คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 72 เย็นชืดแล้ว

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

แต่ทว่าหลังจากกดรับกลับไม่มีเสียงอะไรจากปลายสาย

บรรดาแขกต่างมองมาด้วยความแปลกใจ

นายใหญ่ตระกูลอู๋หมดความอดทน “ฮัลโหล ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ผมกำลังยุ่งอยู่”

“มีเรื่องอะไรอีกสามชั่วโมงค่อยโทรมา”

เมื่อหลายวันก่อนเขาเพิ่งเข้าร่วมโปรเจกต์บุกเบิกแหล่งพลังงานใหม่ ตอนนี้เป็นช่วงเตรียมพร้อม

ถ้าตระกูลอู๋ได้โปรเจกต์นี้มาสำเร็จ สถานะในแวดวงเศรษฐีตี้ตูก็จะสูงขึ้นแน่นอน

ไม่แน่อาจสามารถใช้โอกาสนี้ผูกมิตรกับตระกูลนักธุรกิจใหญ่อย่างเช่นตระกูลมู่ได้อีกด้วย

เมื่อเป็นแบบนี้ตระกูลอู๋ก็จะสามารถสลัดตระกูลขนาดกลางอื่นๆ ทิ้งได้

ใครบังอาจไม่ดูตาม้าตาเรือรบกวนตอนนี้

นายใหญ่ตระกูลอู๋ทำเสียงไม่พอใจ กำลังจะกดตัดสาย

ทันใดนั้นในที่สุดก็มีเสียงพูดอย่างเย็นชา

“อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังกิจการทั้งหมดของตระกูลอู๋จะถูกปิด ถูกควบคุมโดยหน่วยอีจื้อ”

เพราะเปิดลำโพง แขกทุกคนจึงได้ยินอย่างชัดเจน ต่างงงกันไปหมด

นายใหญ่ตระกูลอู๋หน้าถอดสียิ่งกว่า เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว

‘หน่วยอีจื้อ’ คำนี้เปรียบเสมือนฟ้าผ่า ทำเอาสมองของเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะ

หน่วยอีจื้อคืออะไร

เมื่อนานมาแล้วบรรดาตระกูลใหญ่ได้ก่อตั้งหน่วยอีจื้อขึ้นเพื่อควบคุมตนเอง ป้องกันลูกหลานเดินทางผิด

หน่วยอีจื้อควบคุมตระกูลน้อยใหญ่ในตี้ตู ตรวจสอบพฤติกรรมผิดกฎหมายทั้งหมดอย่างเข้มงวด

ต่อให้เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ก็ต้องอยู่ในความควบคุมของหน่วยอีจื้อ

ทำผิดกฎครั้งแรก หน่วยอีจื้อจะส่งแจ้งเตือนก่อน

หากสถานการณ์รุนแรงถึงจะปิดทั้งตระกูลเพื่อตรวจสอบ

ครั้งล่าสุดที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นคือเมื่อห้าปีก่อน

หลายปีมานี้แวดวงเศรษฐีเงียบสงบเกินไป ทำให้พวกเขาเกือบลืมการมีตัวตนของหน่วยอีจื้อไปแล้ว

“เข้าใจผิด จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่” บนหน้าผากของนายใหญ่ตระกูลอู๋มีเหงื่อผุด พูดเสียงเบาพร้อมยิ้ม “ตระกูลอู๋ทำอะไรรอบคอบมาตลอด ทำไมจะต้องปิดกิจการเพื่อตรวจสอบด้วยล่ะครับ”

“ตระกูลอู๋ของพวกคุณติดสินบนสามร้อยล้าน ใช้แรงงานเด็กอย่างผิดกฎหมาย ยังจะบอกว่าเข้าใจผิดอีกเหรอครับ รอได้เลยครับ”

สายตัดไป เกิดความเงียบภายในห้องโถงใหญ่

บรรดาแขกต่างมองหน้ากัน พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว พากันลุกขึ้นขอตัว

“เหล่าอู๋ ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะ”

“ผมก็เหมือนกัน รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ต้องไปโรงพยาบาล…”

หน่วยอีจื้อออกปฏิบัติการ ใครยังจะกล้ามายุ่งกับตระกูลอู๋ได้อีก

นายใหญ่ตระกูลอู๋นั่งนิ่งที่เก้าอี้ ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ทันใดนั้นได้มีอีกเบอร์โทรเข้ามา

“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ช่วยผมด้วย!” ปลายสายน้ำเสียงร้อนรน “คนของหน่วยอีจื้อบอกว่าผมเจตนาขัดขวางการไต่สวนคดี จะจับผมไว้!”

“พี่ใหญ่ พี่ต้องมีวิธีแน่ๆ ใช่ไหม รีบใช้เส้นสายมาช่วยผมออกไปที พวกหน่วยอีจื้อ…”

คำพูดต่อจากนั้นนายใหญ่ตระกูลอู๋ได้ยินไม่ชัดแล้ว หูของเขาอื้อไปหมด

ภายในสมองที่ว่างเปล่าเหลือเพียงคำเดียว

แย่แล้ว

ตระกูลอู๋จบสิ้นแล้ว

บริเวณระเบียงทางเดิน

เนี่ยอี้ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง นิ้วคีบบุหรี่หนึ่งมวนแต่กลับไม่ได้สูบ

“หัวหน้าครับ ตรวจสอบเรียบร้อย เรื่องที่สนามบินกับอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นฝีมือของคนตระกูลอู๋ ทุกคนออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้วครับ”

“ไม่สืบไม่รู้เลยจริงๆ พอสืบก็น่าตกใจ ตระกูลอู๋ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด หัวหน้าวางใจได้ครับ พวกเราจะจัดการโดยเร็ว รับรองความพอใจของหัวหน้าครับ”

“อืม” สีหน้าของเนี่ยอี้เรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชา “ทำไปตามกฎ”

ตัดสายสนทนา เขาดีดขี้บุหรี่เบาๆ แล้วเอาก้นบุหรี่ปักลงในที่เขี่ยบุหรี่ จากนั้นถึงหันตัวเดินออกไป

ภายในห้องไต่สวนคดี ในที่สุดคนที่มาฟังก็ได้สติกลับมา พากันซุบซิบ

อิ๋งลู่เวยเองก็ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางตี้ตูจากปากของไฮโซสาวคนนั้น

“ลู่เวย เธอคิดมากไปแล้ว เมืองฮู่เฉิงมีใครที่มีค่าถึงขั้นให้ตระกูลเนี่ยออกโรงโดยเฉพาะด้วยเหรอ ก็แค่เรื่องบังเอิญแหละ”

“เธอคงไม่รู้ว่าตระกูลอู๋ทำความผิด เรื่องใหญ่ถึงขั้นหน่วยอีจื้อต้องออกโรง แม้แต่กิจการทั้งหมดของตระกูลก็ถูกปิดเพื่อตรวจสอบด้วย”

“ได้ยินว่าการไต่สวนคดีครั้งนี้ที่เธอพูดถึง ดูเหมือนพวกเขาจะเล่นตุกติก ตระกูลเนี่ยเห็นแก่หน้าของหน่วยอีจื้อถึงได้มา ไม่ได้เกี่ยวกับลูกเลี้ยงอะไรที่เธอว่าเท่าไรหรอก”

“ฉันพูดตามตรงเลยแล้วกัน อย่างเด็กคนนั้นคู่ควรให้ตระกูลเนี่ยมาโดยเฉพาะเหรอ”

ตระกูลเนี่ยเป็นตระกูลใหญ่แนวหน้าของตี้ตู สี่ตระกูลเศรษฐีของเมืองฮู่เฉิงยังเทียบไม่ติด

อย่าว่าแต่ลูกเลี้ยง คุณชายคุณหนูไฮโซคนอื่นๆ ก็ไม่คู่ควร

อิ๋งลู่เวยรู้สึกโล่งอก ขณะเดียวกันก็แสยะยิ้มให้กับความตื่นตระหนกที่มากเกินไปของตัวเอง

คิดๆ ดูก็จริง อิ๋งจื่อจินอยู่ในฮู่เฉิงไม่มีอำนาจไม่มีบารมี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเกี่ยวข้องกับคนตี้ตู

ก็แค่เพราะตระกูลอู๋บังเอิญเกิดเรื่องขึ้นพอดี

แต่ครั้งนี้เธอขายหน้าอย่างสิ้นเชิงจริงๆ

อิ๋งลู่เวยกดตัดสาย มองลู่จื่อ “ไม่มีข่าวอะไรจากทางอาจารย์ของเธอเลยเหรอ”

“ไม่มีเลย” ลู่จื่อส่ายหน้า “อีกไม่กี่วันอาจารย์จะมาฮู่เฉิงดูอาการของคุณนายผู้เฒ่าให้”

อิ๋งลู่เวยยิ้ม “ลำบากเธอแล้วนะ”

เธอคิดมากไปเองจริงๆ

สีหน้าของอิ๋งลู่เวยเย็นชา เธอยืนขึ้นแล้วเดินตรงไปหาเด็กสาว

ตอนนี้หยุดการถ่ายทอดสดแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีคนจำได้

การตัดสินคดีดำเนินการไปสามสิบนาที อิ๋งจื่อจินก็หลับไปนานขนาดนั้นเหมือนกัน

เธอเอากระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมือ เตรียมออกไปดูที่โรงพยาบาลเซ่าเหริน

อิ๋งลู่เวยเห็นแบบนั้นก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปขวางไว้

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบเฉย

“เสี่ยวจิน ดวงเธอดีจริงๆ เลยนะ ตระกูลเนี่ยแห่งตี้ตูถึงมาทำทานให้” อิ๋งลู่เวยยิ้ม “แต่ไม่รู้ว่าต่อไปเธอยังจะดวงดีแบบนี้อีกหรือเปล่า”

อิ๋งลู่เวยกดเสียงต่ำลง เจือไปด้วยความข่มขู่ “เธอขอโทษอาเล็กตอนนี้ก็ยังไม่สาย ไม่อย่างนั้นเธอยังจะอยู่ในเมืองฮู่เฉิงต่อไปได้อีกเหรอ”

แต่สีหน้าของเด็กสาวกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

อิ๋งลู่เวยเอามือเกี่ยวผมไปไว้หลังหู จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดต่อ “เสี่ยวจิน อย่าหาว่าอาเล็กไม่เตือนเธอนะ ฟู่อวิ๋นเซินเป็นแค่คนไม่เอาไหน สถานะของเขาในตระกูลฟู่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอในตระกูลอิ๋งหรอก”

ขณะพูดเธอก็กระชับผ้าปิดปากบนใบหน้า

บาดแผลบนใบหน้ายังไม่หายดี เธอกลัวผ้าปิดปากจะหลุด

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ สองมือล้วงกระเป๋า จากนั้นได้เอ่ยขึ้น “สามวินาที”

อิ๋งลู่เวยอึ้ง “เธอพูดอะไรน่ะ”

บ่นพึมพำ ประสาทหรือเปล่า

พอเห็นเด็กสาวไม่รับน้ำใจ เธอเองก็หมดสนุกจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก ถือกระเป๋าเดินออก

ครบสามวินาที

ไข่ไก่หนึ่งตะกร้าก็พุ่งเข้าใส่อิ๋งลู่เวย โดนผ้าปิดปากบนใบหน้าของเธอเต็มๆ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท