“พี่ใหญ่ หากข้าเอ่ยพูดออกมาแล้วจะเป็นเช่นไร อวี๋เขา ก็ไม่กลับมาอยู่ดี!”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ บนใบหน้าซีดเซียวนั้น แววตาพร่ามัวของเล่อเหยาเหยากลายเป็นน้ำตาขึ้นมาในที่สุด ไหลอาบสองแก้ม ก่อนตกลงบนผ้าห่มอย่างรวดเร็ว

“พี่ใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่ข้าฝันว่าอวี๋กลับมา ร่างกายอันอบอุ่นกลิ่นอายแสนคุ้นเคยของเขา เหมือนจริงอย่างมาก ข้าคิดว่าเขากลับมาแล้วจริงๆ ข้าจึงดีใจยิ่งนัก ทว่าต่อมาร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาเจ็บปวดใจยิ่งนัก เขาเอ่ยเรียกข้าไม่หยุดอย่างโรยแรง ราวกับอีกสักครู่จะสลายหายไป พี่ใหญ่!”

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท