กระดาษคำตอบใบนี้เลือกทำโจทย์
ถึงแม้จะไม่ได้แสดงวิธีทำมาเต็มหน้า แต่ทุกตัวอักษรก็เขียนเป็นระเบียบเรียบร้อย
ระยะห่างระหว่างบรรทัดดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ไม่ได้เขียนส่งเดชแน่นอน
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์หยุดฮัมเพลง สีหน้าเริ่มจริงจังขึ้นมา
เขาขยับเข้าไปใกล้หน่อย เริ่มตรวจดูอย่างละเอียด
จากนั้นเขาก็พบว่า วิธีทำในกระดาษคำตอบ นอกจากสองขั้นแรกที่เหมือนกับคำตอบมาตรฐานแล้ว ส่วนที่เหลือแตกต่างกัน
คำตอบมาตรฐานมีทั้งหมดสิบหกขั้น แต่ในกระดาษคำตอบมีแค่เจ็ดขั้น
แต่สุดท้ายคำตอบที่คำนวณออกมาได้ก็เหมือนกัน
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์รู้ว่า โจทย์ที่กระดาษคำตอบใบนี้เลือกมาคือข้อสามและสี่ ซึ่งก็คือคลื่นกลกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
แต่โจทย์ข้อนี้ยังได้เชื่อมโยงถึงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นนักเรียนหลายคนถึงทำไม่ได้
คำตอบไม่ใช่เลขจำนวนเต็ม แต่เป็นสมการที่ยาวมาก
ประเภทที่ว่าให้เดาก็ยังเดาไม่ออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเดาอักษร
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์มองกระดาษคำตอบใบนี้อยู่นาน รู้สึกช็อค
เพราะเขาพบว่าตัวเองไม่เข้าใจแนวทางการแก้โจทย์แบบนี้
ไม่เหมือนกับคำตอบมาตรฐาน เขาก็ให้คะแนนไม่ถูก จำต้องโทรหาอาจารย์ฝ่ายวิชาการ
“สวัสดีครับอาจารย์” พอปลายสายรับ อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ก็รีบถาม “ใครเป็นคนออกข้อสอบฟิสิกส์ของคลาสเด็กอัจฉริยะครั้งนี้เหรอครับ”
เขาเป็นคนสอนคลาสเด็กอัจฉริยะ แต่ได้สอนก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกข้อสอบได้
ถ้าอยากออกข้อสอบต้องเก่งกว่านี้
“ทางสาขาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูเป็นคนออกมาตลอดครับ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกงง “ทำไมเหรอครับ”
“แล้วทางตี้ตูได้ให้คำตอบอื่นมาอีกไหมครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ขมวดคิ้ว “โจทย์หนึ่งข้อน่าจะมีวิธีแก้หลายแบบหรือเปล่าครับ”
คณิตศาสตร์กับฟิสิกส์ไม่เหมือนวิชาอื่น โดยเฉพาะโจทย์ที่ให้พิสูจน์ ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีแค่วิธีเดียว
“น่าจะนะครับ คุณโทรไปถามเองแล้วกัน” อาจารย์ฝ่ายวิชาการตอบแบบขอไปที “ผมอยู่ทะเล เดี๋ยวจะออกทะเลแล้ว อย่ามากวนผม”
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ “…”
เขาวางสายด้วยความโมโห อยากจะขึ้นบัญชีดำอาจารย์ฝ่ายวิชาการ
แต่ช่วยไม่ได้ เขาจำต้องหาเบอร์ของสาขาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยตี้ตูแล้วโทรไป
โจทย์ข้อนี้ออกโดยศาสตราจารย์หนุ่ม
อายุเพิ่งจะสามสิบต้นๆ แต่ออกโจทย์ได้โหดมาก แบบที่ว่าดูเหมือนไม่ยาก แต่พอลงมือทำกลับไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร
หลังจากอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ส่งวิธีแก้โจทย์ของกระดาษคำตอบใบนี้ไปให้ ไม่นานทางนั้นก็ตอบกลับมา
[เร็วเข้า! บอกผมมาว่าใครเป็นคนทำ]
[สามนาที ผมต้องการข้อมูลทั้งหมดของนักเรียนคนนี้!]
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ปาดเหงื่อ ถามกลับ
[สรุปว่ามันถูกเหรอครับ]
[ไร้สาระ ถูกสุดๆ บ้าเอ๊ยทำไมผมคิดไม่ได้นะ แก้แบบนี้ได้ด้วย เลิกพูด เอาข้อมูลของเด็กคนนี้มาให้ผม นี่ถ้าไม่รับเข้ามาสาขาฟิสิกส์ ผมยังเป็นคนอีกเหรอ]
พอได้คำตอบแบบนี้ คราวนี้อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ก็ช็อคมาก
สาขาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยตี้ตูอยู่ในห้าอันดับแรกของโลกเชียวนะ ไม่ด้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศ
อย่าว่าแต่เป็นฝ่ายขอรับเข้าเรียนต่อก่อนเลย นักเรียนกรูกันแย่งเข้าไปสมัครก็ใช่ว่าจะถูกเลือก
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ก็อยากรู้ว่าเป็นนักเรียนคนไหน ติดตรงที่ว่าตอนตรวจข้อสอบจะมองไม่เห็นชื่อ
[การตรวจข้อสอบเป็นความลับ ผมเองก็ไม่ทราบครับ ต้องรอผลสอบออกมาก่อนผมถึงจะส่งให้คุณได้]
[ได้ๆๆ พวกคุณรีบหน่อยนะครับ ผมจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบิน]
หลังจากที่รับมือกับศาสตราจารย์หนุ่มที่ออกจะบ้าคลั่งคนนี้เสร็จ อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ก็สงบจิตสงบใจ ให้คะแนนเต็มแล้วตรวจข้อสอบต่อ
…
ณ โรงถ่ายเหิงเตี้ยน
ข่าวที่ลั่วจื่อเย่ว์ถูกไล่ไปไม่ใช่ความลับอะไรแล้ว แค่ช่วงกลางวันก็ลือกันไปทั้งกองถ่าย เล่นเอาคนจำนวนไม่น้อยพากันวิพากษ์วิจารณ์
“คงไปเจอของแข็งเข้าแล้ว ไม่งั้นไม่มีทางถูกเฉดหัวหรอก”
“หมั่นไส้ยัยนั่นนานแล้ว วันๆ ทำหน้ายโส ไม่รู้ว่าทำให้ใครดู เป็นแค่นางรอง แต่คนทั้งกองถ่ายต้องมาคอยรับใช้ หน้าหนา”
“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นางมีนายทุนหนุนหลังล่ะ ขนาดตำแหน่งเดบิวต์ยังซื้อได้ ยังจะมีอะไรทำไม่ได้อีก”
นักแสดงคนอื่นๆ ไม่พอใจลั่วจื่อเย่ว์นานแล้ว แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้
เมื่อก่อนมีนักแสดงหญิงคนหนึ่ง แค่พูดล่วงเกินลั่วจื่อเย่ว์ประโยคเดียว วันนั้นก็ถูกไล่ออกจากกองถ่ายทันที
กรรมตามสนอง ตอนนี้ถึงคราวของลั่วจื่อเย่ว์แล้ว
“ซุบซิบอะไรกันอยู่” โปรดิวเซอร์เดินเข้ามาดุ “รีบเตรียมตัว จะถ่ายแล้ว”
เหล่านักแสดงเงียบเสียงทันที เริ่มจัดชุดตัวเอง
พวกเขาถ่ายละครอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่หนังฟอร์มใหญ่ จะมัวเสียเวลาไม่ได้
เดิมทีเนี่ยเฉาเปิดบริษัทก็แค่เอาสนุก ถ้าให้เขาไปลงทุนทำละครฟอร์มยักษ์ เขาไม่ชอบที่มันยุ่งยาก
อีกทั้งละครอินเตอร์เน็ตก็ผ่านการอนุมัติได้ง่าย แถมยังออกผลงานได้เร็ว
หนึ่งเดือนก็เสร็จแล้วหนึ่งเรื่อง
“บอส อยากดูละครอะไร” เนี่ยเฉายิ้มแย้มแจ่มใส “ผมจะให้พวกเขาจัดให้ บท นักแสดง ประเภท เอาตามที่บอสต้องการเลย”
อิ๋งจื่อจินเท้าคางมองพวกนางสนมทะเลาะกันตรงหน้า พูดด้วยความสนใจ “ละครน้ำเน่า”
เนี่ยเฉา “…”
เดี๋ยวนะ มีคนชอบดูละครน้ำเน่าจริงดิ
“ได้!” เนี่ยเฉาตบต้นขา “ผมจะให้พวกเขาเพิ่มฉากสูญเสียความทรงจำ กระโดดน้ำสามครั้ง แท้งสี่ครั้ง!”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นไปหาโปรดิวเซอร์
ไม่ไกลออกไป
มีชายหญิงกำลังเดินมา
ไม่รู้ว่าเห็นอะไรเข้า ทันใดนั้นผู้ชายก็หยุดเดิน
ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาขมวดคิ้ว มองไปตามสายตาของเขา พูดอย่างเย็นชา “เย่าจือ มองอะไรน่ะ”
ซังเย่าจือไม่ตอบ เดินตรงไป
เขาหยุดลงตอนที่เดินถึงตรงหน้าเด็กสาว “คะ…คุณอิ๋ง นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณที่นี่”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “บังเอิญ”
คำเดียวไม่พูดมาก
“งานค่อนข้างยุ่ง เลยไม่ทันได้ไปขอบคุณคุณอิ๋งด้วยตัวเองมาตลอด” ซังเย่าจือไอหนึ่งที ยิ้มเล็กน้อย
“ยาที่คุณอิ๋งจัดให้ได้ผลมากครับ เส้นเสียงของผมกลับมาปกติแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งจื่อจินมองเขาอีกครั้ง เบี่ยงตัวเพื่อเว้นที่ให้เขา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ดูสิ”
ฟู่อวิ๋นเซินกำลังเล่นผมของเธอ พอได้ยินก็เงยหน้า “?”
“คุณอยากเห็นดาราชายหล่อๆ”
“…”
กลัวที่สุดคือตอนอยู่ๆ ก็เงียบ
“ผมเป็นแค่คนไข้ของคุณอิ๋ง” ซังเย่าจือทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน เขาอธิบาย “ครั้งนี้มาขอบคุณเธอครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินเอามือลง ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “อืม”
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจทั้งสองคน ดูฉากตบตีต่อ
“คุณซังไม่ต้องเกร็ง” ฟู่อวิ๋นเซินพิงไปด้านหลัง “เด็กน้อยพูดถูก ผมมาดูดาราชายหล่อๆ ครับ”
“เป็นเกียรติของผมครับ” ซังเย่าจือเงยหน้าขึ้น ชี้ไปด้านขวา “ผมถ่ายอยู่ทางนั้น ถ้าพวกคุณสองคนสนใจไปดูได้นะครับ ตอนนี้ผมไม่รบกวนแล้วครับ”
เขาพูดขอบคุณอีกครั้งแล้วถึงออกไป
…
ตอนเย็น
แสงไฟสว่างไสว ผู้คนสัญจรไปมา
วันนี้เหิงเตี้ยนมีการแสดง ทั้งยังได้เชิญดาราวัยรุ่นที่กำลังดังอยู่ตอนนี้มาสมทบหลายคน
นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยได้ข่าวก็ซื้อตั๋วเข้ามาชม
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจดูการแสดงเท่าไร แค่ไปเดินชมที่หลังเวทีนิดหน่อยก็เตรียมกลับไปเล่นเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ดูว่ามีงานอะไรให้รับบ้าง
สองทุ่มฟ้ามืดแล้ว ฟู่อวิ๋นเซินย่อมไม่วางใจให้เธออยู่คนเดียว จึงรอเธออยู่ด้านนอก
พอเห็นเธอออกมาก็พยักหน้า “เยาเยา ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็เกิดเสียงเอะอะมาจากทางด้านขวา
มีสตาฟตะโกนเสียงดัง “ชุดแดนเซอร์ล่ะ ใครเอาลังใส่ชุดแดนเซอร์ไป!”
“ทำไงดี เดี๋ยวก็จะต้องขึ้นแสดงกันแล้วด้วย ตอนนี้ไม่มีชุดแล้วจะแสดงยังไง”
“หลังเวทีไม่มีเหรอ รีบไปหาสิ อีกห้านาทีจะเป็นการแสดงชุดต่อไปแล้ว ลองหาดูยังมีเวลา เร็วเข้า!”
หัวหน้าสตาฟตะโกนสั่ง เหล่าสตาฟก็รีบไปตามหาลังใส่ชุด
แต่สถานที่กว้างมาก คนก็เยอะ ขณะนี้ก็ไม่มีเบาะแส ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน
จนกระทั่งมีคนระดับสูงลงมา พูดด้วยความโมโห “พวกโง่ ไปดูกล้องวงจรปิดสิ ลังมันก็วางอยู่หลังเวที ยังจะมีปีกบินไปได้หรือไง”
คราวนี้ถึงได้มีสตาฟไปขอดูกล้องวงจรปิด
ฟู่อวิ๋นเซินหันกลับไปมอง “ไม่ใช่ของบริษัทเนี่ยเฉา”
ความหมายคือ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา
แต่พอเดินไปได้หนึ่งก้าว อิ๋งจื่อจินกลับหยุดลง
ดวงตาหงส์กวาดตามองเล็กน้อย แววตาเย็นชา
ฟู่อวิ๋นเซินก็หยุดเดิน “เยาเยา?”
ในตอนนี้เอง สตาฟที่อยู่ทางนั้นก็ตะโกนขึ้น
“เจอแล้ว กล้องวงจรปิดเจอแล้ว!”
“เร็วเข้า รีบดูว่าเป็นใคร”
สตาฟอีกคนถือคอมพิวเตอร์เดินออกมาจากหลังเวที เริ่มเปิดภาพจากกล้องวงจรปิด
หลังจากดูจบเขาก็เงยหน้าขึ้น มองหาในกลุ่มคน
หัวหน้าสตาฟรีบเข้ามาด้วยความร้อนรน ถามหน้าตาตื่น “เป็นไงบ้าง เจอหรือยัง ใครเอาชุดแดนเซอร์ไป”
“หัวหน้า เจอแล้วครับ” สตาฟหันไปชี้เด็กสาว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณผู้หญิงคนนี้ เธอออกมาเป็นคนสุดท้าย”