คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 6 หนุนหลัง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ยังไม่รู้จักสถานะของตัวเองดีรึ

พ่อบ้านหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เขาพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณหนูรอง คุณทำตัวแบบนี้คงไม่สามารถทำให้คุณนายพอใจได้ ผมว่าคุณ…”

เขากลับไม่สามารถพูดได้จนจบ

ฟึ่บ แขนของเขาถูกนิ้วมือเรียวยาวจับไว้ ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

วินาทีถัดมาก็ถูกแรงมหาศาลถาโถมอย่างไม่ทันตั้งตัว พ่อบ้านทรุดลงไปบนพื้น

ดวงตาของอิ๋งจื่อจินมองลงพลางพูดขึ้น “ก็บอกแล้วว่าให้หลบไป”

พ่อบ้านเงยหน้าอย่างหวาดกลัว แทบไม่อยากเชื่อ ดวงตาเบิกโพลง

“เอ่อ”

ยามกลางคืนในเวลานี้ ทันใดนั้นได้มีเสียงหัวเราะที่เจือไปด้วยความสะใจ หากตั้งใจฟังยังแฝงไปด้วยความเย็นชา

“ถ้าฉันไม่วกกลับมาก็คงไม่รู้ว่า คนรับใช้ของตระกูลอิ๋งตอนนี้กล้าสั่งเจ้านายแล้ว คุณนายอิ๋งอบรมมาแบบนี้เหรอ”

ชายหนุ่มสูงยาวผึ่งผาย สวมเสื้อเชิ้ตสีดำเช่นเดียวกัน กระดุมถูกปลดออก สีผิวยิ่งถูกขับให้ขาวยิ่งขึ้นดุจหยกท่ามกลางหิมะ

ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ก็กลายเป็นทิวทัศน์แบบหนึ่ง หิมะขาวโพลนท่ามกลางแสงจันทร์ เป็นภาพที่งดงามยากจะหาใดเปรียบ

อิ๋งจื่อจินชักเท้ากลับ เงยหน้าขึ้น สายตาชะงักไปเล็กน้อย “คุณยังไม่ไปอีกเหรอ”

“โชคดีที่ยังไม่ไป” มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋า มุมปากโค้งขึ้น “ก็ถ้าไปเด็กน้อยของเราก็ต้องถูกรังแกน่ะสิ”

สายลมเบาๆ พัดผ่าน เปิดอกเสื้อของเขา เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมา

สุขุมอ่อนโยน เย้ายวนดึงดูด

อิ๋งจื่อจินเงียบไปเล็กน้อย “ขี้เกียจสนใจ”

เธอไม่ชอบพูด มัวเสียเวลาพูดไม่สู้ลงมือไปเลย

“อืม ฉันรู้” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะของเธอ “ฉันถึงได้มาสนใจแทน เธอไปยืนดูข้างๆ ก็พอ”

เขาหันไป เชิดคางเล็กน้อย ยังคงยิ้มอยู่ “คุณให้ใครขอโทษเหรอ”

เดิมทีพ่อบ้านถูกผลักก็งงอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งไม่กล้าหายใจแรง อดกลั้นจนใบหน้าแดงก่ำ เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด ขาก็สั่น เหลือแค่คุกเข่าลงแล้ว

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางไม่รู้จักผู้ชายที่ปรากฏตัวอยู่ตรงนี้

คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลฟู่ ฟู่อวิ๋นเซิน

คุณชายที่เสเพลที่สุดในเมืองฮู่เฉิง ไม่รักความก้าวหน้า

ได้ยินว่าฟู่อวิ๋นเซินเอาแต่ใจเกินไป มีเรื่องกับผู้สืบทอดของตระกูลหนึ่งในเมืองตี้ตู จึงถูกตระกูลฟู่ส่งไปยุโรปในคืนนั้นทันที

ทำไมอยู่ๆ ก็กลับมาแล้วล่ะ

อีกทั้งยังมาปกป้องคุณหนูรองแบบนี้ด้วย

บ้าไปแล้วเหรอ

“ขอโทษครับคุณหนูรอง” พ่อบ้านทนแรงกดดันไม่ไหว ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง พูดเสียงสั่น “ผมไม่ควรทำตัวไม่เคารพคุณหนู ผมผิดไปแล้วครับ”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจ “ไป เด็กน้อย คราวนี้ฉันจะไปส่งเธอเข้าข้างในด้วยตัวเอง”

พ่อบ้านมีหรือจะกล้าขัดขวางอีก “คุณชายเจ็ด คุณหนูรอง เชิญทางนี้ครับ”

ในขณะที่กำลังอดกลั้นอยู่นั้น เขากลับโล่งอก อย่างน้อยคุณนายก็ไม่มีทางโทษเขาแล้ว

เปิดประตูออก ไอเย็นเข้ามากระทบ เกล็ดน้ำแข็งตกลงบนพรมหรูหรา

ภายในห้องรับแขกชั้นหนึ่งของคฤหาสน์อบอุ่นมาก

สตรีไฮโซนั่งอยู่บนโซฟา เธอกำลังพลิกหนังสือด้วยท่วงท่าที่สง่างาม กิริยาท่าทางแบบผู้ดี

นี่คือจงมั่นหวา คุณนายของตระกูลอิ๋ง เกิดในตระกูลจงที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่

จงมั่นหวาได้ยินเสียงฝีเท้า แต่กลับไม่เงยหน้าขึ้น พูดอย่างไม่รีบร้อน “คุณหนูรองยอมสยบแล้วเหรอ”

ภายในบ้านเก็บเสียงดีมาก คนข้างในไม่มีทางได้ยินเสียงจากด้านนอก

พ่อบ้านไม่กล้าหายใจแรง แค่ตอบเสียงเบา “คุณนายครับ”

“หืม?” จงมั่นหวาขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้น “ไม่ยอม…”

คำพูดที่เหลือหยุดชะงักลงตอนเห็นชายหนุ่ม

จงมั่นหวาอึ้งไปเล็กน้อย ผ่านไปหลายวินาทีถึงรู้สึกตัว

เธอวางหนังสือในมือลง ลุกขึ้นไปต้อนรับ ทำเหมือนไม่เห็นเด็กสาว ยิ้มพลางพูด “ที่แท้ก็คุณชายเจ็ด เมื่อวานเพิ่งได้ยินพ่อของคุณชายบอกว่าคุณชายกลับมาจากยุโรปแล้ว มาบ้านตระกูลอิ๋งดึกดื่นขนาดนี้ มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ”

ตระกูลฟู่เป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ แม้ฟู่อวิ๋นเซินจะไปจากเมืองฮู่เฉิงสามปี แต่ตราบใดที่ผู้เฒ่าฟู่ยังอยู่ก็ใช่ว่าตระกูลอิ๋งจะล่วงเกินได้

“มาส่งเด็กน้อยกลับบ้าน” ฟู่อวิ๋นเซินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมไม่วางใจ กลัวเธอถูกรังแก”

รอยยิ้มของจงมั่นหวาหยุดชะงัก ดูคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ สายตาของเธอถึงได้หันไปหาเด็กสาวแล้วถามขึ้น “เรื่องอะไรกัน”

พ่อบ้านรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างคร่าวๆ

พอฟังจบจงมั่นหวาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มพลางพูด“คุณชายเจ็ด นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ ยังต้องรบกวนคุณชายมาถึงที่ จื่อจินก็เป็นลูกสาวของฉันเหมือนกัน ฉันจะทนเห็นเธอลำบากได้ยังไงกันคะ”

“อย่างนั้นเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม ท่ายืนเอื่อยเฉื่อย “แบบนั้นก็ดี ผมวางใจแล้ว คุณนายอิ๋งดูแลลูกเลี้ยงของตัวเองดีแบบนี้ ลือออกไปก็ได้ชื่อในเรื่องความเมตตา”

สีหน้าของจงมั่นหวากระอักกระอ่วนเล็กน้อย

คำพูดนี้เป็นการประชดอย่างเห็นได้ชัด

“ก็แค่คนรับใช้นี่…” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมอง แสยะยิ้ม “ใจกล้าเกินไปหน่อย”

พ่อบ้านเข่าอ่อนยิ่งกว่าเดิม

จงมั่นหวาหน้าตึง ไม่พูดอะไร

“แต่ผมเป็นคนนอก จะไปสั่งสอนคนรับใช้ของตระกูลอิ๋งก็คงไม่ดี” ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจอีก หันหน้าไปชี้โทรศัพท์มือถือของเด็กสาว อมยิ้มพลางพูด “เด็กน้อย ฉันเซฟเบอร์ไว้ให้เธอแล้ว ติดต่อมาได้ตลอด”

ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง ภายในห้องเงียบสงัด

พ่อบ้านโล่งอก ปาดเหงื่อไม่หยุด

“ไปไหนมา” จงมั่นหวาอดกลั้นความโมโห ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าทันทีหลังจากฟู่อวิ๋นเซินไป “ลู่เวยบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลเมื่อสามชั่วโมงก่อน ไปทำอะไรมาล่ะ”

หนีออกไปท่ามกลางหิมะตกหนักคนเดียว เมื่อไรจะเลิกทำให้เธอหนักใจเสียที

ทั้งยังพาคนกลับมายั่วโมโหเธอโดยเฉพาะ ไม่รู้จักมารยาท

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ หาวออกมา

นอกจากหิว ตอนนี้ก็เริ่มง่วงแล้ว

อยู่ๆ ก็ได้กลับมาเป็นมนุษย์ปกติ เธอต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ดี

จงมั่นหวาพูดอย่างเย็นชา “ถามเธออยู่นะ ไร้มารยาทขนาดนี้เชียวเหรอ”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าแล้วตอบ “แม่จำเป็นต้องสนใจคลังเลือดมีชีวิตคนหนึ่งด้วยเหรอ”

จงมั่นหวาแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ตัวสั่นขึ้นมาทันที “เธอว่าไงนะ”

พ่อบ้านเองก็มองด้วยความตกใจ สีหน้าเหลือเชื่อ

เรื่องที่ตระกูลอิ๋งรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเพื่อเป็นคลังเลือดมีชีวิตไม่ใช่ความลับอะไรในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ ทุกคนในแวดวงไฮโซต่างรู้

แต่ไม่มีใครแคร์เรื่องนี้เพราะไม่สำคัญ บางครั้งยังคุยเล่นเรื่องนี้กันระหว่างรับประทานอาหารเพื่อเพิ่มอรรถรส ตระกูลอิ๋งเองก็ไม่รู้สึกว่าแปลกอะไร

แต่ยามที่เรื่องอัปลักษณ์นี้ถูกพูดออกมาตรงๆ จงมั่นหวารู้สึกเพียงว่าผ้าคลุมปกปิดความน่าเกลียดที่คลุมร่างกายไว้ทุกส่วนได้ถูกกระชากออก ราวกับถูกแทงข้างหลัง เลือดในกายเย็นยะเยือก มือเท้าเย็นเฉียบ

อย่างไรเสียจงมั่นหวาก็เกิดในตระกูลชื่อดัง เธอควบคุมอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าผ่อนคลายลง แต่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเชิงสั่ง “ดูสภาพของเธอสิ เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ไปอาบน้ำก่อน อีกเดี๋ยวฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

เห็นเพียงเด็กสาวหาวออกมาอีกครั้ง เดินขึ้นชั้นบนอย่างไม่สนใจ

จงมั่นหวาหน้าบึ้ง วางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรงดัง ‘ปึ้ก’

พ่อบ้านก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร

“ดูท่าทางของเธอสิ ฟังเอานะว่าพูดอะไรกับฉัน” จงมั่นหวาโมโหจนปวดหัวปวดอก ที่มากกว่าคือความน้อยใจ “เธอคิดว่าฉันอยากให้เธอโดนสูบเอาเลือดไปเหรอ เลือดเนื้อของฉัน ฉันไม่ปวดใจได้เหรอ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท