มีกระดาษสีแดงที่จัดอันดับรายชื่อทั้งหมดสองแผ่น
แผ่นหนึ่งของมอสี่ อีกแผ่นของมอห้า ของมอห้าอยู่ด้านขวา
จงจือหว่านเงยหน้าขึ้น สายตาไปอยู่ที่ตำแหน่งแรกของชั้นปี
เธอไม่ได้มองชื่อ แต่มองคะแนนก่อน
อย่างไรเสียนับตั้งแต่มอสี่จนถึงตอนนี้ ที่หนึ่งของชั้นปีก็เป็นเธอมาตลอด อีกทั้งเธอมักจะทิ้งห่างอันดับสองสิบคะแนน
หกร้อยเก้าสิบคะแนน
ทำไมน้อยขนาดนี้
ตอนสอบเสร็จเธอลองคาดคะเนคะแนนคร่าวๆ ข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะ คะแนนรวมของเธอน่าจะอยู่ที่ประมาณหกร้อยสิบ
พอคูณออกมาเป็นคะแนนรวมจัดอันดับก็จะอยู่ที่เจ็ดร้อยยี่สิบคะแนนขึ้นไปแล้ว
หกร้อยเก้าสิบคะแนน ห่างจากที่คาดคะเนไว้เยอะเหลือเกิน
จงจือหว่านขมวดคิ้ว รู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที
เธอไม่ดูต่อ เตรียมเดินออก ทันใดนั้นกลับมีนักเรียนที่อยู่ข้างๆ ตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
“โอ้โห นี่ฉันตาบอดหรือเปล่าเนี่ย เธอไม่ใช่แค่ผ่าน แต่ได้ที่หนึ่งด้วยนะ!”
“ไม่ไหวแล้ว ขาฉันอ่อนไปหมดแล้ว รีบประคองหน่อย ฉันอยากจะรู้ว่าวิทยาศาสตร์สามร้อยคะแนน สอบออกมาได้ไง”
“อย่าว่าแต่วิทยาศาสตร์สามร้อยเลย คณิตศาสตร์ร้อยห้าสิบพวกนายลองสอบให้ฉันดูหน่อยสิ แถมตอนนั้นที่เดิมพันก็ใช้ข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะด้วยหรือเปล่า ไม่ไหวละ ฉันอยากจะบ้า”
พอได้ยินคำพูดพวกนี้จงจือหว่านก็อึ้ง หันขวับไปมอง สีหน้าหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ดวงตาเบิกโพลง มองชื่อที่อยู่บนสุด รู้สึกเหลือเชื่อ
ราวกับถูกตีหัวอย่างรุนแรง สมองของจงจือหว่านมึนไปหมด เลือดบนใบหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว
เสียงอื้ออึงรอบตัวทะลักเข้าหูของเธออย่างบ้าคลั่ง
คล้ายกำลังเย้ยหยัน
“ฉันต้องขอพูดเลยว่า อิ๋งจื่อจินสุดยอด ข่มคลาสเด็กอัจฉริยะทั้งหมดขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งได้”
“มิน่าพวกห้องสิบเก้าถึงไม่มีท่าทีตอบสนองอะไรเลย พวกเขาคงรู้นานแล้วหรือเปล่า”
“แอบกระซิบ มีครั้งหนึ่งฉันเดินไปเข้าห้องน้ำผ่านห้องพวกเขา ฉันเห็นอิ๋งจื่อจินยืนสอนอยู่หน้าห้อง ดูเหมือนจะสอนชีวะด้วยนะ”
“ฉันก็เหมือนเคยได้ยินมา อาจารย์ไป๋ชอบอาจารย์เฮ่อใช่ไหมล่ะ ก็เลยเกลียดอิ๋งจื่อจินเข้าไส้เพราะอาจารย์เฮ่อ พออิ๋งจื่อจินย้ายไปห้องสิบเก้าอาจารย์ไป๋ก็เลยปฏิเสธเข้าสอนพวกเขา เว้นเสียแต่อิ๋งจื่อจินจะไสหัวออกไป ปรากฏว่าสุดท้ายตัวเองเลยต้องไสหัวไปเอง ฉันล่ะขำไส้แตก”
“เฮ้อ แล้วเมื่อไรอาจารย์ไป๋จะไปจากคลาสพวกเราซะที”
ไป๋เสาซือก็สอนคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ นักเรียนคลาสนี้ย่อมรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง
เวลาสอนก็งั้นๆ ทั้งยังชอบด่าคน เอะอะก็เอาคะแนนมาขู่
ได้ยินว่ามีคนหนุนหลัง เกี่ยวข้องกับทางตี้ตู ก็เลยไม่ถูกชิงจื้อถอดออกมาตลอด
ชั่วขณะนั้นพวกเด็กนักเรียนคลาสทดลองวิทยาศาสตร์รู้สึกอิจฉาห้องสิบเก้ามาก
ลูกน้องเงยหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
อิจฉาใช่ไหมล่ะ
อิจฉาไปก็ช่วยไม่ได้
พ่ออิ๋งเป็นของพวกเขา ยกให้ไม่ได้หรอก
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้น
“เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ต่อให้อิ๋งจื่อจินได้ที่หนึ่งของชั้นปี แต่จงจือหว่านไม่ติดแม้แต่สิบอันดับแรกเหรอ นี่มันแปลกๆ หรือเปล่า”
“แปลกตรงไหน สอบได้ไม่ดีก็คือไม่ดี”
พอได้ยินแบบนี้จงจือหว่านถึงตระหนักได้ว่ามันดูพิกล จึงเริ่มหาชื่อตัวเองในกระดาษสีแดง
แต่เธอดูอยู่หลายรอบก็หาไม่เจอ
ไม่มี!
จากอันดับสองถึงร้อยไม่มีเลย!
มันเรื่องอะไรกัน
หัวใจของจงจือหว่านหดเกร็ง ราวกับมีแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกัดกิน เธอแทบหายใจไม่ออก
ทันใดนั้นก็มีเสียงประกาศจากทางโรงเรียน
บริเวณหน้าอาคารเรียน ภายในห้องเรียน ในสนามกีฬา ต่างได้ยินหมด
“นักเรียนชั้นมอห้าโปรดฟัง นักเรียนชั้นมอห้าโปรดฟัง…”
“เนื่องจากการสอบครั้งนี้มีนักเรียนทำข้อสอบคลาสอัจฉริยะได้คะแนนสูงอย่างที่ทางโรงเรียนก็คาดไม่ถึง ทำให้สุดท้ายแล้วไม่มีการคูณคะแนนเพื่อจัดอันดับ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอสอบได้ไม่ดี สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ นักเรียนคลาสอัจฉริยะโปรดเห็นใจ”
“หากต่อไปเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ทางโรงเรียนจะพิจารณาให้ดี เพื่อหาแผนรับมือที่ดีกว่านี้”
อยากจะบ้ากันทั้งโรงเรียน
“โอ้โห แสดงว่าอิ๋งจื่อจินสอบได้หกร้อยเก้าสิบคะแนน เป็นคะแนนที่ยังไม่ได้คูณงั้นสิ”
“ไม่ได้คูณคะแนนก็ยังได้ที่หนึ่ง อื้อหือ ใช่คนปะเนี่ย”
“ประเด็นคือ เธอได้เต็มทุกวิชายกเว้นภาษาจีน”
“ไม่ นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นคือเมื่อเช้าฉันไปที่ฝ่ายวิชาการมา ได้ยินพวกอาจารย์ฝ่ายวิชาการบอกว่าอิ๋งจื่อจินไม่ได้เขียนเรียงความ ถึงได้แค่เก้าสิบคะแนน”
“…”
อยากจะบ้ากันทั้งโรงเรียนอีกครั้ง
คนที่ได้อันดับสองเป็นนักเรียนหญิงของคลาสทดลองวิทยาศาสตร์
สองมือประกบเข้าหากัน ทำท่าไหว้กระดาษสีแดง พูดอย่างจริงจัง “ขอบคุณท่านเทพอิ๋งที่เมตตา ไม่เขียนเรียงความ ทำให้ห่างกับฉันแค่คะแนนเดียว”
จงจือหว่านย่อมได้ยินเสียงประกาศ เธอมือสั่นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเริ่มล็อกอินเข้าระบบของโรงเรียนเพื่อดูผลคะแนนของตัวเอง
ชื่อนามสกุล : จงจือหว่าน
ภาษาจีน : 109
คณิตศาสตร์ : 121
ภาษาอังกฤษ : 128
วิทยาศาสตร์ :250
คะแนนรวม : 608
อันดับในสายชั้น : 1001
พอเห็นเลข ‘1001’ จงจือหว่านก็หน้ามืด เกือบเป็นลม
นับรวมคลาสเด็กอัจฉริยะกับคลาสนานาชาติ มอห้ามีทั้งหมดยี่สิบเอ็ดห้อง แต่ละห้องมีหกสิบคน
แต่คลาสนานาชาติไม่เข้าร่วมการสอบ ดังนั้นมีคนที่เข้าร่วมการสอบทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยคน
พันหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับนับถอยหลัง
มือของจงจือหว่านสั่นยิ่งกว่าเดิม คอก็แห้งผาด
เด็กคลาสอัจฉริยะทั้งหมดก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน อยากสู่ขิตกันหมด
เพราะผลคะแนนของอิ๋งจื่อจิน อันดับของนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะทุกคนถึงได้เกินพันกันหมด
ถึงแม้ทางโรงเรียนจะอธิบายแล้ว แต่นี่ก็ไม่ต่างกับการตบหน้าพวกเขา
ทำข้อสอบชุดเดียวกัน แต่อิ๋งจื่อจินได้คะแนนเต็ม
ไม่ต้องคูณเพิ่มก็ได้ที่หนึ่งของสายชั้น
ลงโทษแบบเปิดเผย คนที่ถูกลงโทษกลับเป็นคลาสเด็กอัจฉริยะทั้งหมด
ลู่ฟั่งกัดฟันจนเกิดเสียง สีหน้าก็ซีดลง
นอกเหนือจากความเหลือเชื่อก็คือความกลัว
ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เขาหันตัวเตรียมวิ่งออกนอกโรงเรียน
แต่วิ่งไปได้ก้าวเดียวก็ถูกสองคนขวางไว้
เจียงหรานโยนกระป๋องน้ำในมือทิ้ง แสยะยิ้ม “จับตาดูหมอนี่ไว้ให้ดี เตรียมของที่เขาจะกินไว้ให้พร้อม พอพ่ออิ๋งกลับมา ให้เขาไลฟ์สดในแอปฉลามไลฟ์สด”
“พอถึงตอนนั้นฉันจะกดส่งจรวดร้อยอัน เรียกให้คนทั้งแอปมาดูว่านายชอบกินของแบบนั้นมากขนาดไหน”
…
เวลานี้ภายในโรงพยาบาลเอกชน
หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไป ถึงแม้ผู้เฒ่าฟู่จะยังไม่ฟื้น แต่สถานการณ์ก็ดีขึ้นมากแล้ว
ตอนนี้ถ้าเขาไม่สลบก็หลับไป ไม่แสดงความเจ็บปวดใดๆ
หัวใจของเขาจากที่เต้นอ่อนแรงก็ค่อยๆ กลับมาแรงมากขึ้น ทำให้พวกหมอต่างตกใจมาก
หากไม่ติดว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย พวกเขาก็อยากเข้าไปสอบถามแล้ว
เมื่อคืนนี้ไม่มีใครได้นอน แต่ผลัดกันทำงานขนาดไหนก็ยังสู้อิ๋งจื่อจินไม่ได้
หลายครั้งที่ฟู่อวิ๋นเซินอยากให้เธอหยุด แต่ก็ถูกปฏิเสธ
ไม่เพียงแต่เธอจะกำลังกำจัดพิษภายในร่างกายผู้เฒ่าฟู่ ขณะเดียวกันก็กำลังช่วยฟื้นฟูร่างกายผู้เฒ่าฟู่ด้วยเช่นกัน
พิษหยุดมายี่สิบปี ต่อให้ร่างกายแข็งแรงแค่ไหนก็เอาไม่อยู่
มิฉะนั้นต่อให้กำจัดพิษได้ ผู้เฒ่าฟู่ก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
อิ๋งจื่อจินหันหน้ามาก็เห็นท่อใสดำสนิท เธอค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ
นี่เป็นอุปกรณ์ที่เธอทำมาโดยเฉพาะเพื่อรักษาผู้เฒ่าฟู่
หากเป็นท่อทั่วไป ชั่วขณะที่เอาพิษออกมาก็จะแตกออกอย่างรวดเร็ว
พอถึงตอนนั้นก็จะซวยกันหมดทั้งห้อง
พิษระดับนี้เดิมทีไม่ควรปรากฏที่ฮู่เฉิง หรือแม้กระทั่งในประเทศจีน
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินดึงเข็มเล่มสุดท้ายออก เส้นประสาทที่ตึงเครียดมาตลอดก็ผ่อนคลายลง
เธอยันเตียงลุกขึ้น แต่แข้งขากลับอ่อนแรงยืนหยัดต่อไปไม่ไหวเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป
ร่างกายโงนเงนล้มลง
ฟู่อวิ๋นเซินอยู่ข้างๆ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เข้าไปโอบประคองตัวเธอไว้
พอสังเกตดูดีๆ ก็พบว่ามือสั่นเล็กน้อย
เขาชะงัก สุดท้ายก็อุ้มอิ๋งจื่อจินขึ้นมา
หยิบเสื้อมาหนึ่งตัวคลุมให้เธอ ส่วนมืออีกข้างก็ปกป้องศีรษะของเธอไว้
ฟู่อวิ๋นเซินหันไปสั่ง “เตรียมให้ด้วย”
ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจ “ครับ”
…
ทางด้านชิงจื้อ
ผ่านไปสองคาบเรียนแล้ว นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็ยังไม่มีอารมณ์ฟัง
ในเว็บบอร์ดโรงเรียน กระทู้เยาะเย้ยพวกนั้นถูกดันลงไปทั้งหมดแล้ว
หน้าแรกเต็มไปด้วยกระทู้ที่ว่า
[กราบคารวะท่านเทพอิ๋ง] [ตอนนี้ย้ายไปอยู่ห้องสิบเก้ายังทันไหม] [ดูท่าคลาสเด็กอัจฉริยะก็งั้นๆ]
พวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะเห็นแล้วก็ใบหน้าร้อนผ่าวเจ็บแสบ
ตอนนั้นพวกเขาก็โพสต์กระทู้เยาะเย้ย ทั้งยังมั่นใจว่าอิ๋งจื่อจินไม่ผ่านแน่นอน รอดูเธอขอโทษจงจือหว่าน
โดนตบหน้าเร็วมาก ที่หนึ่งของชั้นปีคำนี้เหมือนเป็นการตบหน้าพวกเขาอีกครั้ง
โชคดีที่ในเว็บบอร์ดโรงเรียนใช้นามแฝงทั้งนั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร พวกเขายังพอรักษาหน้าไว้ได้บ้างไม่มากก็น้อย
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด” ลู่ฟั่งถูกคนของเจียงหรานจับกลับมา สีหน้าบึ้งตึง “ยัยนั่นจะสอบได้เต็มได้ยังไง เมื่อเทอมก่อนยังเป็นที่โหล่อยู่เลย กินยาเข้าไปเลยขึ้นเป็นที่หนึ่งของชั้นปีงั้นเหรอ”
นักเรียนอีกคนส่ายหน้า “พวกอาจารย์ตรวจข้อสอบเข้มงวดเหมือนสอบเข้ามหาลัย ไม่มีทางผิดหรอก”
แม้พวกเขาจะไม่มีใครยอมรับผลลัพธ์แบบนี้ได้เลยก็ตาม
“อิ๋งจื่อจินจะต้องมีคำตอบอยู่แล้วแน่!” ลู่ฟั่งแสยะยิ้ม “ไม่อย่างนั้นแม้แต่ข้อสอบวัดการวิเคราะห์ภาษาจีนจะได้คะแนนเต็มได้ยังไง แถมวันนี้ก็ลาหยุด ไม่ใช่เพราะร้อนตัวเหรอ”
จงจือหว่านพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ใจกลับกำลังสั่น
หกร้อยเก้าสิบคะแนน
ต่อให้เธอเรียนอีกสิบปีก็ไม่มีทางทำคะแนนได้แบบนี้
อิ๋งจื่อจินสอบได้เชียวเหรอ
เธออยากจะหัวเราะจริงๆ
จงจือหว่านเม้มริมฝีปาก หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพิมพ์ข้อความยาว
จากนั้นเธอก็ส่งเป็นอีเมลให้อาจารย์ฝ่ายต่างๆ เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายภาษาจีน
[ขอร้องเรียนด้วยชื่อจริง อิ๋งจื่อจิน ม.5/19 ทุจริตการสอบกลางภาคครั้งนี้]