สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 203.2 ครอบครัวสามคน (2)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

หากเล่อเหยาเหยารู้ว่าชายหนุ่มที่เธอรักสุดหัวใจมาตลอด เวลานี้อยู่ห่างจากเธอเพียงกำแพงกั้น ต้องไม่พูดไม่จาพุ่งเข้ามาแน่

แต่ทั้งหมดนี้ เธอล้วนไม่รับรู้

และเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ไม่สามารถบอกเรื่องว่าตนยังไม่ตายกับเธอ เพราะ…

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ปานขาดใจนั้นไม่หยุดลงเสียที ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ฟังจนคิ้วงามขมวดแน่นเป็นปม

เขาเวลานี้ไม่คิดถึงผลที่ตามมาและไม่คิดสิ่งใด อยากพุ่งเข้าไปกอดคนที่ตนคิดถึงจนปวดใจมาตลอดห้าปี

เพราะห้าปีมานี้ ในใจเขาเชื่อมั่นหนักแน่นมาโดยตลอดว่าจะตายไม่ได้ เพราะต้องกลับไปพบหน้าเธอ แม้จะเป็นเพียงแวบเดียว

เพราะความมุ่งมั่นอันหนักแน่นนี้ ในที่สุดเขากลับมา แต่…

พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเย็นชาแคบยาวของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปรากฎความเศร้าเสียใจขึ้นมา

ทันใดนั้นกลั้นความขมขื่นในใจไว้ไม่ได้ จึงจู่โจมเข้าไปที่เก้าอี้ไม้พยุงที่อยู่ด้านข้าง

เก้าอี้ไม้พยุงที่มั่นคงงดงามพลันแตกออกเป็นสี่ห้าส่วน

และมือใหญ่ที่ยังกำหมัดแน่นของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ค่อยๆ มีเลือดไหลออกมา ทว่าสีของเลือดสดๆ นั้น กลับเป็นสีม่วง

เพราะการต่อสู้ในโรงเตี้ยม แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว

และเพราะตนสอดมือเข้าไปยุ่ง แม้จะช่วยเหลือพวกเสี่ยวคุ่ยสองพี่น้องแล้ว ทว่ากลับทำให้โรงเตี๊ยมพังเสียหายอย่างหนัก

เปิดโรงเตี๊ยมเพื่อหาเงิน เวลานี้ข้าวของระเกะระกะในชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมแม้จะถูกเสี่ยวเอ้อร์ปัดกวาดจนสะอาดแล้ว แต่กลับเห็นเถ้าแก่นั้นพลางดีดลูกคิด พลางถอนหายใจออกมา

วันรุ่งขึ้นเมื่อ เล่อเหยาเหยาพาเหลิ่งอวี้เซวียนลงมาชั้นล่างจึงเห็นภาพเช่นนี้

ดังนั้นจึงอดยิ้มไม่ได้ พร้อมกับล้วงตั๋วเงินที่มีค่าห้าร้อยตำลึงออกมาจากอกเสิ้อมอบให้แก่เหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของเขา

เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน พลันพยักหน้าอย่างเข้าใจ วิ่งเข้าไปหาเถ้าแก่นั้นอย่างรวดเร็ว

เวลานี้เถ้าแก่กำลังคำนวณค่าเสียหายของเมื่อวานพร้อมถอนหายใจ ทันใดนั้นรู้สึกว่าชายเสื้อถูกคนดึงลาก จึงสงสัยในใจอดก้มศีรษะลงมองไม่ได้

เมื่อเห็นคนตัวเล็กที่หน้าตาดุจเซียนเด็กไม่รู้ปรากฎตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดนั้น ใบหน้าเหี่ยวย่นตะลึงงัน ทันใดนั้นรีบยิ้มแย้มออกมา

“เด็กน้อย มีเรื่องใดหรือ”

เมื่อเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กแสนน่ารักเช่นนี้ เถ้าแก่แม้จะอยู่ในอารมณ์สิ้นหวัง ใบหน้าเหี่ยวย่นอดยิ้มแย้มดุจดอกเดซี่ออกมาไม่ได้

ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนเมื่อเห็นเถ้าแก่กำลังยิ้มอย่างเมตตา มองมาที่เขา จึงยิ้มอย่างมีมารยาท อ้าปากเล็กเอ่ยอ้อแอ้ขึ้น

“ท่านลุง นี่ท่านพ่อมอบให้แก่ท่าน บอกว่าคือค่าเสียหายเมื่อวานและค่าที่พักหลายวันมานี้”

เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบ นำตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงที่เล่อเหยาเหยามอบให้แก่เขาเมื่อครู่ส่งให้แก่เถ้าแก่ผู้นั้น

เถ้าแก่เพียงเห็นพลันตะลึงงัน ทว่าได้สติอย่างรวดเร็ว ก่อนมองไปยังเล่อเหยาเหยาที่กำลังยืนรอเหลิ่งอวี้เซวียนอยู่บนบันได

เห็นเพียงเล่อเหยาเหยาวันนี้ ยังคงแต่งกายเป็นบุรุษเช่นเดิม

คิ้วโค้งงอน ดวงตาคู่งามเป็นประกาย จมูกจิ้มลิ้มริมฝีปากอมชมพู ผิวเนียมนุ่มหมดจด

สวมชุดสีขาวดุจหิมะหุ้มกาย คาดสายรัดเอวหยก ทำให้เธอดูหล่อเหลา รูปร่างงามสง่า

แม้จะเป็นเถ้าแก่อ่านผู้คนมานับไม่ถ้วนเมื่อเห็นเล่อเหยาเหยา ดวงตาชรายับย่นอดตะลึงไม่ได้

เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนที่หน้าตาดุจหยกแกะสลักข้างเท้าของตน อดถอนหายใจไม่ได้

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น บิดาและบุตรชายสองคนนี้รูปโฉมหล่อเหลา โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน

ขณะเถ้าแก่นั้นคิดในใจ มองตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงในมืออีกครั้ง ก่อนลังเลชั่วขณะไม่ได้ คิดเอ่ยบางอย่างกับเล่อเหยาเหยา

ทว่าเถ้าแก่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ถูกเล่อเหยาเหยาเอ่ยตัดบทขึ้นเสียก่อน

“เรื่องเมื่อวานเป็นเพราะความวู่วามของข้า จึงทำให้เถ้าแก่เสียหายอย่างหนัก นี่คือค่าเสียหาย ขอเถ้าแก่อย่ารังเกียจเลย”

“ไม่ จะเป็นเช่นนั้นได้เช่นไร”

เมื่อเล่อเหยาเหยาเอ่ยเช่นนี้ เถ้าแก่จึงไม่เล่นตัวปฏิเสธอีก เพราะเรื่องเมื่อวานเขาเสียหายหนักไม่น้อยทีเดียว

เล่อเหยาเหยาเห็นเถ้าแก่รับตั๋วเงิน สีหน้าเศร้าโศกก็พลันสูญหายไป ก่อนยิ้มมุมปากเรียกตัวเสี่ยวเอ้อร์เพื่อสั่งอาหารที่เธอและเหลิ่งอวี้เซวียนชื่นชอบหลายเมนู พร้อมนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างชั้นสอง

เวลานี้เป็นช่วงรับประทานอาหารกลางวัน แม้เมื่อวานที่นี่จะเกิดการต่อสู้ขึ้น แต่เพราะโรงเตี๊ยมแห่งนี้คือร้านเก่าแก่ในต้าหลี่ ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบ

โดยเฉพาะเมื่อวานที่นี่มีคนจัดการเหล่าอันธพาลทำตัวเกะกะระรานมาหลายปีนั้นลง ถือเป็นการทำให้ทุกคนโล่งใจ ดังนั้นกิจการของโรงเตี๊ยมจึงคึกคักเช่นเดิม

อาหารหลายเมนูที่เล่อเหยาเหยาสั่งไป ไม่นานถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ

โรงเตี๊ยมที่เงียบงันไร้ผู้คน ไม่นานพลันเปลี่ยนไปคึกคักพลุกพล่าน ผู้คนเบียดเสียดแน่นขนัด

ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยากวาดมองไปเห็นเถ้าแก่ที่สีหน้ามืดครึ้มกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง ดีดลูกคิดเสียงดังติ๊กติ๊ก

เสี่ยวเอ้อร์เฉลียวฉลาดยกกาน้ำชาอาหารลำเลียงไปมาไม่หยุด ยุ่งมือเป็นระวิง

สุดท้ายเล่อเหยาเหยากวาดมองไปยังชายชุดดำที่พลันปรากฎตัวขึ้นบนบันไดชั้นสอง

ใบหน้าจิ้มลิ้มอดตะลึงงันชั่วขณะไม่ได้ ดวงตาเบิกกว้าง และไม่ละสายตาจากชายชุดดำอีก

แม้เธอรู้ชัดว่าคนผู้นั้นไม่ใช่อวี๋ เป็นเพียงคนที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น แต่เพียงเห็นเขาปรากฎตัวขึ้น เล่อเหยาเหยายังผิดหวังอย่างหนักเช่นเดิม ในใจหวั่นไหวอย่างรุนแรง

ร่างกายราวกับถูกไฟดูด สายตาไม่ละจากชายหนุ่มแม้แต่วินาทีเดียว

เห็นชัดว่าชายหนุ่มคล้ายรับรู้ถึงสายตาของเล่อเหยาเหยา แม้เขาจะสวมหมวกคลุมหน้าสีดำไว้บนศีรษะ แต่เล่อเหยาเหยายังคงรู้สึกถึงสายตาร้อนแรงที่กำลังจ้องมาที่ตนผ่านผ้าโปร่งสีดำบางเบานั้นได้

หลังรับรู้ถึงเรื่องนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาพลันตกตะลึง ทันใดนั้นหัวใจเต้นระรัวขึ้น

คล้ายกับเมื่อครู่มีบางสิ่งที่รุนแรงจู่โจมเข้าที่หัวใจ

ทว่าเล่อเหยาเหยาได้สติอย่างรวดเร็ว ก่อนเห็นว่าชายหนุ่มคล้ายขึ้นมาเพื่อหาที่นั่ง

แต่ไม่ว่าชั้นสองหรือชั้นหนึ่งต่างไร้ที่ว่าง

ดังนั้นหลังชายชุดดำกวาดมองรอบด้านแล้ว คิดจากไป

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาลุกขึ้นทันที ก่อนเอ่ยกับชายชุดดำที่กำลังจากไปนั้น

“หากไม่รังเกียจ เชิญท่านนั่งลงร่วมทานกับพวกเราเถิด”

เล่อเหยาเหยารีบร้อนเอ่ยปากอย่างชัดเจน แต่กลับปิดบังการอ้อนวอนในน้ำเสียงเอาไว้ได้

ไม่รู้เพราะเหตุใด เธออยากใกล้ชิดชายหนุ่มตรงหน้านี้ยิ่งนัก

เพราะบนกายเขามอบความรู้สึกคุ้นเคยให้แก่เธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าอวี๋ยังอยู่ข้างกาย เธอไม่ได้โดดเดี่ยว

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ และหัวใจพลันเต้นระรัวขึ้นตามไปด้วย

เห็นเพียงชายชุดดำหลังได้ยินคำพูดของเธอ ร่างที่กำลังจะลงไปชั้นหนึ่งแม้จะหยุดลง แต่กลับไม่ได้หมุนกายกลับมา

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยากังวลในใจ กลัวว่าเขาจะปฏิเสธ

สายตามองแผ่นหลังของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยการอ้อนวอนโดยไม่รู้ตัว

ในใจภาวนาไม่หยุดให้เขานั่งลงทานอาหารร่วมกัน

สำหรับสายตาอ้อนวอนของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มไม่ใช่ไม่รับรู้

แต่หลังจากเขาอดกลั้นอยู่ชั่วขณะ ยังเดินลงบันไดไปอย่างใจดำ คิดจากไปทันที

แต่ทันใดนั้น ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าแขนเสื้อของตนถูกคนดึงยั้งไว้แน่น

ขณะสงสัยในใจ ชายหนุ่มก้มลงมอง เห็นคนตัวเล็กที่มีใบหน้าดุจหยกแกะสลัก ราวกับฉบับย่อของตน

“ท่านลุง ท่านอยู่ทานอาหารกับพวกเราสักมื้อเถิดนะ!”

เสียงอ้อแอ้นุ่มนวล เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าเล็ก น่ารักนุ่มนวล ที่ทำให้ผู้คนอยากเข้าไปกอดแรงๆ สักครั้งนั้น แม้ชายหนุ่มใจแข็งดุจหินผาได้เห็น ล้วนอดใจอ่อนไม่ได้

เมื่อเห็นคนตัวเล็กด้านล่างนั้น ในใจชายหนุ่มก็อดอ่อนลงตามไปด้วยไม่ได้ ดวงตาเย็นชาใต้ผ้าโปร่งสีดำพลันอบอุ่นขึ้นหลายส่วน ทำให้ไอโหดเหี้ยมบนกายเขาลดลงไปไม่น้อย

นี่คือบุตรชายของเขา…

…………………………………………………………………………………..

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท