คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 111 อย่าถาม พอถามก็ทำได้ทุกอย่าง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

“บุกรุกที่อยู่อาศัย ลักพาตัวผิดกฎหมาย เอาตัวเขาไปค่ะ”

คำพูดเรียบๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชา

ชวนให้รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว

ผู้เฒ่าจงอึ้ง มองไปเช่นกัน

จากนั้นเขาถึงได้พบว่าอิ๋งจื่อจินไม่ได้มาคนเดียว

ที่ด้านนอกประตูยังมีเด็กหนุ่มที่สวมชุดยูนิฟอร์มอีกสองคน

ผู้เฒ่าจงรู้สึกคุ้นตาชุดยูนิฟอร์มนี้มาก แต่นึกไม่ออกในทันทีว่าเคยเห็นที่ไหน

หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ เด็กหนุ่มที่สวมชุดยูนิฟอร์มสองคนนั้นก็เข้าประตูมาล็อกตัวจงเทียนอวิ๋น คุมตัวเขาไว้ทันที

จงเทียนอวิ๋นลนลาน เขาดิ้นรนสุดชีวิต “พวกแกจะทำอะไร ปล่อยนะ! รีบปล่อยฉันสิ! พวกแกทำแบบนี้ผิดกฎหมายรู้ไหม!”

เด็กหนุ่มสวมชุดยูนิฟอร์มทั้งสองคนไม่สนใจเขา หันมองอิ๋งจื่อจิน เห็นได้ชัดว่ารอเธอสั่ง

“ลำบากพวกคุณแล้วนะคะ” อิ๋งจื่อจินไม่มองจงเทียนอวิ๋นที่หน้าตาตื่น เธอพูด “เอาตัวไป”

“ปล่อยนะ! ปล่อยสิ!” ถูกคุมตัวออกจากคฤหาสน์ตระกูลจง จงเทียนอวิ๋นยังคงตะโกนด้วยความโกรธ “พวกแกเป็นใคร ฉันจะฟ้องพวกแก! ปล่อยฉันสิวะ!”

หลังจากที่จงเทียนอวิ๋นถูกลากออกไปแล้ว อิ๋งจื่อจินก็ยกเท้าเตะบอดี้การ์ดพวกนั้นออกนอกประตูทีละคน

จากนั้นก็หันหน้าไปมองพวกผู้ถือหุ้นที่มาพร้อมกับจงเทียนอวิ๋น

พวกผู้ถือหุ้นกลัวว่าตัวเองจะถูกเตะออกไปด้วย ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ รีบร้อนออกไป

ผู้เฒ่าจงหยิบแว่นสายตายาวที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาใส่เงียบๆ

คิดในใจเขาต้องไปเปลี่ยนเลนส์แล้ว ไม่ได้เรื่องเลย พลาดตอนหลานสาวโชว์ฝีมือตลอด

จงจือหว่านยังคงอึ้งอยู่ ผ่านไปนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา

ทางด้านพ่อบ้านจงที่หลุดพ้นจากการคุมตัวของบอดี้การ์ดได้เดินเข้ามา

ทันใดนั้นเขาได้คุกเข่าลงตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน พูดด้วยเสียงสะอื้น “คุณหนู ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ถ้าไม่มีคุณ ผม ผม…”

ถ้าผู้เฒ่าจงถูกจงเทียนอวิ๋นเอาตัวไปได้ ต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ก็คงเหลือแค่ครึ่งชีวิตแล้ว

เรื่องแบบนี้พบเจอได้บ่อยมากในตระกูลเศรษฐีที่แย่งชิงอำนาจกัน

พ่อบ้านจงโตมาพร้อมผู้เฒ่าจง เคยถูกผู้เฒ่าจงช่วยชีวิตไว้ ไม่ใช่พี่น้อง แต่กลับสนิทกันเหมือนญาติมิตร

แต่ในสถานการณ์เมื่อครู่ เขาทำอะไรไม่ได้เลย ให้เอาเขาไปแทนผู้เฒ่าจง จงเทียนอวิ๋นก็ไม่ยอม

“คุณปู่พ่อบ้าน ลุกขึ้นค่ะ” อิ๋งจื่อจินก้มตัวประคองเขา พูดเสียงเบา “ไม่เป็นไรค่ะ มันผ่านไปแล้ว”

เธอย่อมไม่มีทางที่จะพยากรณ์เหตุการณ์ได้ตลอดเวลา แต่ถ้าคนข้างกายมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น เธอย่อมรับรู้ได้ การหายไปของอัญมณีล้ำค่าของเฝ่ยชุ่ยไจคือเมื่อสิบเจ็ดวันก่อน ซึ่งก็เกินขอบเขตที่เธอจะมองเห็นได้พอดี

แต่เมื่อห้าวันก่อนผู้จัดการของเฝ่ยชุ่ยไจเพิ่งจะสังเกตเห็น

เพราะโลกสิบทิศถูกเก็บไว้ในห้องลับมิดชิดอยู่ชิ้นเดียวมาตลอด มีการป้องกันหลายชั้น จะไม่มีการเอาออกมาแสดง เว้นเสียแต่จะเป็นวันสำคัญ

หลังจากที่เซ็นสัญญากับบริษัทข้ามชาตินั้นเสร็จก็แค่มีการตรวจสอบครั้งเดียวแล้วไม่ได้ไปดูอีก

อย่างไรเสียก็ห้าสิบปีแล้ว โลกสิบทิศก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีมาตลอด ระบบรักษาความปลอดภัยก็เป็นแบบระดับสูงสำหรับตอนนี้

ใครจะไปคาดคิดว่ามันจะหายไปได้

พ่อบ้านจงลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล น้ำเสียงยังคงสั่นเครือ” คุณหนู ต่อไปถ้ามีอะไรจะสั่งผมจะทำให้ด้วยชีวิต ไม่มีทางบอกปัดเป็นอันขาด!”

จงจือหว่านได้ฟังก็ตกใจ

พ่อบ้านจงมีหน้าที่ดูแลคฤหาสน์ตระกูลจงไม่ผิด แต่ในความเป็นจริงก็แค่ภักดีกับผู้เฒ่าจงคนเดียว

คำพูดนี้ไม่เคยพูดกับพ่อของเธอมาก่อน

“ไม่มีทางมีเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย “ควรเป็นหนูที่ปกป้องทุกคน”

เธอนิ่งไปเล็กน้อย “คุณตาคะ หนูมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”

ผู้เฒ่าจงพยักหน้า เหลือบมองจงจือหว่าน

ไม่แสดงอารมณ์อะไร

แต่ความหมายชัดเจนมาก

คุณนายจงกับจงจือหว่านใจหายวาบ

แบบนี้เห็นได้ชัดว่าห่างเหินแล้ว

พ่อบ้านจงที่เป็นชายชราอายุเจ็ดสิบปียังถึงขนาดจะเข้าไปขวาง แต่พวกเธอไม่ทำอะไรเลย

จงจือหว่านรู้สึกแย่มาก

เธอเองก็ไม่อยาก แต่เธอจนปัญญานี่ เธอก็สู้บอดี้การ์ดพวกนั้นไม่ได้ด้วย

คุณนายจงฝืนยิ้ม ไม่กล้าพูดอะไรอีก พาจงจือหว่านออกไป

ดูหมดสภาพอย่างเห็นได้ชัด

พ่อบ้านจงลูบหัวโล้นของตัวเอง “นายท่านคุยกับคุณหนูไปนะครับ ผมจะไปให้ทางห้องครัวเตรียมเครื่องดื่มมาให้”

พอเขาออกไป ภายในห้องรับแขกก็เหลือเพียงตาหลานสองคน

ผู้เฒ่าจงถึงได้มีเวลาถาม “จื่อจิน เด็กหนุ่มสองคนที่หลานพามาเป็นใครเหรอ”

เขาเห็นเด็กสองคนนั้นดูดีไม่เบา ทั้งยังคล่องแคล่ว

ไม่แน่อาจพัฒนาความสัมพันธ์ได้อีกหรือเปล่า

ยังไงก็ดีกว่าไอ้หนุ่มหน้าเหม็นตระกูลฟู่ นั่นน่ะหล่อเกินไป เดี๋ยวจะเป็นหายนะ

“หน่วยอีจื้อค่ะ” อิ๋งจื่อจินบิดขี้เกียจช้าๆ หาวออกมา “คนพนันแพ้ต้องยอมรับผล หนูก็แค่ยืมมาใช้ค่ะ”

ผู้เฒ่าจงอึ้ง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “ของเมืองตี้ตูน่ะเหรอ”

อิ๋งจื่อจินตอบอืม เด็ดองุ่นบนโต๊ะออกมากิน

ตอบด้วยความมั่นใจแบบนี้ ทำให้ผู้เฒ่าจงผงะทันที

อันที่จริงนอกจากพวกตระกูลเศรษฐีที่อยู่ในตี้ตูแล้ว แวดวงเศรษฐีของเมืองอื่นก็อยู่ในความควบคุมของหน่วยอีจื้อเหมือนกัน

แต่หน่วยอีจื้อลึกลับเกินไป แม้จะเป็นคนของตระกูลเศรษฐี แต่ถ้าไม่ใช่คนกุมอำนาจก็ยังไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ

แต่ใครก็ตามที่เข้าหน่วยอีจื้อได้ ก็ถือเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมในบรรดาเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันของตี้ตู

อีกทั้งหน่วยอีจื้อยังมีความเกี่ยวข้องที่ไม่ธรรมดากับสำนักสืบสวนสากลหรือไอบีไอ

หลานสาวของเขายืมคนของหน่วยอีจื้อมาใช้ได้เลยเหรอ

ผู้เฒ่าจงหยิกต้นขาตัวเองอย่างแรง เจ็บเสียจนต้องกัดฟัน จากนั้นถึงแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

แต่หลังจากหายตกใจ สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมา พูดอย่างจริงจัง “จื่อจิน เรื่องนี้ห้ามบอกทางตระกูลอิ๋งนะ”

ตระกูลอิ๋งเป็นยังไง ช่วงหลายวันมานี้เขามองได้กระจ่างอย่างถ่องแท้แล้ว

หลังจากที่ผู้เฒ่าอิ๋งจากไป ตระกูลอิ๋งก็รู้จักแต่ผลประโยชน์ ไม่เอาใครแล้ว

ในสายตาของตระกูลอิ๋ง เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองก็ยังไม่เอา

“คุณตาวางใจได้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินปลอบใจเขา “หนูเข้าใจ”

“เข้าใจก็ดี ก็แค่บอกเผื่อไว้ก่อน” ผู้เฒ่าจงรู้สึกวางใจ เขาเงียบไปชั่วครู่ ขมวดคิ้ว “แต่เรื่องโลกสิบทิศหายไปก็จัดการยากแล้วจริงๆ”

ถ้าไม่มีการเซ็นสัญญาก็ยังพอจะหาทางออกได้

ที่ร้ายแรงก็คือ พวกเขาเซ็นสัญญากับบริษัทข้ามชาตินั้นไปแล้ว พรุ่งนี้ก็คือวันส่งมอบสินค้า

แต่ตอนนี้ยังหาโลกสิบทิศไม่เจอ

“จื่อจิน เรื่องนี้หลานไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ “เรื่องนี้เป็นปัญหาของจงซื่อกรุ๊ป ไม่เกี่ยวกับหลาน ร่างกายหลานอ่อนแอ ควรพักผ่อนให้มากๆ”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “คุณตาคะ คุณตาจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นใช่ไหม”

“ถูกต้อง” สีหน้าของผู้เฒ่าจงเคร่งขรึม “จงเทียนอวิ๋นเป็นแค่หนึ่งในนั้น เขาเป็นคนใจร้อน ทนรอไม่ได้ คนแบบเขามีอีกเยอะในจงซื่อกรุ๊ป”

จะต้องมีอีกหลายคนแน่ที่เตรียมใช้โอกาสนี้แย่งชิงอำนาจ

จงเทียนอวิ๋นก็โง่เสียเหลือเกินที่คิดว่าควบคุมผู้เฒ่าจงได้ก็จะได้ครอบครองจงซื่อกรุ๊ป

หารู้ไม่ว่ากลับจะถูกคนอื่นที่หวังแย่งชิงอำนาจหลอกใช้ประโยชน์

“วันนี้หนูไม่ได้ไปเล่นที่ไหน” อิ๋งจื่อจินคิด “คุณตาถือสาไหมถ้าหนูจะไปด้วย”

บ่ายสามโมง

ณ จงซื่อกรุ๊ป

ภายในห้องประชุม ผู้ถือหุ้นเข้ามานั่งกันหมดแล้ว รวมถึงพวกคนที่ก่อนหน้านี้ตามจงเทียนอวิ๋นไปที่บ้านตระกูลจงด้วย

พวกผู้ถือหุ้นที่ตอนแรกไม่รู้เรื่องโลกสิบทิศหายไป ตอนนี้รู้แล้วก็สีหน้าเปลี่ยน

“โลกสิบทิศถูกคุ้มกันด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัยที่สุดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงหายไปได้”

“นี่ไม่สำคัญ เรื่องสำคัญคือ ทำไมตอนนี้เพิ่งจะมาบอกพวกเรา”

“คราวนี้ได้เรื่อง พรุ่งนี้คุณยูจีนก็จะมาตรวจสินค้าที่บริษัทแล้วด้วย โลกสิบทิศหายไปจะเอาสินค้าที่ไหนไปให้เขา”

ผู้เฒ่าจงกระแอม ตะโกนข่ม “เงียบ!”

เสียงพูดคุยถึงได้สงบลง

หนึ่งในผู้ถือหุ้นสีหน้าย่ำแย่ “ประธานจง ไม่ทราบว่ามีเบาะแสของโลกสิบทิศบ้างไหมครับ”

“ส่งคนไปตามหาแล้ว” ผู้เฒ่าจงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ที่เรียกพวกคุณมาเวลานี้เพราะอยากหารือเรื่องพรุ่งนี้”

ภายในระยะเวลาอันสั้นย่อมหาโลกสิบทิศไม่เจอแน่ จำเป็นต้องหาวิธียื้อเวลา อีกทั้งต้องรับประกันว่าจงซื่อกรุ๊ปจะไม่สั่นคลอน

พอได้ยินแบบนี้พวกผู้ถือหุ้นก็มองหน้ากัน ต่างเงียบกันหมด

ผ่านไปสักพักก็มีผู้ถือหุ้นพูดขึ้น “ไม่สู้ลองไปขอความช่วยเหลือจากอีกสามตระกูลไหมครับ”

มีเสียงแย้งขึ้นมาทันที “ตลกน่า พวกเขาไม่มาแทรกแซงก็ถือว่าดีแล้ว ยังจะช่วยได้อีกเหรอ”

ในระหว่างสี่ตระกูลเศรษฐีก็มีการแข่งขันที่สูงเช่นกัน

ดังนั้นถึงได้ใช้การเกี่ยวดองมาทำให้ความสัมพันธ์มั่นคง แต่นั่นก็แค่ชั่วคราว

เวลานี้ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนหน้านิ่วพลางพูดขึ้น “อาจง อย่าหาว่าผมพูดตรงเลยนะครับ การประชุมระดับนี้ทำไมถึงให้คนนอกมาฟังด้วยล่ะครับ”

เขามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างผู้เฒ่าจงด้วยความไม่พอใจ “เธอฟังไม่เข้าใจสักหน่อย นอกจากมาสร้างความวุ่นวายให้ที่นี่แล้วยังจะทำอะไรได้อีก”

ช่วยหาโลกสิบทิศได้หรือแกะสลักเป็นล่ะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท