คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 112 บอสฟู่บอสอิ๋งผนึกกำลังกันแล้ว

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ไม่เป็นทั้งนั้น แล้วมาทำอะไร

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

เหมือนที่ใครบางคนพูดไว้จริงๆ ผู้เฒ่าจงสุขภาพยังแข็งแรงอยู่ แต่สมองกลับเลอะเลือน

แม้แต่จงจือหว่านคุณหนูใหญ่ของตระกูลจงยังไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นระดับสูง ทำไมยังให้คนนอกเข้ามาได้

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนพูดขึ้นอีก “อาจง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดของพวกเราก็คือหาโลกสิบทิศให้เจอ หรือเชิญอาจารย์นักแกะสลักมา”

แต่ประโยคหลังเขาก็แค่พูดส่งเดช

ปรมาจารย์แกะสลักท่านนั้นเมื่อห้าสิบปีก่อนสืบทอดวิชามาจากบรรพบุรุษ ถึงแกะสลักพระแปดสิบแปดรูปบนหยกที่สูงเท่าครึ่งตัวคนได้

แต่ตอนนี้ปรมาจารย์ท่านนี้ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้คนที่มีฝีมือแกะสลักชั้นแนวหน้าก็เหลือเพียงศิลปินรุ่นแก่ชรากันหมด

แต่ด้วยแรงกายของพวกเราไม่มีทางที่จะแกะสลักโลกสิบทิศออกมาได้อีกแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหินหยกแบบนั้นเป็นหยกชั้นยอด อยากหาชิ้นที่เหมือนกันแทบเป็นไปไม่ได้

ยากเสียยิ่งกว่าการตามหาโลกสิบทิศ

“งั้นก็บังเอิญจริงๆ” ผู้เฒ่าจงทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา พูดอย่างไม่เกรงใจ “หลานสาวของผมคนนี้บอกว่าทำเรื่องที่คุณว่ามาทั้งสองเรื่องได้”

หลานสาวของเขาสุดยอดที่สุด เขาไม่รับคำคัดค้าน

อิ๋งจื่อจินมองผู้เฒ่าจงที่มีสีหน้าภูมิใจ เธอเงียบไปชั่วครู่

ดูเหมือนเธอจะไม่เคยบอกผู้เฒ่าจงเรื่องที่เธอแกะสลักเป็นเลยนะ

ทำได้หมดงั้นเหรอ

พอได้ยินแบบนี้บรรดาผู้ถือหุ้นก็มองหน้ากัน

พวกเขาไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย มีเหรอจะมองไม่ออกว่าอิ๋งจื่อจินเป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

เด็กมัธยมปลายบ้านไหนเก่งขนาดนั้น สามารถทำเรื่องที่พวกเขาทั้งหลายคนยังจนปัญญา

นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรอกเหรอ

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนได้ยินแบบนั้นกลับเงียบ

ถึงแม้บางครั้งผู้เฒ่าจงอาจดูไม่จริงจังไปบ้าง แต่ไม่มีทางเอาจงซื่อกรุ๊ปมาล้อเล่นเด็ดขาด

หรือว่าเด็กสาวที่ตระกูลอิ๋งรับเลี้ยงคนนี้จะมีอะไรที่พิเศษ

พอคิดได้ถึงตรงนี้ ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนก็มองเด็กสาวอย่างพินิจพิจารณา

อืม

จะว่าไปก็หน้าตาดีอยู่นะ

เขาไม่เคยเห็นเด็กสาวที่สวยไปกว่าเด็กคนนี้

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจตระกูลอิ๋งขึ้นมาบ้างแล้ว

ตระกูลฟู่กับตระกูลเจียงยังไม่เท่าไร เขาจำได้ว่าตอนนี้ลูกสาวของผู้เฒ่าจงเป็นนายหญิงของตระกูลอิ๋งแล้ว

ตระกูลจงเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่กลับไม่มีท่าทีอะไรแม้แต่น้อย

เอาใจใส่สู้เด็กสาวคนนี้ไม่ได้

“ในเมื่ออาจงพูดขนาดนี้แล้ว งั้นผมก็ขอโทษกับคำพูดก่อนหน้านี้ด้วยครับ” ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนทำสีหน้าจริงจัง “ไม่ทราบว่าอาจงมีวิธีแก้ปัญหายังไงบ้างครับ”

ถึงแม้ผู้ถือหุ้นหลายคนกับญาติคนอื่นๆ จะมีแผนเจ้าเล่ห์อยู่ในใจ แต่คนส่วนใหญ่ในจงซื่อกรุ๊ปต่างก็ยังคงเทใจไปทางผู้เฒ่าจง

ไม่ใช่เพราะใดอื่น แค่เพียงเพราะหากไม่มีผู้เฒ่าจงก็ไม่มีจงซื่อกรุ๊ปในวันนี้

“โลกสิบทิศหายไปนานขนาดนี้ คนที่ดูแลเฝ่ยชุ่ยไจกลับไม่มีใครสังเกตเห็นสักคนเดียว” ผู้เฒ่าจงเหลือบมองผู้จัดการเฝ่ยชุ่ยไจที่ยืนอยู่ด้านข้าง “นี่คือการบกพร่องต่อหน้าที่!”

“นับแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ทางสำนักงานใหญ่ของจงซื่อกรุ๊ปเป็นผู้ดูแลเฝ่ยชุ่ยไจ ผู้ดูแลทั้งหมดของเฝ่ยชุ่ยไจให้ออกจากหน้าที่ทั้งหมด”

ผู้จัดการเฝ่ยชุ่ยไจพูดด้วยความลำบากใจ “ประธานจง ผม…”

แม้แต่ในกล้องวงจรปิดยังไม่พบร่องรอยอะไร เขาจะทำอะไรได้

“แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าคนที่ขโมยเจ้าเล่ห์ขนาดไหน” ผู้เฒ่าจงพูดเสียงขรึม “นี่ไม่ใช่แค่จ้องเล่นงานเฝ่ยชุ่ยไจ แต่จ้องเล่นงานจงซื่อกรุ๊ปทั้งหมด”

ขโมยโลกสิบทิศออกไปได้โดยไม่เหลือร่องรอย อีกฝ่ายไม่ธรรมดา

บรรดาผู้ถือหุ้นใจหายวาบ

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลงพลางครุ่นคิด

“ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือยืดเวลาออกไปก่อน” ผู้เฒ่าจงตัดสินใจ “พรุ่งนี้นัดเจอดีเคกรุ๊ปก่อน”

ดีเคกรุ๊ปก็คือบริษัทข้ามชาติที่ว่านี้

ได้ยินว่าซีอีโอของบริษัทชื่นชอบหยกเป็นงานอดิเรก ถึงได้เลือกที่จะซื้อโลกสิบทิศไปเก็บไว้

ตอนเซ็นสัญญาทางดีเคกรุ๊ปได้จ่ายเงินมัดจำมาแล้วสองร้อยล้าน รอแค่ส่งมอบสินค้าพรุ่งนี้แล้ว

“อาจง เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ผมเองครับ” ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนลุกขึ้น “ผมจะไปติดต่อคุณยูจีนตอนนี้เลยครับ”

ณ คฤหาสน์ตระกูลอิ๋งเวลานี้

หลังจากที่พ่อบ้านวางสายก็เดินไปที่โซฟา พูดเสียงเบา “คุณลู่เวยครับ ทางตระกูลจงเกิดเรื่องแล้วครับ”

“ตระกูลจงเหรอ” อิ๋งลู่เวยกำลังดูเครื่องสำอางในเน็ต พอได้ยินก็เงยหน้าขึ้น อึ้งไปชั่วขณะ “ตระกูลจงเกิดอะไรขึ้น”

“ไม่แน่ใจครับ” พ่อบ้านส่ายหน้า “แต่ได้ยินว่ามีปัญหากับบริษัทข้ามชาติของยุโรป มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกเล่นงานกันทั้งจงซื่อกรุ๊ป”

“เอาแค่วันนี้หุ้นของจงซื่อกรุ๊ปก็ร่วงยาวแล้วครับ”

อิ๋งลู่เวยเหลือบมองชั้นสอง เธอเองก็พูดเสียงเบา “ทางตระกูลจงโทรมาเองเหรอ”

“ครับ” พ่อบ้านพูด “แต่ไม่ใช่ระดับสูง แต่ดูจากท่าทางเหมือนอยากให้ตระกูลอิ๋งช่วยครับ”

“ช่วยเหรอ” อิ๋งลู่เวยวางโทรศัพท์มือถือ แสยะยิ้ม “ตระกูลจงเกิดเรื่องใหญ่ อยากดึงตระกูลอิ๋งเข้าไปซวยด้วย มีเรื่องดีแบบนั้นที่ไหนกัน”

พ่อบ้านเข้าใจแล้ว “คุณลู่เวยหมายความว่า ไม่ต้องไปสนใจเหรอครับ”

“แน่นอน ได้ประโยชน์อะไร ทำไมต้องยุ่งด้วย” อิ๋งลู่เวยพูดจาดูถูก “แล้วก็ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับพี่สะใภ้หรอก”

เธอยกถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วยิ้ม “ช่วงนี้พี่สะใภ้เหนื่อยมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เธอกลุ้มใจอีก”

ตระกูลจงไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย อีกทั้งเธอก็เกลียดผู้เฒ่าจงด้วย

ใครที่ดีกับอิ๋งจื่อจินเธอก็จะไม่ชอบคนนั้น

ตระกูลจงไม่มีทางล้มหรอก ยังไงซะก็เป็นตระกูลเศรษฐีร้อยปี ฐานแข็งแกร่ง

แต่จะเปลี่ยนผู้กุมอำนาจหรือเปล่า เธอก็หวังให้เป็นอย่างนั้น

สำหรับพ่อบ้านแล้วอิ๋งลู่เวยแซ่อิ๋ง นี่ต่างหากที่เป็นหนึ่งในคนตัดสินใจของตระกูลอิ๋งได้

ในเมื่อเธอพูดขนาดนี้แล้ว งั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องหารืออีกแล้ว

พ่อบ้านถอยออกไป “ผมจะปฏิเสธทางตระกูลจงเดี๋ยวนี้ครับ”

อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร

ยังคงเป็นที่ห้องใต้ดิน

แฮกเกอร์รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองทำอะไรก็ติดขัด ไม่เคยได้พักผ่อนดีๆ

เดี๋ยวก็ถูกคนนั้นเรียก เดี๋ยวก็ถูกคนนี้เรียก

รวมหัวกันมาแกล้งเขา

แต่เขายังจะพูดอะไรได้

คู่สร้างคู่สม!

“คุณชายๆ ฉันกำลังตรวจสอบอยู่” มือข้างหนึ่งของแฮกเกอร์กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มืออีกข้างกำลังเคาะแป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว “เฮ้อ ฉันล่ะยอมใจ นายคิดดูสถานที่เก็บอัญมณีล้ำค่า แต่ด้านในสุดไม่มีกล้องวงจรปิดเนี่ยนะ”

ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้น คุณชายท่านนี้ไม่มีทางไม่แตะคอมพิวเตอร์ เขาเองก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้

“ไม่ต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิด” ฟู่อวิ๋นเซินพิงกำแพง ถือโทรศัพท์พลางพูด “ตรวจสอบคน”

พอได้ยินคำพูดนี้แฮกเกอร์ก็อึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกเหนือความคาดหมายนิดหน่อย “นายหมายความว่า…ไม่มั้ง พวกเขาขโมยของกล้ามาขโมยถึงประเทศจีนเลยเหรอ”

“นอกจากพวกเขาแล้วไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีก” ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงเนือย “นายรีบเข้า สืบให้กระจ่างก่อนพรุ่งนี้เย็น”

“ได้ๆๆ ฉันล่ะกลัวนายจริงๆ แล้ว” แฮกเกอร์รู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกิน “อย่าว่างั้นงี้เลยนะ เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสใหม่ส่งมาให้ฉันอย่างละสิบลังด้วย”

ฟู่อวิ๋นเซินกดวางสาย ขมวดคิ้ว

ชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาดนี้ ทำไมยังมีชีวิตชีวาได้อยู่อีก

อาหารขยะ ไม่ดีต่อสุขภาพ

พอเขาวางโทรศัพท์ลง โทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณที่อยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมาอีก

เสียงปลายสายร้องโหยหวนเหมือนจะขาดใจ “พี่ ปกติดีใช่ไหม ทำไมพวกเราต้องซื้อหุ้นของจงซื่อกรุ๊ปด้วยล่ะ นั่นเงินนะ!”

“อืม เป็นเพราะ…” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ริมฝีปากโค้งมน พูดอย่างสบายๆ “เงินเยอะมั้ง”

“…”

วันต่อมา

“อาจงครับ ผมขอแอบพูดกับอาหน่อย ไม่ชอบมาพากลแล้วครับ” ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนกระซิบบอก “หุ้นของพวกเราพุ่งกลับมาแล้ว แถมยังสูงกว่าก่อนหน้านี้ด้วยครับ”

“แล้วไง” ผู้เฒ่าจงทำเสียงฮึดฮัด “นายจะตื่นตูมทำไม”

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคน “…”

เดี๋ยวนะ เขาก็แค่ว่าเด็กคนนั้นนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผู้เฒ่าจงจะเจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไปหรือเปล่า

ผู้เฒ่าจงพูดอย่างมีความสุข “ก็บอกแล้วว่าหลานสาวฉันเป็นดาวนำโชค นายจะไปเข้าใจอะไร”

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนหุบปากสนิท เขาเดินนำผู้เฒ่าจงกับผู้ถือหุ้นคนสำคัญไปยังห้องรับรองแขก

มีคนอยู่ภายในห้องก่อนแล้ว

ชายชาวต่างชาติผมทอง อายุสี่สิบต้นๆ สวมแว่นตา

“อาจงครับ นี่ก็คือคุณยูจีนครับ” ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนแนะนำ “คุณยูจีน นี่คือประธานใหญ่ของจงซื่อกรุ๊ปครับ”

ยูจีนลุกขึ้น ยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ ภาษาที่พูดคือภาษาจีน “ได้ยินชื่อเสียงของประธานจงมานาน วันนี้ได้มาพบตัวจริงแล้ว”

“ไม่ต้องพูดเกรงใจอะไรมากนัก คุณยูจีนเองก็คงทราบสถานการณ์ในตอนนี้” ผู้เฒ่าจงเข้าประเด็นทันที “ขอความกรุณาทางบริษัทให้เวลาพวกเราอีกหน่อย ทางเราจะส่งมอบโลกสิบทิศให้แน่นอนครับ”

ยูจีนได้ฟังก็ยิ้ม “ก่อนมาบอสของผมคิดไว้แล้วว่าประธานจงจะต้องพูดแบบนี้ แต่นี่เป็นความผิดพลาดของจงซื่อกรุ๊ป ทางดีเคกรุ๊ปของเราไม่มีเหตุผลต้องแบกรับความเสียหายของพวกคุณนะครับ”

แบบนี้คือจะสร้างเงื่อนไขแล้ว

แววตาของผู้เฒ่าจงขรึมลง “เชิญคุณยูจีนว่ามาครับ”

“พวกเราให้เวลาพวกคุณได้” ยูจีนหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมา “แต่ถ้าภายในห้าวันพวกคุณยังคงหาโลกสิบทิศไม่เจอก็จะต้องชดใช้ด้วยเฝ่ยชุ่ยไจ”

พอเขาพูดจบ ผู้ถือหุ้นทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยน

เฝ่ยชุ่ยไจเป็นเหมือนหัวใจของจงซื่อกรุ๊ป ก็เหมือนกับที่อวี้เซียงฟังเป็นหัวใจของฟู่ซื่อกรุ๊ป

ถ้าไม่มีเฝ่ยชุ่ยไจ จงซื่อกรุ๊ปก็จะเสียหายอย่างหนักหน่วง

ผู้เฒ่าจงปฏิเสธเสียงแข็งโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีทาง!”

เขาไม่มีทางยกเฝ่ยชุ่ยไจให้เด็ดขาด

“งั้นก็น่าเสียดายจริงๆ ครับ” ยูจีนส่ายหน้า “ในเมื่อจงซื่อกรุ๊ปไม่มีความจริงใจขนาดนี้ งั้นพวกเราก็คงต้องไร้เยื่อใยแล้วล่ะครับ”

“ดีเคไม่เอาเงินมัดจำสองร้อยล้านแล้วก็ได้ ยังไงซะอีกไม่นานจงซื่อกรุ๊ปก็ล้มแล้ว”

ข่มขู่เต็มที่

ผู้เฒ่าจงโมโหจนหายใจแรงหน้าอกกระเพื่อม มือก็เริ่มสั่น

ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็สีหน้าย่ำแย่สุดขีด

ยูจีนยิ้มพลางถอนหายใจ “ดูท่า…”

“ได้” เสียงดังมาจากด้านนอก “พวกเราขอรับเงื่อนไขนี้”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท