คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 140 ตะลึงกันทั้งงาน! หน้าบวมหมดแล้ว

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

“…”

ทั้งคลาสเด็กอัจฉริยะเงียบลงในชั่วขณะ

รอยยิ้มของจงจือหว่านค้างเติ่ง

เธอยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม หูได้ยินเสียงอื้อ สมองเต็มไปด้วยเลือด มีเสียงดัง ‘ตูม’ ระเบิดออกมา

โดยเฉพาะในคลาส ตรงระเบียงทางเดิน มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังมองอยู่

สายตาจำนวนมากเหล่านี้จับจ้องที่จงจือหว่าน ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกที่น่าสมเพช

“หืม?” ชายหนุ่มไม่ได้คำตอบจึงถามอีกครั้ง “ไม่ทราบว่านักเรียนอิ๋งจื่อจินคือคนไหนครับ ผมเป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตู มีธุระอยากคุยกับเธอครับ”

คำพูดนี้ทำให้นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะต่างอึ้งไปตามๆ กัน

ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูมาชิงจื้อด้วยตัวเองเพื่ออิ๋งจื่อจินงั้นเหรอ

ล้อเล่นอะไรน่ะ

“ศาสตราจารย์! ผิดแล้วครับผิดแล้ว!” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์วิ่งมา “ศาสตราจารย์จั่วรีบเดินมากเลยครับ ผมเลยไม่ทันได้บอก เด็กคนนี้ไม่ได้อยู่คลาสเด็กอัจฉริยะครับ”

แขนขาของเขาอายุเยอะแล้ว ยังต้องมาวัดกำลังกับคนหนุ่มอีก

“ไม่ใช่เด็กคลาสอัจฉริยะเหรอครับ” ศาสตราจารย์หนุ่มแปลกใจ “ข้อสอบไม่ใช่ข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะเหรอครับ”

“ศาสตราจารย์จั่ว เรื่องมันยาวน่ะครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์เช็ดเหงื่อ “เด็กคนนี้ไม่สบาย วันนี้ไม่ได้มาโรงเรียน พวกเราไปนั่งคุยกันที่ห้องผู้อำนวยการโรงเรียนก่อนดีกว่าครับ”

ศาสตราจารย์หนุ่มพยักหน้า เดินตามอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ไปแล้ว

จงจือหว่านที่อยู่ข้างๆ ถูกเขามองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง

ริมฝีปากของจงจือหว่านสั่นอย่างรุนแรง ใบหน้าซีดเผือด ในที่สุดก็แสดงความอ่อนแอออกมาบ้าง

ความรู้สึกที่โดนดูถูกอย่างรุนแรงทำให้น้ำตาของเธอร่วงเผาะ

“นางฟ้าจง อย่าเสียใจไปเลยนะ” มีนักเรียนชายทนเห็นเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้จึงพูดปลอบ “นี่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไร ใช่ว่าเธอจะไปมหาวิทยาลัยตี้ตูไม่ได้แล้วสักหน่อย”

อันที่จริงคลาสเด็กอัจฉริยะของชิงจื้อก็คือสถานที่บ่มเพาะนักเรียนให้มหาวิทยาลัยตี้ตู ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางออกข้อสอบให้โดยเฉพาะ

คำพูดนี้ไม่พูดยังพอไหว แต่พอพูดออกมาจงจือหว่านกลับเสียใจยิ่งกว่าเดิม

เธอกำสายกระเป๋าหนังสือแน่นแล้วก้มหน้าวิ่งออกไป

เย็นวันนี้เว็บบอร์ดโรงเรียนของชิงจื้อแทบระเบิดเลยทีเดียว

ทั่วทุกพื้นที่เต็มไปด้วยการพูดถึงการสอบกลางภาคครั้งนี้ที่ไร้ความยุติธรรมอย่างรุนแรง

[เอาจริงปะ อิ๋งจื่อจินสอบได้คะแนนเต็มโคตรปลอมเลย พี่ชายคนรองของฉันอยู่สาขาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยตี้ตู ปีที่แล้วถูกรับเข้าไปโดยเฉพาะ โจทย์เลือกทำพวกนั้นเขายังทำได้แค่ครึ่งเดียวเอง อย่างอิ๋งจื่อจินน่ะเหรอ จึ๊]

[รับไม่ได้จริงๆ พวกกลุ่มนักเรียนที่อวยกันเมื่อตอนกลางวัน รู้หรือเปล่าว่าคนที่พวกเธออวยทำอะไร ทุจริตไง ถ้าฉันมีเฉลยฉันก็สอบได้คะแนนสูงแบบนั้นเหมือนกัน]

[เมื่อก่อนคะแนนของอิ๋งจื่อจินทุเรศขนาดไหน ทุกคนก็เห็นกันอยู่ ถ้ามาบอกว่ายัยนั่นไม่ลอกให้เสียศักดิ์ศรีหรอก ฉันไม่มีทางเชื่อ]

[น่าสงสารคลาสอัจฉริยะ คนที่น่าสงสารสุดคือนางฟ้าจง ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่โกงที่หนึ่งของชั้นปีอย่างนางฟ้าจงก็ไม่มีทางกลายเป็นที่พันกว่าหรอก]

[สงสารนางฟ้าจง]

[สงสาร+1]

[สงสาร+10086]

ด้านล่างเป็นพวกดันกระทู้ทั้งนั้น

เว็บบอร์ดโรงเรียนเป็นระบบใช้นามแฝง ไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นใคร นี่ถึงทำให้นักเรียนจำนวนมากกล้าเอาใหญ่

โดยเฉพาะพวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะ อันดับของชั้นปีในครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้พวกเขาอยู่ไม่น้อย

[ฉันส่งอีเมลร้องเรียนไปที่อีเมลของผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว รอผลออกมาอิ๋งจื่อจินต้องถูกไล่ออกแน่]

[มีแบบฟอร์มจดหมายร้องเรียนไหม ฉันอยากส่งบ้าง สามัคคีคือพลัง]

[อยากได้กันเยอะเลยเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันโพสต์บนเว็บบอร์ดแล้วกันนะ]

จงจือหว่านย่อมเป็นหนึ่งในคนที่แสดงความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด แต่เธอสงสัยว่าทำไมคนของห้องสิบเก้าถึงไม่มีความเคลื่อนไหว

หากว่ากันตามปกติ พวกห้องสิบเก้าต้องออกมาปกป้องแล้ว

จงจือหว่านยังไม่ทันเห็นห้องสิบเก้าออกมา เช้าวันต่อมาก็เห็นประกาศบนเว็บไซต์ของโรงเรียนก่อนแล้ว

[สืบเนื่องจากเรื่องการสอบกลางภาค หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยได้ทำการปรึกษากับนักเรียนที่ตกเป็นจำเลย ได้ข้อสรุปว่าจะทำการตั้งโต๊ะถามตอบที่ห้องประชุมใหญ่ของชิงจื้อในวันที่แปดเดือนนี้เวลาบ่ายสองโมง ใครก็ตามที่มีข้อกังขาในเรื่องนี้สามารถมาเข้าร่วมการถามตอบในครั้งนี้ได้ ทางโรงเรียนได้รับจดหมายร้องเรียนทั้งหมดแล้ว เมื่อการถามตอบเสร็จสิ้น ทางโรงเรียนจะลงโทษตามกฎอย่างไม่รอช้า]

ไป๋เสาซือกับเฮ่อสวินที่อยู่ในห้องพักครู รวมถึงอาจารย์คนอื่นๆ ที่มั่นใจว่าอิ๋งจื่อจินทุจริตการสอบต่างได้รับประกาศนี้จากฝ่ายวิชาการ

ในประกาศบอกให้พวกเขาเตรียมคำถามที่อยากถามไว้ พอถึงเวลาก็ให้ถาม

เฮ่อสวินอ่านประกาศนี้ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออก ในที่สุดก็สบายใจขึ้นมาบ้าง

หากให้ถามอย่างเปิดเผย อิ๋งจื่อจินไม่มีทางตอบได้

และยิ่งไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากใครได้ท่ามกลางสายตาคนจำนวนมาก สามารถถูกเปิดโปงได้ทันที

ชิงจื้อมีบทลงโทษคนทุจริตในการสอบที่รุนแรงมาก ไล่ออกทันที มีคนหนุนหลังก็ไม่มีประโยชน์

แต่อิ๋งจื่อจินก็หาเรื่องใส่ตัวเอง โทษใครไม่ได้

เฮ่อสวินปิดหน้าประกาศแล้วเริ่มตั้งคำถาม

วันต่อมา

พวกนักเรียนต่างไม่มีสมาธิเรียนคาบเช้า รอคอยการถามตอบในห้องประชุมใหญ่ช่วงบ่าย

นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชิงจื้อที่ใช้รูปแบบนี้มาตรวจสอบพฤติกรรมการทุจริต

ไม่มีแม้แต่เฉลย อิ๋งจื่อจินยังจะทำอย่างไรได้

นักเรียนห้องสิบเก้าก็ทรมานเหมือนกัน กว่าจะผ่านตอนเที่ยงไปได้ ซื้อแฮมเบอร์เกอร์แล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องประชุมใหญ่เพื่อจองที่นั่งที่ดีที่สุด

“จะมีเรื่องอะไรไหม” เจียงหรานนั่งอยู่แถวแรก เขาขมวดคิ้ว “ฉันได้ยินมาว่าเฮ่ออะไรนั่นที่อยู่คลาสนานาชาติออกโจทย์ของสาขาวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยมาเป็นกอง”

“พอเถอะ เลิกพูดเรื่องมหา’ลัยได้แล้ว นายเอาโจทย์ของเด็กปอโทมาก็ไม่มีประโยชน์” ซิวอวี่ยักไหล่ “นายรู้หรือเปล่าว่าคราวก่อนพ่ออิ๋งอ่านหนังสืออะไร กลศาสตร์ควอนตัม ฉันกลับไปเสิร์ชดูแล้ว จนถึงทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังศึกษากันอยู่”

เจียงหราน “…”

ไม่ใช่มนุษย์แล้ว

“เดี๋ยวถึงเวลาคนที่ต้องขายหน้ากลับจะเป็นอาจารย์กับนักเรียนที่ร้องเรียนพวกนั้นด้วยซ้ำ” ซิวอวี่ตื่นเต้น “พวกเรารอดูเรื่องสนุกกัน”

ยังไม่ถึงสองโมงก็นั่งกันเต็มห้องประชุมแล้ว

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ตั้งใจเก็บที่นั่งแถวหน้าสุดให้ศาสตราจารย์หนุ่มจากมหาวิทยาลัยตี้ตู เพื่อให้สามารถรับชมได้อย่างสะดวก

“อาจารย์พวกนี้สมองเพี้ยนเหรอ” ศาสตราจารย์หนุ่มชี้ไปตรงแถวที่นั่งที่อยู่ตรงกลางห้องประชุม “คำตอบที่นักเรียนหญิงคนนี้ให้รวบรัดกว่าคำตอบมาตรฐานที่ผมให้เสียอีก แล้วจะลอกได้ไง”

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ทำสีหน้าลำบากใจ “ศาสตราจารย์จั่วครับ ผมเองก็ไม่ทราบ ผมก็บอกพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่เชื่อ”

ศาสตราจารย์หนุ่มส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง “ไม่ไหว”

“ทำไมอิ๋งจื่อจินยังไม่มาอีก” ไป๋เสาซือที่นั่งอยู่กำลังเติมหน้า แสยะยิ้ม “ไม่ใช่ว่าไม่กล้ามาแล้วนะ”

เธอเตรียมโจทย์ยากๆ ไว้หลายข้อให้โดยเฉพาะ บางโจทย์เธอยังตอบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“ไม่มาก็จะถูกไล่ออกทันที” สีหน้าของเฮ่อสวินเย็นชา “ผลลัพธ์เหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”

“นั่นสิคะ” ไป๋เสาซือแสยะยิ้ม “เด็กคนนั้นก็ช่างกล้าเสียจริง กล้ามาตอบคำถามต่อหน้าคนมากมาย”

นี่ไม่เท่ากับหาทางตายให้ตัวเองเหรอ

“จือหว่าน อิ๋งจื่อจินต้องแค่โม้แน่เลย ไม่กล้าแม้แต่จะมา” ลู่ฟั่งพูดเอาใจ “คอยดูนะ ถ้าสองโมงยัยนั่นไม่มาก็แสดงว่าปล่อยทุกคนรอเก้อ ที่หนึ่งของชั้นปีก็ยังคงเป็นเธอ”

จงจือหว่านขานตอบอย่างเหม่อลอย แต่ในใจคุมความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่แล้ว

ไม่ว่าอิ๋งจื่อจินจะมาหรือไม่มาผลลัพธ์ก็เหมือนกัน

อิ๋งจื่อจินมาถึงตอนสองโมงตรงตามเวลานัด

เธอกวาดตามองทั้งห้องประชุม จากนั้นก็นั่งตรงที่ที่จัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะ

ตรงข้ามเธอก็คืออาจารย์เจ็ดแปดคน เช่น เฮ่อสวิน ไป๋เสาซือ เป็นต้น

ดูเป็นงานใหญ่เลยทีเดียว

อิ๋งจื่อจินขี้เกียจมองเฮ่อสวิน มองไปยังต้นไม้สีเขียวที่อยู่ไกลๆ “ถามได้ค่ะ”

“โจทย์ฟิสิกส์ข้อสุดท้ายเธอใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่ลึกมาก” สายตาของเฮ่อสวินเย็นชา น้ำเสียงดูถูก “รู้หรือเปล่าว่าอะไรคือทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ แนวทางของการแก้โจทย์นี้คืออะไร”

ฟิสิกส์มอห้าแค่อธิบายทฤษฎีสัมพัทธภาพแบบคร่าวๆ ไม่ลงลึก นักเรียนส่วนใหญ่ต่างไม่เข้าใจว่านำไปใช้อย่างไร

“ทฤษฎีที่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงและปริภูมิ-เวลา” อิ๋งจื่อจินหันข้าง “ฉันไม่ได้ใช้แค่ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ยังใช้กลศาสตร์ควอนตัมอีกด้วย สิ่งที่คุณเห็นไม่ใช่แค่ทฤษฎีสัมพัทธภาพ”

พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของเฮ่อสวินก็ค้าง เกิดความรู้สึกเหมือนถูกตบกลับมาต่อหน้าคนจำนวนมาก

เขามองไม่ออกจริงๆ

น้ำเสียงของอิ๋งจื่อจินไม่รีบร้อน “แนวทางการแก้โจทย์นี้คือเอาตัวแปรหลายตัว…”

เจียงหรานรู้สึกเหมือนคนกำลังอ่านหนังสือให้ฟัง มึนหัวสมองบวม

อีกด้านหนึ่ง จงจือหว่านจากที่มีใบหน้ายิ้มแย้มก็เริ่มกลายเป็นหน้าเขียว เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว

เธอฟังไม่ออกเลยสักนิดว่าอิ๋งจื่อจินพูดถึงอะไร

เธอย่อมเคยเรียนทฤษฎีสัมพัทธภาพที่ลึกขึ้น แต่กลศาสตร์ควอนตัมคืออะไร

ไป๋เสาซือเห็นเฮ่อสวินถูกตอกหน้าหงายไปแล้วจึงมีสีหน้าเย็นชา ถามขึ้นทันที “โจทย์เลือกตอบของชีววิทยา เธอเขียนถึงระบบ cre-loxp เท่าที่ฉันทราบ ระบบนี้มีความเป็นพิษ อีกทั้งการทะลุผ่านแสงน้ำเงินม่วงก็ต่ำ โจทย์มีเงื่อนไขว่า ‘ประสิทธิภาพสูง’ ทำไมเธอถึงใช้”

“ก่อนหน้านี้ไม่นานมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศเราได้คิดค้นระบบ cre-loxp ที่มีความเป็นพิษต่ำ ความจำเพาะสูง และการเจาะเนื้อเยื่อที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ คราวหน้าช่วยทำการบ้านมาก่อนด้วยนะคะ”

ไป๋เสาซือถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก ใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด

อาจารย์ที่ถามคนต่อๆ มาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

โดยเฉพาะมีอาจารย์คนหนึ่งถามคำศัพท์บางคำที่อิ๋งจื่อจินเขียนมาในเรียงความ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษแท้ เหมือนต้องการจะอวดภูมิ

อิ๋งจื่อจินจิบน้ำหนึ่งอึกแล้วถึงพูดตอบว่า “คำศัพท์ภาษาอังกฤษจำนวนไม่น้อยที่ยืมมาจากภาษาละติน ไม่เคยเจอไม่เท่ากับไม่มี ช่วยกลับไปเสริมความรู้ด้วยนะคะ”

อาจารย์ภาษาอังกฤษคนนั้นหน้าแดงก่ำ “แต่นี่เป็นการสอบกลางภาค ทำไมถึงใช้ภาษาละติน ถ้าอาจารย์ที่ตรวจข้อสอบไม่เข้าใจจะทำยังไง”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันใช้รากศัพท์ที่เจอบ่อย คุณไม่เข้าใจ นั่นก็แสดงว่าความรู้ของคุณไม่มากพอ อาจารย์เติ้งเข้าใจก็พอแล้วค่ะ”

อาจารย์เติ้งนั่งอยู่ด้านล่าง พอได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า “พบเจอได้บ่อยจริงๆ ใช้ได้ คนพื้นที่ก็พูดกัน”

“…”

บรรดาผู้ชมต่างบ้าคลั่งกันไปแล้ว

“เจ๊อวี่!” ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ จับบ่าของเธอแน่น “อยู่ๆ ผมก็อยากแต่งกับพ่ออิ๋งแล้วอะ โคตรเท่เลย”

เจียงหรานถีบไปหนึ่งที แสยะยิ้ม “นายคิดจะข้ามหัวฉันเหรอ”

ลูกน้องเงียบ

แบบไหนที่เรียกว่า ‘ชุมนุมนักปราชญ์สงครามลิ้น’ วันนี้ทุกคนก็ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว

“ศาสตราจารย์จั่ว ใจเย็น ใจเย็นหน่อยครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์พยายามจับตัวศาสตราจารย์หนุ่มไว้ “เข้าไปตอนนี้ไม่ได้นะครับ นี่ไม่เท่ากับเป็นการรบกวนนักเรียนเหรอครับ”

ศาสตราจารย์หนุ่มฝืนใจรับปาก

อาจารย์ภาษาจีนที่ถูกบังคับมาเพื่อให้ครบจำนวนถามขึ้นด้วยความจนใจ “ทำไมเธอถึงไม่เขียนเรียงความ จากพาร์ทตีความ พาร์ทการอ่าน ก็สามารถมองออกได้ว่าเธอมีพื้นฐานทางภาษาที่แน่น การเขียนเรียงความก็ไม่น่ายากสำหรับเธอหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปเล็กน้อย “ให้เขียนเยอะ ขี้เกียจค่ะ”

อาจารย์ภาษาจีน “…”

พวกนักเรียนที่นั่งดูต่างช็อก

ไม่เขียนเรียงความยังได้ที่หนึ่ง ไม่สติเฟื่องแล้วจะเรียกอะไร

เฮ่อสวินเม้มริมฝีปากแน่น กลืนน้ำลายลงคอ เห็นได้ชัดว่าสะเทือนใจมาก ที่มากกว่าคือความเหลือเชื่อ

อิ๋งจื่อจินวางขวดน้ำลง ถามอย่างสุภาพ “ถามหมดแล้วเหรอคะ”

“…”

พร้อมใจกันเงียบ

ยังจะถามอะไรได้อีก

ถามไปก็กลับเป็นการทำตัวเองขายหน้า

โดยเฉพาะนักเรียนที่ร้องเรียนพวกนั้น แม้แต่คำตอบพวกเขาก็ไม่เข้าใจ

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนท่านั่งพิงที่สบายขึ้น แต่ไม่เสียมารยาท

ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยตี้ตูนั่งอยู่ด้านล่าง อาจารย์คนอื่นๆ ต่างนั่งเกร็งยกเว้นเฮ่อสวิน

ไม่มีใครผ่อนคลายเท่าเธอ

“งั้นก็ดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น “งั้นถึงตาฉันถามบ้าง”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท