คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 20 เด็กน้อย ทำไมฉวยโอกาสกับฉันล่ะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

อยากให้ทั้งโลกบ้าตามไปด้วยเหรอ

เธอล่ะอยากให้ชื่อซ้ำกันเฉยๆ แต่…

สายตาของอิ๋งจื่อจินเลื่อนลง หลังจากเห็นชื่อที่อยู่หลังกรอบอธิการบดีคนแรกเธอก็หมดคำจะพูด

เป็นคนบ้าคนนี้จริงๆ ด้วย

ครั้งแรกที่เจอกันยังอยากผ่าประสาทเธอดู

เวินทิงหลานสังเก็ตเห็นสีหน้าของพี่สาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย “พี่?”

อิ๋งจื่อจินได้สติกลับมา สีหน้าสับสนนิดหน่อย “นายอยากเรียนสาขาอะไรที่มหา’ลัยนอร์ตันเหรอ”

ถ้าเธอจำไม่ผิด ตอนนั้นที่เธอยังอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน สาขาที่เปิดมีแค่เทววิทยา จิตศาสตร์ การศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหลายแหล่ การเล่นแร่แปรธาตุ อะไรทำนองนี้ ไม่ได้เหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่นแม้แต่น้อย

ความคิดของคนบ้า คนปกติเข้าไม่ถึงจริงๆ

เวินทิงหลานกลับส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “คิดๆ แล้วก็ช่างเถอะ ยังไงก็เข้าไม่ได้อยู่ดี”

มหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่เหมือนมหาวิทยาลัยอื่น ทั้งไม่มีการสอบเข้าและไม่ดูคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของส่วนกลาง แต่ต้องมีจดหมายแนะนำที่ทางโรงเรียนส่งไปเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติขั้นแรกของการเข้ามหาวิทยาลัย

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต่อให้คะแนนสอบส่วนกลางเป็นที่หนึ่งของประเทศจีนหรือสอบ SAT ได้คะแนนเต็ม ตราบใดที่ไม่มีจดหมายแนะนำก็เข้าไปเรียนไม่ได้

ไม่มีใครรู้มาตรฐานการรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน และยิ่งไม่มีใครรู้ว่าในแต่ละปีพวกเขารับนักศึกษาอะไรไปบ้างกันแน่

แต่ถึงจะเป็นแบบนี้มหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ยังคงอยู่ในอันดับหนึ่งเหนือมหาวิทยาลัยอื่นได้อย่างมั่นคง

“นายอยากไปก็ต้องได้ไป” อิ๋งจื่อจินเงียบไปสักพัก “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

แต่ถ้าอยากเรียนเทววิทยาล่ะก็ช่างเถอะ

พอนึกถึงตรงนี้เธอก็ก้มหน้าอ่านข้อมูลของมหาวิทยาลัยนอร์ตันต่อ พอแน่ใจว่ามหาวิทยาลัยมีสาขาปกติอย่างฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ เครื่องกล เป็นต้น เธอก็วางใจแล้ว

เวินทิงหลานขบฟัน เม้มริมฝีปากแน่น กำมือ “พี่ ไม่งั้นพี่ก็ย้ายกลับมาจากฮู่เฉิง ผมก็เลี้ยงพี่กับพ่อได้เหมือนกัน”

เขารู้สึกได้ว่าพี่สาวของเขาดูเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนก็เป็นคนเงียบๆ พูดน้อย แต่ไม่ได้ปลงได้แบบนี้ ราวกับว่าไม่มีอะไรทำร้ายเธอได้

ตระกูลอิ๋งทำอะไรกับเธอกันแน่

“นั่นเป็นเรื่องในอนาคตแล้ว ไว้รอนายเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนค่อยว่ากัน” อิ๋งจื่อจินมีสีหน้าผ่อนคลาย “ครั้งนี้ที่พี่กลับมาก็เพราะอยากรับนายกับพ่อไปที่เมืองฮู่เฉิง”

สายตาของเวินทิงหลานเย็นชาลง มุมปากกดลง “ผมไม่ไป”

เขาเกลียดเมืองฮู่เฉิง แล้วก็เกลียดคนพวกนั้นด้วย

“อืม กลับไปค่อยปรึกษากัน”

สองพี่น้องเดินตามกันกลับบ้าน ตอนที่อีกไม่กี่ก้าวจะถึงหน้าบ้านก็ได้กลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล

พออิ๋งจื่อจินเปิดประตู เงยหน้าขึ้น ท่าทางก็หยุดชะงักอยู่ตรงนั้น

ภายในห้องครัว รูปร่างสูงยาวผึ่งผายที่คุ้นเคยปรากฏในสายตา

ไม่รู้ชายหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังก้มหน้า

ดวงตาดอกท้อเชิดขึ้นเล็กน้อย เปล่งประกายอ่อนๆ ทั้งอ่อนโยนทั้งนุ่มลึก

“เยาเยา ลูกพาแขกมาด้วยทำไมไม่บอกสักคำ” เวินเฟิงเหมียนกำลังล้างมือ พอได้ยินเสียงก็หันหน้ามา “พ่อไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ เอามือนวดศีรษะ “ลืมไปค่ะ”

เธอไม่ได้ลืมหรอก เป็นเพราะเธอคิดว่าเขาที่เป็นคุณชายตระกูลเศรษฐีอาจรับสภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่ได้ก็เลยจองโรงแรมที่ดีที่สุดในตัวอำเภอให้เขาโดยเฉพาะ

แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะตามมาด้วย ทั้งยังกำลังทำอาหารอยู่อีก

“คุณลุง อย่าโทษเธอเลยครับ” ฟู่อวิ๋นเซินเดินออกมาจากห้องครัว โผล่ออกมาครึ่งตัว “ผมเองที่จะตามมาให้ได้ ไม่คิดให้รอบคอบก่อน”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเล็กน้อยก็เห็นผ้ากันเปื้อนลายเป๊ปป้าพิกบนตัวชายหนุ่ม “…”

ฟู่อวิ๋นเซินสังเกตเห็นสายตาเธอจึงเงยหน้าขึ้น ผุดรอยยิ้มให้ “ทำไมเอาแต่จ้องพี่ชายอีกแล้วล่ะ ดูดีเหรอ”

“น่าเกลียด”

ไร้เยื่อใยยิ่งกว่าเดิม

“เยาเยา ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ” เวินเฟิงเหมียนกำมือพลางไอเล็กน้อย “นี่มันตัวการ์ตูนที่ลูกชอบที่สุดไม่ใช่เหรอ”

“ชอบที่สุดเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว ก้มหน้ามองตัวการ์ตูนบนผ้ากันเปื้อน

เป๊ปป้าพิกเหรอ

มีมุมน่ารักๆ กับเขาด้วย

“…” อิ๋งจื่อจินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “หนูไม่ชอบแล้วค่ะ”

รับไม่ค่อยได้ที่ตอนเธอยังไม่ฟื้นคืนอย่างเต็มที่เคยชอบของแบบนี้ นี่ไม่ใช่นิสัยโดยกำเนิดของเธอ

เวินทิงหลานก็มองผ้ากันเปื้อนลายเป๊ปป้าพิกผืนนั้น เขาขมวดคิ้ว “พ่อ นี่มันเรื่องตั้งกี่ปีมาแล้ว”

ถึงแม้พี่สาวของเขายังเคยเก็บหอมรอมริบซื้อตุ๊กตาหมู ถ้าไม่กอดจะนอนไม่หลับก็เถอะ

เวินเฟิงเหมียนแค่ยิ้ม “ไม่ว่าจะกี่ปีพ่อก็จำได้”

ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ หันไปมองลูกชาย ขมวดคิ้ว “อวี้อวี้ พี่สาวกลับมาลูกวิ่งไปไหนมา”

“ผม…” ขณะที่เวินทิงหลานกำลังจะตอบกลับหยุดไป

จะบอกไม่ได้ว่าเขาสะบัดหน้าเดินหนีเพราะโกรธ

อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปในห้องครัว พูดต่ออย่างไม่รีบร้อน “เขาเขินน่ะ”

“เขินเหรอ” เวินเฟิงเหมียนตกใจ “ลูกได้จดหมายรักตั้งเยอะแยะไม่เคยเขิน เห็นพี่สาวตัวเองแล้วเขินรึ”

เวินทิงหลาน “…”

เขาจำต้องยอมรับโดยดี “ไม่ได้เจอพี่นานแล้ว”

“งั้นก็ไม่ควรวิ่งหนี” เวินเฟิงเหมียนหุบยิ้ม สีหน้าเข้มงวด “มืดค่ำป่านนี้แล้ว เกิดเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง”

“จะไม่ทำอีกแล้วครับ” เวินทิงหลานไม่ชอบพูดมาก เขานั่งลงข้างเวินเฟิงเหมียน มองห้องครัว สีหน้าหวาดระแวง “นั่นใครน่ะ”

ชายหนุ่มรูปร่างสมบูรณ์แบบ ตัวสูงผึ่งผาย แม้จะใส่ผ้ากันเปื้อนลายคิกขุ แต่ก็ยากที่จะบดบังความสูงส่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของเขาได้

บ่ากว้างเอวคอด ทรงไม้แขวนเสื้อโดยธรรมชาติ

“คุณฟู่ เป็นเพื่อนของเยาเยา” เวินเฟิงเหมียนอธิบาย “วันนี้ที่บ้านเขาไม่มีคนอยู่ก็เลยมาฉลองเทศกาลโคมไฟกับพวกเรา”

เวินทิงหลานไม่ตอบ เขาหลุบตาลง ยังคงเฉยชาและระแวง

“อวี้อวี้ พ่อรู้ว่าลูกอาจจะโกรธเยาเยาอยู่บ้าง” เวินเฟิงเหมียนครุ่นคิดแล้วถึงพูดต่อ “แต่ยังไงซะเราสองคนก็เป็นพี่น้องกัน พ่ออยู่กับพวกลูกไปตลอดชีวิตไม่ได้”

“พ่อ”

คำเดียวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ได้ๆๆ ไม่พูดแล้ว” เวินเฟิงเหมียนไอ ยิ้มพลางพูด “ดูรายการงานตอนเย็นเถอะ”

ภายในห้องครัว

อิ๋งจื่อจินมองเขา “คุณมาได้ยังไง”

“หืม?” พอฟู่อวิ๋นเซินได้ยิน ดวงตาดอกท้อก็โค้งมน “บอกว่าจะรับพี่ชายไว้ไม่ใช่เหรอ หลอกกันงั้นเหรอ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินนั่งลง หยิบผักจากในถุงบนพื้นออกมา “กลัวจะต้อนรับคุณได้ไม่ดี”

ใครดีกับเธออย่างจริงใจ เธอย่อมแยกแยะได้

สิ่งที่เธอทำได้ก็ไม่มีอะไร แค่ดีกับพวกเขาให้มากยิ่งกว่า

“ต้อนรับไม่ดีอะไรกัน” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ถ้าไม่รับฉันไว้ วันนี้ฉันก็ไม่มีบ้านให้กลับแล้ว”

อิ๋งจื่อจินละสายตา ไม่ได้ถามอะไรอีก “ฉันทำเองดีกว่า”

ปล่อยให้แขกลงมือทำไม่น่าดีหรือเปล่า

เธอยกมือจะหยิบแป้งทำอาหารจากในมือของฟู่อวิ๋นเซิน แต่เพราะเขาหันตัวมาตอนนี้พอดี นิ้วมือที่เย็นเฉียบจึงแตะถูกริมฝีปากของเขาอย่างไม่ทันระวัง

อุณหภูมิพุ่งสูงแผดเผาทั้งสองคน

อิ๋งจื่อจินชักมือกลับทันที สีหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ปลายนิ้วยังคงร้อน

ภายในห้องครัวแคบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไม้กฤษณาจากตัวชายหนุ่ม

อาศัยความสูงที่ได้เปรียบ ฟู่อวิ๋นเซินมองเธอจากด้านบน หลุบตาลง น้ำเสียงยังคงหยอกเย้าเช่นเคย “เด็กน้อย เธอถึงเนื้อถึงตัวเลยเหรอ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท