คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 105 ว่าที่แฟน ต้องสนใจหน่อยสิ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

พอได้ฟังน้ำเสียงของอิ๋งลู่เวย ลู่จื่อก็เข้าใจแล้ว

ตระกูลอิ๋งเองก็ถูกปิดบัง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น

แต่ลู่จื่อไม่มีเวลาคิดอะไรมาก พูดด้วยความร้อนใจ “ลู่เวย ฉันขอความช่วยเหลือหน่อยสิ ช่วยพูดดีๆ กับหลานสาวเธอหน่อย บอกให้เขารับฉันไว้ได้ไหม”

“ฉันต้องการงานที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินจริงๆ ฉันไปตี้ตูไม่ได้แล้ว อีกทั้ง…”

“เดี๋ยวนะ” อิ๋งลู่เวยขมวดคิ้ว พูดแทรกขึ้น “เธอพูดอะไรอยู่น่ะ”

“หมอเทวดา!” ลู่จื่อผ่อนลมหายใจ “อิ๋งจื่อจินก็คือหมอเทวดาที่พวกเธอตามหาคนนั้นไงล่ะ!”

“ลู่จื่อ เธอนี่ล้อเล่นเก่งจริงนะ” อิ๋งลู่เวยทาลิปสติกเสร็จกำลังส่องกระจก “ยัยนั่นเป็นยังไง ฉันที่เป็นอายังจะไม่เข้าใจอีกเหรอ”

คำพูดแฝงด้วยการดูถูก “เธอไม่ต้องเชิดชูยัยนั่นหรอก ฉันจำได้ว่าเธอก็เกลียดเด็กคนนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมยังจะช่วยพูดเข้าข้างอีกล่ะ”

“ลู่เวย เรื่องจริงนะ!” ลู่จื่อเห็นอิ๋งลู่เวยไม่เชื่อก็ยิ่งร้อนใจ “อิ๋งจื่อจินเป็นหมอเทวดาจริงๆ ฉันเจอเด็กคนนั้นที่โรงพยาบาลเซ่าเหริน แถมยังเป็นกรรมการสัมภาษณ์งานฉันด้วย”

ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เธอไม่มีทางเชื่อเหมือนกัน

แต่ความจริงปรากฏตรงหน้า ตบเธอเข้าหนึ่งทีอย่างโหดเหี้ยม ทำให้จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรับไม่ได้

ลู่จื่อพูดต่อ “ลู่เวย เธอไปช่วยขอร้องแทนฉันหน่อยนะ เรื่องเมื่อก่อนอย่าถือสาแล้วได้หรือเปล่า ยังไงซะพวกเธอก็เป็นญาติกัน เด็กคนนั้นน่าจะเห็นแก่หน้าเธอบ้าง”

“เอาล่ะ ลู่เวย” ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดอิ๋งลู่เวยก็เริ่มหมดความอดทน แต่น้ำเสียงยังคงนุ่มนวล “ฉันต้องซ้อมเปียโนแล้ว มีเรื่องอะไรไว้รอฉันเสร็จคอนเสิร์ตค่อยว่ากัน”

พูดจบก็ไม่รอให้ลู่จื่อพูดอะไรอีก เธอกดวางสายทันทีแล้วปิดเสียง

“คุณว่าตลกไหม” อิ๋งลู่เวยเสยผม มองผู้จัดการส่วนตัวที่อยู่ข้างๆ “ก็ไม่รู้ว่าลู่จื่อผิดหวังเรื่องงานมากไปหรือเปล่า ถึงกับบอกว่าอิ๋งจื่อจินเป็นหมอเทวดา แถมยังจะให้ฉันไปขอร้องด้วย ตลกเป็นบ้า”

ถ้าอิ๋งจื่อจินเป็นหมอเทวดา งั้นทำไมตอนนั้นถึงยอมบริจาคเลือดให้เธอล่ะ

ผู้จัดการส่วนตัวก็หัวเราะ “หลานสาวปลอมๆ คนนั้นของคุณเป็นแค่เด็กที่มาจากบ้านนอก แถมยังเป็นอำเภอที่ยากจน ต่อให้รักษาคนได้ก็คงเป็นแค่การรักษาแบบศาสตร์ชาวบ้าน”

“นั่นสิ” อิ๋งลู่เวยยิ้มพลางถอนหายใจ “แบบที่ว่าพอเจ็บป่วยก็ไปวัดกินดินวิเศษ​ จากนั้นก็ตาย”

“เลิกสนเรื่องพวกนี้เถอะ” ผู้จัดการส่วนตัวส่ายหน้า “คุณดูแลคุณนายผู้เฒ่าให้ดี ซ้อมเพลงที่จะขึ้นคอนเสิร์ตให้คล่อง เดี๋ยวชื่อเสียงก็กลับมาเอง”

จวบจนกระทั่งตอนนี้ กระแสความเกลียดชังในเน็ตที่มีต่ออิ๋งลู่เวยก็ยังไม่จางหาย

พูดถึงเรื่องนี้อิ๋งลู่เวยก็โมโหมาก “ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เพลงตะวันกับจันทรา คนปกติเล่นได้จริงเหรอ”

จนถึงตอนนี้เธอยังไม่สามารถเล่นได้อย่างสมบูรณ์ ไม่รู้จริงๆ ว่าวีร่า โฮลท์ซเขียนเพลงนี้ออกมาได้ยังไง

“จากที่นักเปียโนเมืองนอกพูดกัน อันที่จริงตะวันกับจันทราไม่มีโน้ตต้นฉบับ” ผู้จัดการส่วนตัวขมวดคิ้ว

“ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าหลายจุดอาจไม่ถูกต้อง”

เขาพูดปลอบ “แต่ว่าผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าดนตรีตอนนั้นเป็นยังไง ขอแค่เธอเล่นได้คล้ายกันก็พอแล้ว”

ตอนนี้ในระดับนานาชาติก็มีนักเปียโนแค่ไม่กี่คนที่เคยเล่นเพลงตะวันกับจันทรา แต่ละคนก็ระดับปรมาจารย์ทั้งนั้น

แต่จากบันทึกของคนที่เคยฟังคอนเสิร์ตของวีร่า โฮลท์ซ ก็ยังบอกว่าแย่กว่าต้นฉบับอยู่หน่อย

“ฉันกลัวแค่ว่าพอถึงเวลาฉันเล่นไม่ได้” อิ๋งลู่เวยหงุดหงิด “ช่างเถอะ ซ้อมไปก่อน ไว้ถึงตอนนั้นค่อยดูว่ามีทางอื่นไหม”

ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้า “เดี๋ยวผมไปซื้อของกินมาให้”

วันต่อมา ในเว็บบอร์ดของชิงจื้อ อยู่ๆ ก็มีกระทู้หนึ่งปรากฏขึ้น

[หัวข้อ : ได้ยินว่าอิ๋งจื่อจินพนันกับเด็กของคลาสอัจฉริยะ!]

[เนื้อหา : ฉันเห็นตอนท้าพนัน ตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว ก็เลยมาแบ่งปันกับทุกคน สาเหตุคือแบบนี้

เพราะนักเรียนชายแซ่ลู่ชอบนางฟ้าจง ทนเห็นอิ๋งจื่อจินรังแกนางฟ้าจงไม่ได้

ครั้นแล้วจึงไปเอาเรื่องแทนสาว ท้าพนันว่า ถ้าการสอบกลางภาคครั้งนี้อิ๋งจื่อจินผ่านสักหนึ่งวิชา เขาจะไลฟ์สดกินขี้ ไม่อย่างนั้นต่อไปอิ๋งจื่อจินก็ห้ามรังแกนางฟ้าจงอีก อีกทั้งยังต้องขอโทษนางฟ้าจงด้วย

พวกเธอเดาดูสิว่าใครจะชนะ]

ไม่นานกระทู้นี้ก็ถูกดันขึ้นอยู่ด้านบนสุด

[ความเห็นที่สอง : ยังต้องถามอีกเหรอ เธอต้องไม่ผ่านอยู่แล้ว ฉันได้ยินมาแล้ว พวกเขาท้าพนันด้วยข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ ข้อสอบของคลาสนั้นยากระดับไหน ไม่ต้องให้พูดแล้วหรือเปล่า]

[ความเห็นที่สาม : ยากจนทะลุมาตรวัด ฉันให้พี่ชายที่เป็นนักศึกษาทำ แถมเรียนวิศวะด้วยนะ ก็ยังมีข้อที่ทำไม่ได้เลย อิ๋งจื่อจิน? ช่างเถอะ]

[ความเห็นที่หนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ด : ฉันขอพนันว่าอิ๋งจื่อจินชนะ เพราะฉันอยากเห็นนักเรียนชายแซ่ลู่ไลฟ์สดกินขี้]

[ความเห็นที่หนึ่งร้อยสี่สิบแปด : คอมเมนต์บนบวกหนึ่ง ]

[ความเห็นที่สามร้อยห้าสิบเก้า : แคปภาพไว้แล้ว รอแค่ผล ฉันเองก็อยากเห็นนักเรียนชายแซ่ลู่ไลฟ์สดกินขี้นะ]

[ความเห็นที่สามร้อยหกสิบ : ฉันเห็นต่าง ฉันอยากเห็นอิ๋งจื่อจินขายหน้า ยังไงซะผลการเรียนแบบนั้น…ฮ่าๆๆ มันน่าขำเป็นบ้า]

นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็เห็นกระทู้นี้

“จือหว่าน ลู่ฟั่งบ้าไปแล้วหรือเปล่า” นักเรียนหญิงหมดคำจะพูด “ถ้าเขาแพ้จะทำยังไง กินขี้จริงๆ เหรอ”

จงจือหว่านสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้สนใจ

แต่เธอเองก็อยากรู้ว่า สอบกลางภาคอิ๋งจื่อจินจะมีสภาพไหน

เก่งด้านศิลปะนิดหน่อย การเรียนไม่ได้เรื่อง ก็ใช้เป็นอาวุธอะไรไม่ได้

จงจือหว่านไม่ได้อ่านกระทู้ กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ

วิชาฟิสิกส์เป็นวิชาที่เธออ่อนที่สุด ใช่ว่าเธอจะไม่มีคู่ต่อสู้ แต่เธอจำเป็นต้องปกป้องตำแหน่งที่หนึ่งของชั้นปี

ห้องมอห้าทับสิบเก้า

“ใครเป็นคนตั้งกระทู้เนี่ย ใจร้ายได้ขนาดนี้” ลูกน้องทุบโต๊ะด้วยความโมโห “ถ้าฉันจับได้นะ จะเอามาให้พี่หรานระเบิดหัว”

ในเว็บบอร์ดโรงเรียนต่างใช้นามแฝงกันทั้งนั้น ถึงขั้นที่บางไอดีแม้แต่ชื่อให้เรียกก็ไม่มี เป็นตัวเลขหรืออักษรที่เอามาปนกันมั่ว

ทุกครั้งที่ตอบกระทู้จะขึ้นไม่เหมือนกัน

“เอาล่ะ เลิกโมโหเถอะ” ซิวอวี่ไม่สะทกสะท้านอะไร “ยังไงซะพอถึงเวลาก็ต้องเป็นลู่ฟั่งที่กินขี้ นายจะกังวลอะไร”

“ก็แค่ไม่ชอบที่พวกเขามาดูถูกพ่ออิ๋งของพวกเรา” มือข้างหนึ่งของลูกน้องถือลอตเตอรี่ เริ่มตอบกระทู้

“รอผลสอบออกมาพวกเขาช็อกตายแน่”

พ่ออิ๋งของพวกเขาทำได้แม้กระทั่งขึ้นสอน ลำพังแค่การสอบจะมีอะไร

อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้สนใจเว็บบอร์ดโรงเรียน เธอรับโทรศัพท์อยู่ที่นอกห้องเรียน

“บอสกินข้าวหรือยัง”

“วางละ”

“เดี๋ยวๆ ผมผิดไปแล้วบอส” เนี่ยเฉาไม่กล้าพูดพล่ามอีก “ผมมีธุระ มีธุระจริงๆ!”

อิ๋งจื่อจินเหลือบดูเวลา “ให้หนึ่งนาที”

“บอส รู้หรือเปล่าว่าคุณชายเจ็ดไปเมืองนอกแล้ว” เนี่ยเฉาเข้าประเด็นทันที “บอสไม่ได้ถามเหรอว่าไปไหน”

“รู้ ไม่ได้ถาม”

เนี่ยเฉาที่ถูกตอบห้วนๆ ใส่จนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ “…”

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า น้องอิ๋งไม่ใช่พูดไม่เก่งหรอก

ก็แค่บางครั้งดูว่าอีกฝ่ายที่พูดด้วยเป็นใครแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะพูดด้วยกี่คำ

“ทำไมบอสไม่ถามล่ะ” เนี่ยเฉาอัดอั้นตันใจ ยังไม่ลืมที่จะพูด “บอสต้องสนใจว่าที่แฟนหน่อยสิ!”

“…”

อิ๋งจื่อจินไม่อยากพูดกับเขาอีก กดตัดสายทันที

กลับมาบนโลกมนุษย์นานขนาดนี้แล้ว เธอไม่มีทางไม่รู้ว่าแฟนคืออะไร

แต่เธอไม่มีความคิดในด้านนี้ ชีวิตเกษียณแค่เลี้ยงหมูก็พอแล้ว

ส่วนฟู่อวิ๋นเซินน่ะเหรอ

เขาอยากเป็นพี่ชายเธอ

บางครั้งยังอยากแย่งหน้าที่พ่อ

และก็ถือโอกาสเป็นแม่ไปเสียในตัว

เขาเองก็ไม่รู้จักเหนื่อย ดูมีความสุขเสียด้วยซ้ำ

เธอรู้สึกว่า ดูเหมือนความสัมพันธ์แบบนี้ก็ไม่เลว

อิ๋งจื่อจินกดตัดสายของเนี่ยเฉาที่โทรมาอีกครั้งแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อ เดินตามซิวอวี่ลงจากอาคาร

สำหรับนักเรียนมอปลาย วันที่มีความสุขที่สุดคงไม่มีอะไรมากไปกว่าคาบวิชาพละอีกแล้ว โดยเฉพาะเวลาที่ให้ทำกิจกรรมอิสระ

โรงเรียนมัธยมชิงจื้อให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะรอบด้าน เปิดสอนวิชาพิเศษอยู่ไม่น้อย

นอกจากกีฬาที่พบเจอได้บ่อยอย่างบาสเก็ตบอล ฟุตบอล ยังมีฟันดาบ บิลเลียต คาราเต้ ฟิตเนส เป็นต้น

มีสถานที่สำหรับทำกิจกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งก็ประกอบไปด้วยห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แยกหญิงชาย

เจียงหรานเปลี่ยนไปใส่ชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ออร่าของเด็กหนุ่มเปล่งประกาย

ไม่แปลกที่เด็กผู้หญิงจำนวนไม่น้อยรู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นขาใหญ่ประจำโรงเรียนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย แต่ก็ยังคงแอบชอบอยู่ในใจ

“จึ๊ หมอนี่ พรุ่งนี้มีแข่งเทควันโดนะ” ซิวอวี่ยักไหล่ “ก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน คิดไม่ตกอยากสู้กับเขา คิดว่าเป็นพ่ออิ๋งเสียอีกนะ”

มองผิวเผินเจียงหรานเป็นนักเทควันโดสายดำ

แท้จริงแล้วเขายังฝึกวรยุทธ์โบราณอีกด้วย

ถึงแม้จะเป็นแค่ขั้นพื้นฐาน ปกติไม่ได้ใช้กำลังภายใน แต่ก็ใช่ว่าคนทั่วไปจะเทียบได้

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าไม่พูดอะไร

ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างถือรองเท้าเดินมาด้วยท่าทางดีใจ

“พี่หราน รองเท้าใหม่ของพี่”

“น่าเกลียดขนาดนี้เลย แถมยังสูบเงินฉันไปตั้งหลายหมื่น” เจียงหรานรับมาด้วยท่าทางที่แอบรังเกียจ แต่ก็เตรียมจะใส่แล้ว

อิ๋งจื่อจินมองมาที่สนาม สายตาหยุดชะงัก เธอหันไป “อย่าใส่”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท