คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 15 พ่อเลี้ยง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้สนใจอะไร “หืม?”

ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับตอบมาอย่างรวดเร็ว

“สามคน ทั้งหมดอยู่ในอันดับนักล่าฆ่าหัว เดี๋ยวฉันส่งข้อมูลให้”

“เดี๋ยว…ไม่ใช่ว่าฉันยังไม่เจอนาย นายก็จะตายแล้วนะ”

ขนตาฟู่อวิ๋นเซินขยับและแสดงใบหน้าแสยะยิ้ม “วางใจได้ เจอสักครั้งยังพอไหว”

ตัวอักษรสีแดงหายไป หน้าจอถึงกลับมาเป็นปกติ บนหน้าจอที่เดิมทีไม่มีอะไรเลย ทันใดนั้นได้ปรากฏแฟ้มเอกสาทั้งสามแฟ้ม โดยแบ่งเป็นชื่อดังนี้

‘ชาร์พชูทเทอะอันดับสี่, คิลเลอะอันดับห้า, ฮิพนะทิสท์อับดับเจ็ด’

ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามอง แต่ไม่ได้กดเปิดแฟ้มดู

เขาพับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ยืนขึ้น หลังจากยกข้อมือดูเวลาก็ออกไปข้างนอก

วันนี้เป็นวันที่สิบห้าเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติ บนถนนมีขายโคมไฟอยู่ไม่น้อย ถึงแม้แสงแดดในยามเที่ยงครึ่งจะเจิดจ้า ไม่ทำให้แยงตา แต่กลับกันให้ความอบอุ่นแบบกำลังดี

อิ๋งจื่อจินเอียงหน้า มองเด็กน้อยหลายคนที่กำลังกระโดดเชือกอยู่ไม่ไกลมากนัก สีหน้าผ่อนคลายลง เคยชินกับการสู้รบปรบมือทุกวัน พอได้อยู่อย่างเงียบสงบ ก็ทำให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง

สองมือของเธอล้วงกระเป๋า ยืนพิงรั้ว ท่าทางสบายๆ มองทิวทัศน์พลางจัดระเบียบความทรงจำของตัวเองใหม่

ตระกูลเจียงมีมูลนิธิช่วยการศึกษา ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลโดยเฉพาะ

เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้นพอดี เดิมทีก็เป็นประเภทที่ไม่สะดุดตา

เมื่อหนึ่งปีก่อน เจียงมั่วหย่วนต้องการรับเธอมาอยู่ที่เมืองฮู่เฉิงโดยให้เหตุผลว่าจะสนับสนุนให้เธอเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

เป็นการตัดสินใจอย่างกะทันหัน

ตอนนั้นเธอไม่ได้ยินยอมอะไร เพราะเวินเฟิงเหมียนพ่อเลี้ยงของเธอเป็นโรคหอบหืด ป่วยหนักมาก จำเป็นต้องมีคนดูแล

แต่เวินเฟิงเหมียนบอกว่า ทั้งชีวิตเขาคงต้องเป็นแบบนี้เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาหวังว่าเธอจะได้เดินออกไปมีอนาคตที่ดีกว่านี้

แต่ใครก็นึกไม่ถึงว่า พอเดินออกไปจะมีผลลัพธ์แบบนี้ ตระกูลอิ๋งรับเธอกลับไป แต่กลับเป็นในรูปแบบลูกเลี้ยง เนื่องจากอิ๋งเจิ้นถิงจัดการกลบข่าวไม่ดีเรื่องที่คุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งหายไป จึงให้ลูกเลี้ยงแทนที่ตัวตนเดิมของเธอ รวมถึงชื่อและวันเกิด

ตอนแรก จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงก็ยังดีกับเธออยู่ จนกระทั่งอิ๋งลู่เวยบาดเจ็บครั้งแรก จนกระทั่งเธอเป็นข่าวเสียหายในแวดวงไฮโซครั้งแล้วครั้งเล่า บวกกับมีอิ๋งลู่เวยที่เป็นคุณหนูไฮโซอันดับหนึ่งกับคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งเป็นตัวเปรียบเทียบ ลูกเลี้ยงที่มาจากชนบทเทียบไม่ได้แม้แต่น้อย

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลง ความทรงจำในสมองมีเพียงด้านเดียว ไม่สามารถแอบดูเรื่องราวทั้งหมดได้ และน่าเสียดาย ด้วยความสามารถในการพยากรณ์ของเธอตอนนี้ ยังไม่เพียงพอให้เธอมองเห็นอดีต และอนาคตอันสมบูรณ์ของเธอที่นี่ได้

แต่โดยทั่วไปแล้ว คนทำนายจะไม่ดูให้ตัวเอง

ความทรงจำบอกเธอว่า นับตั้งแต่กลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลอิ๋ง ตระกูลอิ๋งก็ไม่ให้เธอไปยุ่งกับครอบครัวเก่าของเธอแม้แต่น้อย ทั้งยังกลัวว่าเธอจะทำขายหน้าเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับวงตระกูลอีก จึงให้ตัดขาดการติดต่อของเธอกับครอบครัวเวินอย่างสิ้นเชิง

จงมั่นหวากลัวเธอหนีไป เอาบัตรประชาชนของเธอไปล็อกไว้ในตู้ เตือนเธอหลายครั้งว่าเธอเป็นคุณหนูตระกูลอิ๋ง ห้ามไปที่อำเภอชิงสุ่ยให้ถูกคนจนพวกนั้นเกาะ

ส่วนเวินเฟิงเหมียน พวกเขาได้ให้เงินไปแล้วหนึ่งแสน ครอบครัวเวินควรรู้จักพอแล้ว

เป็นคนอาศัยในอำเภอเล็กๆ คงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนั้น

ถึงแม้อำเภอชิงสุ่ยจะอยู่ไม่ไกลจากเมืองฮู่เฉิง ระยะทางแค่สองร้อยกว่ากิโลเมตร แต่ในฐานะที่เป็นคลังเลือดมีชีวิตของอิ๋งลู่เวย เธอถูกจับตาอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นหนึ่งปีแล้วที่เธอยังไม่ได้กลับอำเภอชิงสุ่ยเลยสักครั้ง นี่ต่างหากคือการอกตัญญู

อิ๋งจื่อจินหยิบบัตรประชาชนในกระเป๋าออกมาดู รู้สึกปวดหัว

เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็มีข้อเสียเหมือนกัน ทำอะไรก็มีข้อจำกัด

แต่เธอจำเป็นต้องกลับอำเภอชิงสุ่ยสักครั้ง เวินเฟิงเหมียนสุขภาพไม่ดี บุญคุณที่เคยเลี้ยงดูเธอหนักหนาเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่ดูแล

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด หยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มเสิร์ชหาร้านยาแผนจีนที่อยู่ใกล้ที่สุดในแผนที่

สามนาทีต่อมา

ณ ถนนจงซานใต้

พอลงจากรถแท็กซี่อิ๋งจื่อจินก็ได้กลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ทำให้จิตใจขุ่นมัวที่หลับไม่สบายสงบลงไปมาก

เธอกดศีรษะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตายมาแล้วครั้งหนึ่งหรือเปล่า เธอตื่นมาครั้งนี้ควบคุมอารมณ์ได้แย่ไปหน่อย

เห็นทีจะต้องปรุงยาระงับประสาท

อิ๋งจื่อจินเข้าไปที่ธนาคารแห่งหนึ่งก่อน ช่วงบ่ายคนน้อยช่องให้บริการจะว่าง เธอยังคงสวมเสื้อเชิ้ตสีดำเรียบง่าย ติดกระดุมครบ สวมเสื้อกันหนาวสีกากี กางเกงขายาวสีดำเข้ม รองเท้าบู๊ทหนัง มัดผมครึ่งหัว รัดกุมและเย็นชา

ภาพลักษณ์นี้โดดเด่นดึงดูดสายตาคนผ่านไปผ่านมา

ตอนหยิบบัตรคิว อิ๋งจื่อจินหันหน้าเหลือบไปเห็นดอกไอริสสีทองที่บนผนัง ทำให้สีหน้าชะงักไปชั่วขณะ

ผ่านไปสักพักเธอถึงค่อยๆ นึกออกว่าสัญลักษณ์นี้เป็นภาพที่เธอวาดเล่นในตอนนั้น

นึกไม่ถึงว่าผ่านมาหลายปี ตระกูลลอเรนท์ได้ขยับขยายธนาคารของพวกเขาจากยุโรปไปทั่วโลกแล้ว

อิ๋งจื่อจินหาวออกมา ค่อยๆ เดินไปที่เคาน์เตอร์ ดวงตาหงส์ของเธอเปล่งประกายดุจแสงจันทร์ที่สาดส่องลงบนกิ่งไม้ ขับให้ผิวพรรณที่ขาวนวลตรงคอเสื้องดงามเสียจนพาให้ใจสั่น พนักงานหญิงที่เคาน์เตอร์หน้าแดง รีบเบนสายตาไปทางอื่น “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”

“ถอนเงินก่อนสองพันค่ะ” อิ๋งจื่อจินยื่นบัตรสีดำกับบัตรประชาชนให้

“จากนั้นก็ทำบัตรอีกใบแล้วโอนเงินเข้าหนึ่งล้าน ขอบคุณค่ะ”

เงินหนึ่งล้านถ้าเอาฝากไว้ธนาคารอื่นเป็นยอดที่สูงมาก แต่กลับไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับธนาคารลอเรนท์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนอะไรมาก

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พนักงานเคาน์เตอร์รับไปแล้วเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว

อิ๋งจื่อจินคิดแล้วถามขึ้น “ฝากเงินไว้ที่นี่ฝากได้นานแค่ไหนเหรอคะ”

พนักงานอึ้งไปชั่วขณะแล้วถึงตอบ “ตราบใดที่มีหลักฐานแสดง จะนานเท่าไรก็ได้ค่ะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า นั่งพิงหาวด้วยความอ่อนเพลีย

ไม่แน่ทองของเธออาจยังสามารถกลับมาอยู่ในมือเธอได้

ณ ร้านยาแผนจีนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ลู่ฟั่งกำลังหมอบเขียนการบ้านอยู่ที่โต๊ะแคชเชียร์ เขียนอยู่นานก็ยังตอบคำถามเรื่องอนุพันธ์ข้อสุดท้ายไม่ได้สักที โยนหนังสือทิ้งด้วยความหงุดหงิด

เขายืนขึ้นเตรียมจะไปหาขนมกินพอเงยหน้าขึ้น เหมือนกลับถูกเงาที่อยู่หลังหน้าต่างกระจกสะกดสายตา

“พี่ นั่นไม่ใช่คนนั้นเหรอ” ลู่ฟั่งกึ่งสงสัยกึ่งดูถูก “เธอมาจากชนบท ไปทำอะไรที่ธนาคารลอเรนท์ มีเงินหรือไง”

ธนาคารลอเรนท์เป็นธนาคารใหญ่ระดับสากลเพียงหนึ่งเดียวทั่วโลก คนที่เข้าไปมีแต่เศรษฐี

อิ๋งจื่อจินเป็นคนของตระกูลอิ๋งนั้นถูกต้อง แต่ก็เป็นแค่ลูกเลี้ยงที่ไม่มีตำแหน่งอะไร ผลการเรียนก็รั้งท้ายในคลาสเด็กอัจฉริยะของพวกเขา

“ใคร” ลู่จื่อกำลังเขียนรายการอยู่ พอได้ยินก็แค่หันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ

แต่พอเห็นสีหน้าก็บึ้งลง

ลู่ฟั่งพูดขึ้นมาอีก “พี่ พี่บอกว่าเมื่อวานเธอยังชักสีหน้าใส่พี่เลยไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

ลู่จื่อแสยะยิ้ม “ความสามารถก็ไม่มี แถมนิสัยอวดดีอีก คิดว่าฉันอยากช่วยบำรุงร่างกายให้หรือไง”

ถ้าไม่ใช่เพราะอิ๋งลู่เวยเชิญเธอไป เธอคงไม่ปรนนิบัติลูกเลี้ยงให้หรอก

ลู่ฟั่งกำลังเตรียมปลอบลู่จื่อ แต่กลับเห็นอิ๋งจื่อจินเดินออกจากธนาคารลอเรนท์ ทั้งยังเดินมาทางพวกเขา จึงอดตกใจไม่ได้ “พี่ ทำไมเธอมาทางนี้ล่ะ คงไม่ได้มาซื้อยาหรอกนะ”

ยาแผนจีนสมัยนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าแผนปัจจุบัน ร้านของพวกเขาเป็นร้านขายสมุนไพรแผนจีนโดยเฉพาะ โดยทั่วไปมีแค่โรงพยาบาลมาสั่งซื้อ น้อยมากที่จะมีลูกค้าขาจร

“มาซื้อยาเหรอ” ลู่จื่อแสยะยิ้ม “ไม่ขายให้หรอก”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน