คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 34 กล้าอวดดีต่อหน้าคุณชายเจ็ดเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ภาพจากกล้องวงจรปิดสิ้นสุดที่ตรงนี้ จบที่ใบหน้าสะใจของอิงเฟยเฟย

“…”

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องพักครู ต่างตะลึงกันหมด

อิงเฟยเฟยหน้าซีด “ไม่ นั่นไม่ใช่หนู หนูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น…”

อิ๋งจื่อจินมีภาพกล้องวงจรปิดจริงเหรอ

เป็นไปได้ยังไง

คุณนายอิงก็ยืนตัวแข็ง หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที

ภาพบนจอฉายราวกับตบหน้าเธอ

คุณนายอิงรู้สึกอับอายมากท่ามกลางสายตาคนจำนวนไม่น้อย แทบอยากจะมุดดินหนี

อิ๋งจื่อจินเก็บคอมพิวเตอร์แล้วคืนให้อาจารย์เติ้งพลางพูดขอบคุณ

ภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดส่วนนี้เธอย่อมไม่ได้คัดลอกมาจากห้องควบคุม แต่ทำการแฮกมาจากห้องควบคุมโดยตรง

ใช้เทคโนโลยีได้ก็ลดการใช้กำลังลง

อาจารย์เติ้งย่อมจำได้ว่ากระดาษที่อิงเฟยเฟยฉีกคืออะไร นั่นเป็นชีทแบบฝึกหัดที่เธอเตรียมให้อิ๋งจื่อจินโดยเฉพาะ ต่อให้เธอจะนิสัยดีขนาดไหนก็ยังโกรธมากอยู่ดี

เฮ่อสวินอึ้งไปชั่วขณะ ดูคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัดว่าความจริงจะเป็นแบบนี้

เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เหลือบมองเด็กสาวด้วยสีหน้าสับสน ไม่พูดอะไร

เขารู้เรื่องที่อาจารย์เติ้งเตรียมชีทแบบฝึกหัด

อาจารย์สวีเพิ่งได้สติกลับมาจากการตกตะลึง พูดเสียงขรึม “อิงเฟยเฟย ดูซิว่าเธอทำอะไรลงไป ทำไมเธอต้องฉีกหนังสือของอิ๋งจื่อจินด้วย”

“หนู หนู…” อิงเฟยเฟยเถียงไม่ออก เธอร้องไห้พลางตะโกน “แล้วใครใช้ให้เธอเป็นตัวถ่วงห้องเราล่ะคะ”

เธอไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย อิ๋งจื่อจินต่างหากที่ขาดการสั่งสอน โทษเธอได้เหรอ

“นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะทำแบบนี้!” อาจารย์สวีโกรธจนปวดหัว “เธอยังมีหน้าบอกว่าอิ๋งจื่อจินรังแกเธออีกเหรอ ไม่อายบ้างเหรอ”

เขาไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าคลาสเด็กอัจฉริยะจะมีนักเรียนแบบนี้

นิสัยอะไรกัน

อิงเฟยเฟยร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าเดิม เธอยังไม่เคยถูกอาจารย์ประจำชั้นพูดด้วยคำพูดแรงๆ แบบนี้มาก่อน

“อาจารย์สวีคะ ต่อให้เฟยเฟยของเราทำเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้กำลังกันนะคะ” คุณนายอิงรีบดึงอิงเฟยเฟยมากอด แสยะยิ้ม “เธอจำเป็นต้องขอโทษ!”

เธอพูดเสียงแข็ง “เอาเป็นว่ามันเป็นความผิดของเธอ”

คุณนายอิงไม่กลัวแม้แต่น้อย เพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้อาจารย์สวีบอกว่าผู้ปกครองของอิ๋งจื่อจินไม่ว่างมา

ความหมายของไม่ว่างก็คือไม่อยากยุ่งด้วยไม่ใช่เหรอ

ตระกูลอิ๋งไม่มีทางออกหน้า มีหลักฐานแล้วไงล่ะ ยังจะพลิกสถานการณ์อะไรได้

อิงเฟยเฟยเริ่มใจเย็นลง

นั่นสิ

จงจือหว่านก็เคยพูดไว้ว่า จงมั่นหวาไม่มีทางมายุ่ง

แค่ลูกเลี้ยงจะเทียบกับคุณหนูที่แท้จริงของตระกูลเศรษฐีได้ยังไง

พอนึกถึงตรงนี้ ในที่สุดอิงเฟยเฟยก็โล่งอก แค่กลุ้มใจที่ตัวเองไม่ได้ทำให้แนบเนียนกว่านี้

เธอเชิดหน้าท้าทายอย่างอวดดี

แต่ทว่าอิ๋งจื่อจินไม่แม้แต่จะมองพวกเธอ

เธอเบือนหน้า น้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งยังผุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “อาจารย์สวีคะ ไม่ทราบว่าเจตนาฆ่าเพื่อนจะถูกลงโทษยังไงเหรอคะ”

“หักคะแนน หรือไล่ออก”

อาจารย์สวีสีหน้าเปลี่ยน “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“อาจารย์สวีคงไม่รู้” ครั้งนี้คนที่พูดคืออาจารย์เติ้ง น้ำเสียงเย็นชา “จื่อจินกลัวแมงมุมมาก อาการหนักถึงขั้นหมดสติหายใจไม่ออกได้เลยนะคะ”

เธอเองก็รู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ ทั้งยังได้กำชับเด็กนักเรียนในห้องไว้ด้วย

นึกไม่ถึงว่าจะถูกอิงเฟยเฟยเอาไปหาประโยชน์

อิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าอาจารย์เติ้งจะช่วยพูดแทนเธอ

ตอนเธอยังไม่ตื่นขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงเคยถูกแมงมุมกัดจนเกือบตาย โชคดีที่เวินทิงหลานอยู่ข้างๆ

ถึงแม้สุดท้ายจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็เป็นโรคหวาดกลัวแมงมุม นี่เป็นโรคจิตเวชชนิดหนึ่ง

หลังจากเธอตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ย่อมไม่มีทางมีอุปสรรคในด้านนี้

แต่อิงเฟยเฟยไม่มีทางรู้จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้

สีหน้าของอิงเฟยเฟยที่เพิ่งกลับมามีเลือดฝาดได้ซีดเผือดลงไปอีกครั้ง “หนู หนูจะรู้ได้ยังไง นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หนู…”

“หยุดพูด!” อาจารย์สวีตบโต๊ะ โมโหยิ่งกว่าเดิม “อิงเฟยเฟย ถ้าวันนี้อิ๋งจื่อจินเกิดเป็นอะไรไป เธอจะถูกจับเธอรู้บ้างไหม!”

แม้แต่ร้องไห้อิงเฟยเฟยก็ร้องไม่ออก

ท่ามกลางสายตาจำนวนมากขนาดนี้ คุณนายอิงหน้าเสียหนักกว่าเดิม

เธอเองก็นึกไม่ถึงว่าอิงเฟยเฟยจะทำขนาดนี้ แต่แล้วไงล่ะ

ก็ไม่ได้มีใครเป็นอะไรไม่ใช่เหรอ

“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็จบแค่นี้แล้วกัน เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ จะมาคิดเล็กคิดน้อยเอาอะไร” คุณนายอิงหยิบธนบัตรสิบใบออกมาจากกระเป๋าสตางค์ “ก็แค่หนังสือกับแบบฝึกหัดไม่กี่เล่ม ฉันชดใช้ให้หนึ่งพัน พอไหม”

แม้แต่คนหนุนหลังที่สามารถต่อกรกับเธอได้สักคนก็ไม่มี ยังคิดจะเอาอะไรอีก

โยนเงินให้แล้วคุณนายอิงก็จับอิงเฟยเฟย “เฟยเฟย เราไปกัน”

“ไป” อิ๋งจื่อจินพูดอย่างไม่รีบร้อน “เจอกันในเวยปั๋ว”

ร่างกายของคุณนายอิงหยุดชะงักทันที ยังไม่ทันจะได้ด่า ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกถีบ

ตึง ชนจนเธอกระเด็นออกไป จมูกที่เพิ่งทำมาเบี้ยวทันที

จากนั้นน้ำเสียงโผงผางยียวนก็ลอยเข้ามา

“ไอ๊หยา คุณชายเจ็ด ดูสิ จ่ายพันเดียวก็กล้าอวดดีขนาดนี้ เมืองฮู่เฉิงไม่มีใครแล้วหรือไง”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท