คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 124 สอบก็แค่เขียนเรื่อยเปื่อยไม่ใช่เหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

เรื่องที่เธอมองไม่เห็นก็แสดงว่าไม่ใช่เรื่องที่ถึงตาย

น่าจะไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่

ซิวอวี่ก็พูดขึ้น “พ่ออิ๋ง อย่าคาดหวังมาก พวกเขาอยู่กับเจียงหรานมานาน ชอบเล่นใหญ่”

“เอาแค่ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าไปแอบฟังที่ห้องน้ำหญิงตรงไหนมา จากนั้นก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

“ปรากฏว่าเป็นไงรู้ไหม พ่ออิ๋งลองเดา” ซิวอวี่ยักไหล่ “ที่แท้ก็มีนักเรียนหญิงมอหกคนนึงจะมาสารภาพรักกับเจียงหราน”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองลูกน้อง “…”

“เจ๊อวี่ นั่นเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ นะ” ลูกน้องทำสีหน้าเป็นเดือดเป็นร้อน “เพราะรุ่นพี่คนนั้นไม่เพียงแต่จะสารภาพรักกับพี่หราน ยังเรียกผู้ชายหลายคนจากนอกโรงเรียนมาด้วย อยากให้พี่หรานเป็นฮีโร่ไปช่วยสาว พวกเราก็ต้องเตือนพี่หรานอยู่แล้วว่าอย่าไปหลงกล”

อีกอย่างไม่ใช่แอบฟังที่ห้องน้ำหญิง เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพราะพวกเขาเดินผ่านสนามกีฬา

ต่อให้พวกเขาจะไม่เป็นโล้เป็นพายขนาดไหน แต่จะโรคจิตถึงขั้นไปแอบฟังที่ห้องน้ำหญิงได้อย่างไร

ซิวอวี่ถอนหายใจ พูดเสียงขรึม “นายควรรู้สึกโชคดีนะที่ติดตามเจียงหราน ถ้านายมาติดตามฉัน ฉันอัดนายพิการไปนานแล้ว”

“พ่ออิ๋ง เชื่อผมนะ เรื่องใหญ่จริงๆ” ลูกน้องแอบมองค้อนซิวอวี่ “เมื่อกี้ตอนผมเดินผ่านห้องพักอาจารย์ฝ่ายวิชาการ ผมเห็นปีศาจยายไป๋ไปหาอาจารย์ฝ่ายวิชาการ”

“บอกว่าตอนสอบกลางภาคอยากให้พ่ออิ๋งแยกห้องสอบคนเดียว กันพ่ออิ๋งลอกคนอื่น”

มือของอิ๋งจื่อจินที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์หยุดชะงัก เงยหน้าขึ้น “นายก็ควรจะรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้ติดตามฉัน”

ลูกน้อง “…”

หัวใจดวงน้อยของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง

“ปีศาจยายไป๋โรคจิตเหรอ” สีหน้าของซิวอวี่เย็นชา หันไปมองอิ๋งจื่อจิน “อะไรคือกันเธอลอกคนอื่น”

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ เธอตอบ “ก็อาจจะ”

ถ้าวันนี้ลูกน้องไม่พูดขึ้นมา เธอก็ลืมไปแล้วว่าคนคนนี้คือใคร

“ฉันนึกออกแล้ว” ซิวอวี่ขมวดคิ้ว “พ่ออิ๋งกับลู่ฟั่งพนันกันไว้ว่าจะใช้ข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ ต้องสอบสนามสอบเดียวกับพวกเขา”

คลาสเด็กอัจฉริยะใช้ข้อสอบของตัวเองโดยเฉพาะ โดยมีระดับความยากที่มากพอสมควร

เน้นไปที่กระบวนการคิดของผู้สอบมากกว่า มีการดึงความรู้นอกห้องเรียนมาใช้

โดยทั่วไปด้วยระดับความยากของข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะ ต่อให้เอานักเรียนคลาสทดลองสายวิทย์มาทำ สอบได้ห้าร้อยคะแนนก็เก่งแล้ว

ดังนั้นข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะชิงจื้อถึงได้ถูกขนานนามมาตลอดว่ายากขั้นวิปริตอันดับหนึ่งในเน็ต

ต่อให้เป็นโรงเรียนมัธยมของตี้ตูที่ติดสามอันดับแรกของประเทศเหมือนชิงจื้อ ก็ยังสู้ระดับความยากขั้นวิปริตของชิงจื้อไม่ได้

เนื่องจากระดับความยากที่ต่างกัน ดังนั้นตอนลงคะแนนในขั้นตอนสุดท้าย ผลคะแนนของคลาสเด็กอัจฉริยะจะถูกคูณเข้าไปอีกหนึ่งจุดสอง

สอบปลายภาคเมื่อเทอมที่แล้ว จงจือหว่านสอบได้หกร้อยสิบห้า เมื่อคำนวณเป็นคะแนนของทั้งระดับก็จะได้เจ็ดร้อยสามสิบแปดคะแนน

เธอจึงเป็นที่หนึ่งของระดับชั้น

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนักเรียนคลาสอื่นคัดค้านการตัดคะแนนแบบนี้

วิธีแก้ไขของทางโรงเรียนคือ นักเรียนสามารถเลือกสอบข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะได้นอกเหนือจากข้อสอบตามปกติ

แต่สุดท้ายเมื่อผลสอบออกมา ย่อมต้องแย่กว่าทำข้อสอบปกติอยู่แล้ว

คลาสเด็กอัจฉริยะของชิงจื้อมีมานานหลายปีขนาดนี้ นักเรียนคลาสอื่นที่เลือกสอบข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะมีอยู่ไม่เกินห้าคน

เมื่อก่อนที่อิ๋งจื่อจินสอบได้สามร้อยแปดสิบเจ็ดคะแนนก็ไม่ใช่ข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอเลือกเข้าร่วมการสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ แน่นอนว่าดึงดูดความสนใจในเว็บบอร์ดโรงเรียนได้อยู่ไม่น้อย

ข้อสอบปกติยังได้แค่สามร้อยแปดสิบเจ็ดคะแนน คะแนนรวมทั้งหมดของข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะจะเกินร้อยได้เหรอ

“พ่ออิ๋ง ปีศาจยายไป๋จะต้องแค้นพ่ออิ๋งเรื่องคาบชีวะแน่ๆ” ลูกน้องโมโห “ยังไงซะการสอนห้องเราก็ได้เงินเดือนสามเท่าของการสอนห้องอื่น”

“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินใส่หูฟังอีกครั้งแล้วพยักหน้า “เรื่องไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการหรอก”

ซิวอวี่ลูบคาง

พ่ออิ๋งของพวกเขาเริ่มทำนายอีกแล้วเหรอ

ภายในห้องพักอาจารย์ฝ่ายวิชาการ

“อาจารย์ไป๋ เรื่องที่คุณพูดมาเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะก็ต้องสอบห้องเดียวกับเด็กคลาสอัจฉริยะ”

เขาโกรธมาก

อะไรคือกันนักเรียนลอก

ยังไม่ทันจะสอบก็สงสัยไปก่อนแล้วเหรอ

“อาจารย์คะ คุณอาจจะยังไม่รู้จักนักเรียนคนนี้ดี” ไป๋เสาซือไม่โกรธ ยิ้มพลางพูด “เมื่อก่อนเธออยู่คลาสเด็กอัจฉริยะเรียนไม่เอาไหน ถึงขนาดทำให้อาจารย์นิสัยดีอย่างอาจารย์เฮ่อโมโหจนเดินหนีได้ อาจารย์คิดว่าเธอจะตั้งใจทำข้อสอบเหรอคะ”

ยิ่งไปกว่านั้นการเดิมพันของอิ๋งจื่อจินกับลู่ฟั่งก็รู้กันไปทั่วระดับชั้นมอห้าแล้ว

ใครแพ้ก็ไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีแล้วจริงๆ

“ผมไม่รู้จักงั้นคุณรู้จักเธอดีเหรอ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการโมโหควันออกหู “ผมบอกไปแล้ว เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ กลับไปเตรียมสอนเถอะครับ”

“อาจารย์คะ ฉันตั้งใจเสนอแนะจริงๆ” ไป๋เสาซือยิ้มค้าง “อิ๋งจื่อจินจะต้องทุจริตเพื่อให้สอบผ่านแน่นอน จัดห้องสอบให้เธอโดยเฉพาะจะดีกว่านะคะ”

“คุณเป็นอาจารย์ฝ่ายวิชาการหรือผมเป็นกันแน่” อาจารย์ฝ่ายวิชาการเอาสมุดรายชื่อในมือกระแทกลงบนโต๊ะ “ได้ แยกห้องสอบโดยเฉพาะก็ได้ คุณไปบอกผู้อำนวยการตอนนี้เลยว่าคุณอยากมาเป็นอาจารย์ฝ่ายวิชาการแทนผม”

พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของไป๋เสาซือก็แย่ลง “อาจารย์คะ ฉันหมายความแบบนั้นที่ไหนกัน”

“ผมว่าคุณอยากอยู่นะ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการขี้เกียจสนใจ ไล่ไป๋เสาซือออกไป “อาจารย์ไป๋ จำไว้ว่าคุณเป็นแค่อาจารย์ชีวะ ยังไม่มีสิทธิ์มาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องกติกาการสอบ”

และแล้วไป๋เสาซือก็ถูก ‘เชิญ’ ออกจากห้องพักอาจารย์ฝ่ายวิชาการไปทั้งแบบนี้

ด้านนอกห้องพักครูมีนักเรียนเดินผ่านไปมา ต่างมองมาด้วยความสงสัย

“มองอะไรกัน” เดิมทีไป๋เสาซือก็อัดอั้นความโกรธ ทนไม่ไหวยิ่งกว่าเดิม “ผู้ปกครองของพวกเธอไม่เคยสอนเหรอว่าให้เคารพครูบาอาจารย์ ถ้ามองอีกครูจะปรับคะแนนสอบของพวกเธอให้เป็นศูนย์!”

“อาจารย์ไป๋”

เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง

ไป๋เสาซือยืนตัวแข็ง หันกลับไปด้วยความกระอักกระอ่วน “อาจารย์เฮ่อ ฉันล้อพวกเด็กๆ เล่นน่ะค่ะ”

“ล้อเล่นเหรอครับ” เฮ่อสวินขมวดคิ้ว “อาจารย์ไป๋ ต่อให้ล้อเล่นก็ไม่ควรพูดแบบนี้ส่งเดชนะครับ”

“อาจารย์เฮ่อพูดถูกค่ะ” ไป๋เสาซือดูนาฬิกาข้อมือ เอ่ยปากชวน “เที่ยงแล้ว ฉันเลี้ยงข้าวอาจารย์เฮ่อดีไหมคะ”

วันที่ 28-29 เมษายน เป็นวันสอบกลางภาคของโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

เด็กมอหกไม่รวมอยู่ในนั้น เพราะปกติพวกเขาก็อยู่ท่ามกลางข้อสอบทุกวันอยู่แล้ว

มอสี่ไม่มีแยกสอบย่อย จึงสอบแค่สามวิชาหลักคือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน

การสอบของมอห้าจะดำเนินตามรูปแบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

เพื่อให้นักเรียนได้ซึมซับบรรยากาศการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นการล่วงหน้าก่อน พอถึงเวลาจะได้ไม่ตื่นเต้นมากนัก

ช่วงเช้าของวันแรกเป็นการสอบภาษาจีน

เริ่มสอบเวลาเก้าโมงครึ่ง เก้าโมงตรงเข้าสนามสอบ มาสายสิบห้านาทีห้ามเข้าห้องสอบ

แน่นอนว่าข้อเสนอแนะของไป๋เสาซือไม่สำเร็จ

อาจารย์ฝ่ายวิชาการจัดการต่อหน้าเธอโดยให้อิ๋งจื่อจินนั่งสอบตรงกลางคลาสเด็กอัจฉริยะ

แค่อยากให้ไป๋เสาซือดูว่าอิ๋งจื่อจินทุจริตหรือเปล่า

แต่คราวนี้พวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะกลับไม่พอใจ

“อาจารย์ฝ่ายวิชาการบ้าไปแล้วหรือเปล่า เกิดอิ๋งจื่อจินทุจริตขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ให้เธอนั่งตรงกลาง คนที่อยู่รอบๆ ไม่กลายเป็นคลังสมบัติให้เธอลอกเลยเหรอ”

“โชคดีที่ฉันไม่ได้นั่งตรงนั้น นายระวังหน่อยนะ ตอนสอบปกป้องกระดาษคำตอบให้ดีๆ”

“วางใจได้ ฉันทำข้อสอบเร็วมาก รับรองยัยนั่นลอกไม่ทันหรอก”

พวกนักเรียนคนอื่นก็เอาด้วย ตัดสินใจว่าจะเร่งทำข้อสอบให้เสร็จโดยเร็ว

เสียงออดดังขึ้นตอนเก้าโมงตรง พวกนักเรียนเข้านั่งประจำที่

มีเพียงที่นั่งตรงกลางที่ยังว่างอยู่

เนื่องจากจงจือหว่านเป็นที่หนึ่งของชั้นปี เธอจึงนั่งคนแรกของแถวแรก

เธอหันไปมองตรงกลางเหมือนไม่ตั้งใจแล้วขมวดคิ้ว

อิ๋งจื่อจินจะทุจริตไหมอันนี้ยังไม่รู้ แต่เธอแน่ใจได้ว่า ต่อให้ทุจริต ผลคะแนนของอิ๋งจื่อจินก็ย่ำแย่อยู่ดี

ช่วงหลายวันมานี้เธอยังแอบกลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เห็นทีจะน่าตลกจริงๆ แล้ว

ใกล้ได้เวลาสอบแล้วอิ๋งจื่อจินยังไม่มา คงกลัวสินะ

จงจือหว่านส่ายหน้า รู้สึกผิดหวัง

เธอก้มหน้าตรวจเช็กอุปกรณ์เครื่องเขียน กระดาษคำตอบ รวมถึงข้อสอบ

สัญญาณทำข้อสอบดังขึ้นในเวลาเก้าโมงครึ่ง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน

ตอนที่เธอนั่งประจำที่ นักเรียนคนอื่นๆ ต่างไม่ทันสังเกตเห็น

อาจารย์คุมสอบก็ไม่พูดอะไร แค่รู้สึกว่านักเรียนคนนี้มาตรงเวลาจริงๆ

อย่างไรเสียขอแค่ไม่มาช้าเกินสิบห้านาที การสอบก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ

อิ๋งจื่อจินเอาบัตรประจำตัวผู้สอบวางไว้ที่มุมขวาบนของโต๊ะ เธอเปิดดูข้อสอบผ่านๆ แล้วเริ่มทำ

ไม่ใช้ยางลบตั้งแต่ต้นจนจบ ฝนข้อสอบก็รวดเร็ว

จากนั้นอิ๋งจื่อจินคิดว่า ข้อสอบวิชาภาษาจีนใช้ได้เลยทีเดียว มีตัวเลือกเยอะ เธอไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรมาก

นี่น่าจะเป็นการทำข้อสอบอย่างตั้งใจของเธอครั้งหนึ่ง

เมื่อก่อนตอนที่เธอทำการทดลองกับนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นยังไม่เคยจริงจังขนาดนี้

เวลาสิบห้านาทีอิ๋งจื่อจินทำข้อสอบหน้าแรกเสร็จแล้ว จากนั้นก็พลิกกระดาษคำตอบอีกด้านดู

“…”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท