คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 67 ไม่คู่ควรเล่นเพลงตะวันกับจันทรา

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตะวันกับจันทราเป็นหนึ่งในเพลงเปียโนบรรเลงของวีร่า โฮลท์ซ

แต่งขึ้นในปีคริสศักราชหนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบหกเป็นเพลงเปียโนโซนาตา

โซนาตาเป็นดนตรีบรรเลงที่ประกอบไปด้วยหลายท่อน หนึ่งบทเพลงโซนาตาใช้เวลาบรรเลงประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาที

แตกต่างจากเพลงเปียโนบรรเลงทั่วไป บทเพลงโซนาตาซับซ้อนยิ่งกว่า ด้วยเหตุนี้ผู้บรรเลงจำเป็นต้องมีทักษะการเล่นเปียที่สูงมากและมีการแสดง ความอดทนที่เป็นเลิศ ซึ่งก็เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดระดับของผู้บรรเลงได้เช่นกัน

หากด้อยแม้เพียงเล็กน้อย หรือแรงส่งไปไม่ถึง ก็จะไม่สามารถบรรเลงได้อย่างราบรื่น

ความยากของเพลงตะวันกับจันทราจัดอยู่ในอันดับที่เก้าของโลก

อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าคาง ดูโน้ตที่อิ๋งลู่เวยกางไว้จนจบ ครุ่นคิดเล็กน้อยก็เข้าใจ

ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเหมือนกัน แต่นี่ไม่ใช่โน้ตเพลงที่เธอเขียน

ครั้งล่าสุดที่เธอจากโลกนี้ไปคือปีปีคริสศักราชหนึ่งพันเจ็ดร้อยแปดสิบสอง

ก่อนตายเธอไม่ได้เปิดเผยโน้ตดนตรีแก่สาธารณชน

น่าจะคนที่ฟังคอนเสิร์ตของเธอในตอนนั้นเอาไปแกะโน้ตแล้วเผยแพร่กันมา

แต่อย่างไรเสียแค่อาศัยการฟัง จุดผิดในดนตรีย่อมมีอยู่ไม่น้อย

จึงทำให้จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถบรรเลงเพลงตะวันกับจันทราออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่เพราะอะไร แต่มันยากมากนั้นเอง

อิ๋งจื่อจินนั่งนึกดูว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงได้เรียนเปียโนกับนักดนตรีชั้นยอดพวกนั้น เป็นเพราะดนตรีทำให้เธอผ่อนคลายได้ ช่วยยกระดับจิตใจ

นึกไม่ถึงจริงๆ ว่า หลายปีผ่านไปเธอได้กลับมาโลกมนุษย์อีกครั้ง ชื่อวีร่า โฮลท์ซที่เธอตั้งส่งเดชจะกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของวงการดนตรี

แถมยังเป็นเป้าหมายเรียกเรตติ้งของอิ๋งลู่เวย

อิ๋งจื่อจินเคาะแป้นพิมพ์ สีหน้าไม่แยแส

น่าเสียดาย ไม่มีโน้ตดนตรีที่แท้จริง ชาตินี้อิ๋งลู่เวยอย่าหวังจะเล่นเพลงตะวันกับจันทราออกมาได้ และก็ตามคาด เนื่องจากภาพลักษณ์ของอิ๋งลู่เวยพังแล้วพังอีก หลังจากทางสตูดิโอโพสต์เวยปั๋วนี้ก็เรียกกระแสจากชาวเน็ตได้ทันที

[ฉันทนไม่ไหวแล้ว ยังจะเล่นเพลงตะวันกับจันทรา ขนาดนักเปียโนชั้นแนวหน้าในประเทศยังไม่กล้าพูดว่าจะเล่นเพลงนี้ได้ แล้วนักเปียโนกิ๊กก๊อกยังจะมาทำวางมาดว่าเล่นได้อีกเหรอ]

[สร้างภาพโปรโมตว่าตัวเองเรียบร้อยใสซื่อยังไม่เท่าไร แต่มาบอกว่าตัวเองเป็นวีร่า โฮลท์ซ คนต่อไป ยางอายล่ะ]

[มาแตะต้องเทพธิดาวีร่าฉันทนไม่ได้แล้ว เธอมีพรสวรรค์กับความขยันแบบนั้นเหรอ บอกว่าจะตั้งใจทำเพลงก็ยังขยันสร้างซีน จอมเสแสร้ง เอาอย่างน้องอิ๋งบ้างสิ นิ่งสงบสยบทุกเรื่อง]

แฟนคลับของอิ๋งลู่เวยยอมไม่ได้

[คอมเมนต์บน พวกเรายอมรับว่าลู่เวยห่างชั้นกับวีร่ามาก ยังไงซะก็เกิดกันคนละศตวรรษ แต่คุณเอาลูกเลี้ยงมาเทียบกับลู่เวย ไม่คู่ควรเลยจริงๆ อิ๋งจื่อจินเล่นเปียโนเป็นหรือไง]

[ลูกเลี้ยงคนนี้มาจากบ้านนอกไม่ใช่เหรอ จะเล่นเปียโนเป็นได้ไง อย่ามาเทียบกับลู่เวย]

[แฟนคลับติงต๊อง สมัยนี้แค่ลูกเศรษฐีเล่นเปียโนเป็นก็เอามาโอ้อวดได้แล้วเหรอ เกินเยียวยาแล้วนะเราน่ะ]

อิ๋งจื่อจินสะสมศัพท์วัยรุ่นได้อีกแล้ว เธอวางโทรศัพท์ลง เคาะแป้นพิมพ์เรื่อยเปื่อย แฮกเข้าคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง

นั่งพิงเก้าอี้ เปิดโค้กหนึ่งขวด

อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ยังคงเป็นห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยกองถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

“ย้าก…ไอ้!”

มองหน้าจอที่มืดสนิท แฮกเกอร์สำลักบะหมี่เป็นครั้งที่สาม

ดวงตาของเขาปริ่มด้วยน้ำตาอุ่นๆ หัวใจแทบหยุดเต้น

[เจ๊ค้าบ มีอะไรอีกค้าบ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฮือออ]

ก็แค่แฮกเข้าคอมพิวเตอร์ไปครั้งเดียวเพราะอยากรู้อยากเห็นไม่ใช่เหรอ

เขาไปทำเวรทำกรรมอะไรวะเนี่ย

ทางนั้นพิมพ์มาสามอักษร

[เอ็นโอเค]

พอเห็นสามอักษรนี้ สีหน้าของแฮกเกอร์ก็เปลี่ยนไปทันที

ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ

เขาจะตอบไงดี

เขาพิมพ์ตอบด้วยความระมัดระวัง

[เจ๊รู้เรื่องเอ็นโอเคได้ไงอะ]

ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินตอบแค่คำเดียว

[เร็ว]

“…”

พอแฮกเกอร์เห็นคำนี้ ไม่กี่วินาทีถัดมาก็ตบตัวเองหนึ่งที

พอ เจ๊ไม่ได้ถาม แต่กำลังข่มขู่

เดาได้เลยว่าถ้าวันนี้เขาไม่บอกว่าเอ็นโอเคคืออะไร คอมพิวเตอร์สิบกว่าเครื่องของเขาเอาไปขายให้ซาเล้งได้เลย

จากนั้นภารกิจของเขาก็สูญเปล่า

[ค้าบเจ๊ เดี๋ยวผมส่งลิงก์เว็บให้นะ เจ๊เข้าไปดูก็จะรู้เอง]

หลังจากพิมพ์ตอบแบบนี้ไป คอมพิวเตอร์ของเขาถึงกลับสู่สภาวะปกติ

แฮกเกอร์ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย คิดอยู่ว่าเขาควรรายงานหน่อยหรือเปล่า

คิดๆ แล้วเขาก็ตัดสินใจไม่รายงานดีกว่า

ยังไงซะก็ไม่ใช่เด็กน้อยของเขา ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นปวดหัวไป

เขาแฮปปี้!

แฮกเกอร์ยกถ้วยบะหมี่ขึ้นมากินต่อ

ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

จงมั่นหวารีบร้อนเดินเข้ามา “คุณนายผู้เฒ่าเป็นไงบ้าง”

พ่อบ้านที่รออยู่หน้าห้องไอซียูปาดเหงื่อ รีบตอบ “คุณนาย คุณนายผู้เฒ่ายังไม่ฟื้นเลยครับ พวกหมอกำลังช่วยชีวิตอยู่”

ครั้งนี้ที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหมดสติไป ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะโมโห อีกครึ่งเป็นเพราะตกใจคำพูดของผู้เฒ่าจง

จงมั่นหวาเองก็หงุดหงิด “ติดต่อโรงพยาบาลตี้ตูหรือยัง”

“เมื่อครู่คุณลู่เวยโทรไปแล้วครับ” พ่อบ้านตอบ “อาจารย์ของคุณลู่จื่อจะมาด้วยตัวเองครับ”

“งั้นก็ดีเลย” จงมั่นหวาโล่งอกขึ้นมาหน่อย “ให้โรงพยาบาลอันดับหนึ่งประคองอาการคุณนายผู้เฒ่าให้คงที่ก่อน”

ถึงแม้อาจารย์ของลู่จื่อจะเรียนแพทย์แผนจีน แต่เนื่องจากเกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่งอยู่บ้าง ฝีมือในการรักษาจึงสูงกว่าหมอแผนจีนทั่วไป

จงมั่นหวารออีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องไอซียูก็เปิดออก

เห็นหมอเจ้าของไข้เดินออกมา อิ๋งลู่เวยจึงรีบเดินเข้าไปหา “คุณหมอคะ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”

“ร่างกายของคุณนายแย่ลงเรื่อยๆ” หมอเจ้าของไข้ส่ายหน้า “อาการน่าเป็นห่วง ผมขอแนะนำให้พวกคุณเตรียมใจไว้บ้างนะครับ”

พอคำพูดนี้ออกมาทั้งสามคนก็ตกใจ

รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ

“แต่ก็ใช่ว่าจะหมดทางรักษา” หมอเจ้าของไข้เงียบไปเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าพวกคุณเคยได้ยินโรงพยาบาลเซ่าเหรินไหมครับ”

จงมั่นหวาขมวดคิ้ว “โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนนั่นเหรอคะ”

เธอต้องเคยได้ยินโรงพยาบาลเซ่าเหรินอยู่แล้ว เมื่อก่อนโรงพยาบาลนี้ดังมาก

แต่พอแพทย์แผนตะวันตกค่อยๆ เข้ามา แพทย์แผนจีนเริ่มมีบทบาทน้อยลง โรงพยาบาลเซ่าเหรินจึงเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อนแล้ว

“ถูกต้องครับ” หมอเจ้าของไข้พยักหน้า “ที่นั่นมีคุณหมอมาใหม่ท่านหนึ่ง ฝีมือการรักษาสูงมาก พวกคุณลองดูได้นะครับ”

จงมั่นหวามีสีหน้าเรียบเฉย ปฏิเสธอย่างสุภาพ “ไม่ดีกว่าค่ะ”

อาจารย์ของลู่จื่อจะมาด้วยตัวเองอยู่แล้ว ในเมืองฮู่เฉิงยังจะมีหมอคนไหนที่ฝีมือการรักษาสูงกว่าอีกเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท