คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 168 ส่งอิ๋งลู่เวยเข้าคุก

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

อิ๋งจื่อจินหันหลังให้รถบรรทุกคันนี้

เธอยืนอยู่ที่หัวถนน ตรงหน้ามีแค่เซิ่งชิงถังคนเดียว

คนอื่นๆ ยังอยู่ที่หน้าร้านฮั่นเก๋อ ห่างจากหัวถนนพอประมาณ

เสียงของรถบรรทุกค่อนข้างดัง พวกเขาย่อมได้ยิน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจุดประสงค์ของรถบรรทุกคันนี้คือต้องการฆ่าคน

เซิ่งชิงถังสีหน้าเปลี่ยน ทำไม่ได้แม้กระทั่งเปล่งเสียง มือขยับต้องการผลักเด็กสาวออกไปตามสัญชาตญาณ

แต่เขาเป็นคนชรา อิ๋งจื่อจินย่อมไม่มีทางให้เขามาบังแทน

เธอหันขวับ กำลังภายในรวมอยู่ที่มือซ้าย ผลักเซิ่งชิงถังกระเด็นไปไกลสิบเมตร

เซิ่งชิงถังรู้สึกเพียงว่ามีลมเบาๆ มาปะทะที่ตัวเขา เมื่อเขาได้สติอีกครั้งตัวเองก็อยู่อีกฝั่งของถนนแล้ว

เวลานี้รถบรรทุกกำลังจะขับเข้าไปถึง

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เซิ่งชิงถังตะโกน “คุณหมอเทวดา!”

“พ่ออิ๋ง!”

เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีคนอยู่บนถนนเยอะมาก อีกทั้งร้านฮั่นเก๋อก็ตั้งอยู่ในทำเลทอง ผู้คนโดยรอบต่างส่งเสียงกรีดร้อง

“จื่อจิน!”

ผู้เฒ่าจงเห็นแล้วหัวใจแทบแตกสลาย

เขาไม่มีเวลาสนใจอะไรมาก และก็ไม่สนว่าตัวเองอายุมากแล้ว เริ่มวิ่งเข้าไปหาหลานสาว

แต่ต่อให้เขาวิ่งเร็วแค่ไหนก็สู้รถบรรทุกขนาดใหญ่ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงไม่ได้

อิ๋งจื่อจินไม่หลบ ด้านหลังของเธอคือซิวอวี่ เจียงหราน รวมถึงพวกผู้เฒ่าจง

ถ้ารถบรรทุกคันนี้พุ่งเข้ามาชนจริง คนพวกนี้ไม่ตายก็เจ็บหนัก

เธอยกมือขึ้นต้องการขวางรถบรรทุกคันนี้ไว้

เปรี๊ยะ!

แขนเพิ่งสัมผัสกับหัวรถบรรทุกก็เกิดเสียงกระดูกร้าวที่ดังชัดเจน

แต่เด็กสาวสายตาแน่วแน่ไม่ขยับแม้แต่น้อย เธอหลุบตาลง ขมวดคิ้ว

แรงยังไม่พอ

ร่างกายนี้แค่เพิ่งฟื้นฟู ใช้วิทยายุทธ์โบราณได้ แต่ไม่มีทางถึงระดับความแข็งแกร่งที่เธอต้องการ

แต่ทว่าคล้ายกับต้องการชีวิตของเธอ รถบรรทุกคันนี้บรรทุกสิ่งของมาไม่น้อย เต็มพิกัดที่บรรทุกได้ซึ่งก็คือยี่สิบสี่ตัน

อิ๋งจื่อจินหายใจช้าๆ เตรียมใช้ร่างกายช่วยยัน

แต่วินาทีถัดมา ยังไม่ทันที่เธอจะได้ขยับ เอวของเธอก็ถูกกอดไว้ มีคนพาเธอกลิ้งออกไปด้านข้าง

ในเวลาเดียวกันรถบรรทุกก็หยุดลง

“กรี๊ดดด”

เสียงกรีดร้องดังแสบแก้วหู ถนนทั้งเส้นตกอยู่ในความหวาดกลัว

อย่าว่าแต่ผู้เฒ่าจง แม้แต่ซิวอวี่กับเจียงหรานก็ไม่ได้สติกลับมา

กลางถนน

มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินยันพื้น มืออีกข้างยังกอดเอวของเด็กสาวไว้

มีเลือดไหลออกมาจากมือของเขาที่ยันพื้น หยดแล้วหยดเล่า ขับให้ผิวที่เดิมขาวผ่องยิ่งดูขาวขึ้น

“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า อยากยกมือขึ้น แต่พอเห็นเลือดกำลังไหลเขาก็วางมือลง ชะงักเล็กน้อย “ไม่เป็นไรก็ดี”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า สายตาจับจ้องอยู่ที่ตัวเขา

เธอแค่ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา มีอาการกระดูกร้าวนิดหน่อย

แต่ฟู่อวิ๋นเซินกอดเธอกลิ้งออกมาแบบนี้ อีกทั้งยังทำให้รถบรรทุกหยุด มองผิวเผินเหมือนไม่มีบาดแผลอะไร แต่ภายในร่างกายจะต้องบาดเจ็บแน่นอน

ห่างจากครั้งก่อนที่เขาถูกยิงยังไม่ถึงหนึ่งเดือน

เรื่องในวันนี้อิ๋งจื่อจินคาดไม่ถึง

เนื่องจากคราวก่อนที่ช่วยซังเย่าจือเปลี่ยนชะตาชีวิตให้รอดพ้นความตาย เธอเองก็ต้องรับผลกระทบด้วยเหมือนกัน

ถึงแม้จะไม่เหมือนนักพยากรณ์คนอื่นที่ต้องเจอกับ ‘ห้าด้อยสามขาด’ หรือแม้กระทั่งถึงฆาต

แต่ญาณพยากรณ์ของเธอก็ถูกปิดผนึกไปครึ่งเดือน

ศาสตร์พยากรณ์เดิมทีก็เป็นการเข้าไปแทรกแซงในเรื่องของเวรกรรมที่ชะตาลิขิตไว้

หากแค่พยากรณ์ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่อะไร โดยทั่วไปก็ไม่มีอะไร

แต่ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลง ปัญหาก็จะเกิดทันที

อยากแก้เวรกรรมก็ต้องแลกด้วยบางสิ่งบางอย่าง

เคราะห์มาอยู่ที่ตัวเองหรือไม่ก็คนที่ใกล้ชิดที่สุด

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนนี้นักพยากรณ์ที่แท้จริงถึงน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

นักพยากรณ์ที่แท้จริงโดยทั่วไปร่างกายจะบกพร่อง

นี่ก็คือความหมายของคำว่า ‘ห้าด้อยสามขาด’

ห้าด้อย คือ ไร้คู่ เป็นม่าย กำพร้า โดดเดี่ยว พิการ

สามขาด คือ ขาดเงิน ขาดอำนาจ ชะตาขาด

นักพยากรณ์ ถ้าไม่มีหนึ่งในห้าด้อยก็ต้องมีหนึ่งในสามขาด

ไม่ว่าจะเป็นไพ่ทาโรต์ของยุโรป หรือคัมภีร์อี้จิงกับคัมภีร์โจวอี้ของประเทศจีน การพยากรณ์ก็ล้วนแต่เป็นการสืบเสาะกลไกสวรรค์

แต่กลไกสวรรค์มันสืบเสาะได้ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน

หากความสามารถของเธอฟื้นกลับมาสมบูรณ์ก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

“ฉันไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินใช้แขนซ้ายที่ปกติดีประคองเขายืนขึ้น สายตาเย็นชา “ไป พวกเราไปโรงพยาบาลก่อน”

ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

เมื่อได้ข่าวว่าคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในโรงพยาบาลก็เริ่มวุ่นจนหัวหมุนอีกครั้ง

ต่อให้ฟู่อวิ๋นเซินจะมีชื่อเสียงในทางไม่ดีในฮู่เฉิงขนาดไหน แต่เขาก็มีผู้เฒ่าฟู่หนุนหลัง แม้แต่ฟู่หมิงเฉิงยังไม่กล้ามีปัญหาด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น

“เยาเยา ซี้ด…” ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน “พี่ชายไม่เป็นไร แขนซ้ายของเธอหัก พวกเธอพาเยาเยาไปรักษาก่อน”

ประโยคสุดท้ายหันไปพูดใส่ซิวอวี่กับเจียงหราน

“ฉัน…”

“หมอรักษาตัวเองไม่ได้ ไปทำแผล”

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก “เดี๋ยวฉันมา รอฉันนะ”

ขณะพูดเธอก็หยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “กินด้วยนะ”

พยาบาลรีบพาทั้งสองคนเข้าห้องผู้ป่วย

ฟู่อวิ๋นเซินบาดเจ็บขนาดนี้ ไม่มีทางที่ผู้เฒ่าฟู่จะไม่รู้ข่าว

เขารีบมา ตอนที่มาถึงโรงพยาบาลก็เห็นหลานชายนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาซีดลงเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้น” ผู้เฒ่าฟู่นั่งลงด้านข้าง พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เจ้าเจ็ด ปู่ได้ยินจากทางโรงพยาบาลว่าพวกแกเกิดอุบัติเหตุเหรอ”

ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินเหลือบขึ้น ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ประมาณนั้น”

แน่นอนว่าไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นการเจตนา

“อะไรคือประมาณนั้น” ผู้เฒ่าฟู่โมโหอัดอั้นตันใจ “แกบาดเจ็บตรงไหน ฉันติดต่อหมอที่ตี้ตูไว้แล้ว จะให้พวกเขามา”

“ปู่ ผมไม่เป็นไรจริงๆ” ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงเนือย “หนังผมหนาตั้งนานแล้ว”

“พูดจาเหลวไหล” ผู้เฒ่าฟู่ปั้นหน้าบึ้ง “ถ้าแกหนังหนา ทำไมข้างนอกยังมีคนเรียกแกว่าคุณชายอ้อนแอ้นอยู่เลยล่ะ”

ฟู่อวิ๋นเซิน “…”

ปู่ของเขาถนัดเรื่องหาจุดอ่อนมาโจมตีเขาจริงๆ

คล้ายกับนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าของผู้เฒ่าฟู่เย็นชาลง “เรื่องนี้คงไม่ใช่ฝีมือพวกเขาใช่ไหม ปู่จะไปสืบดู”

“ปู่ ไม่เกี่ยวกับตระกูลฟู่” ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ปู่กลับไปพักผ่อนก่อน ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง”

ผู้เฒ่าฟู่มีเหรอจะวางใจ ผู้เฒ่าจงอยู่ด้วยพอดี เขาจึงไปหาเพื่อนเก่าเสียหน่อย

หลังจากผู้เฒ่าฟู่ออกไปแล้ว ห้านาทีต่อมาประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

เป็นเด็กหนุ่มที่ก่อนหน้านี้อยู่ข้างกายฟู่อวิ๋นเซินตลอด เขารู้สึกผิดมาก “ขอโทษครับคุณชาย ผมจับตาดูไม่ดีเอง”

เรื่องรถบรรทุกนี้ไม่ต้องสืบพวกเขาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของอิ๋งลู่เวย

พวกเขาก็จับตาดูอิ๋งลู่เวยมาตลอด แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าอิ๋งลู่เวยจะใจกล้าถึงขนาดนี้ ลงมือในทันที

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร เขามองนอกหน้าต่าง น้ำเสียงเรียบเฉย “นายกลับไปแล้วให้น้องชายนายมา”

เด็กหนุ่มตกใจ แต่ก็รู้ว่าตัวเองบกพร่องในหน้าที่ ต้องรับการลงโทษ เขาจึงยอมแต่โดยดี

“ครับคุณชาย”

ก่อนเดินออกไปเด็กหนุ่มยังพูดด้วยความเป็นห่วง “คุณชายครับ คุณจื่อจินเธอ…”

“ไม่เป็นไร” ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อเหมือนเป็นการยืนยัน “ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอเป็นอะไร”

“ก็พอดี ได้เวลาส่งอิ๋งลู่เวยเข้าคุกแล้ว”

เรื่องเมื่อสิบหกปีก่อนได้เข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะมีวิธี แต่ก็ไม่สู้ให้อิ๋งลู่เวยส่งตัวเองเข้าไป

เด็กหนุ่มพยักหน้าขานรับแล้วออกไป

“ว่าไงนะ” ตอนอิ๋งลู่เวยรับสายแทบไม่อยากเชื่อ “นังนั่นไม่ตายเหรอ พวกนายเป็นขยะเหรอ”

เธออุตส่าห์หามืออาชีพมาช่วยวางแผนอุบัติเหตุครั้งนี้

เธอเองก็รู้ว่าทางนั้นเตรียมจัดฉากอุบัติเหตุ อีกทั้งยังใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่

ในเขตเมืองหลบรถบรรทุกแบบนี้ไม่ได้แน่นอน เธอยังได้เตรียมการเก็บกวาดอยู่ไม่น้อย

เดิมทีอิ๋งลู่เวยแค่อยากได้สองมือของอิ๋งจื่อจิน แต่เธอคาดไม่ถึงเลยว่า เรื่องเมื่อสิบหกปีก่อนจะแดงขึ้นมา

ถึงแม้ตอนนั้นเธอยังเด็ก แต่เป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องไม่ดี เธอจึงจำได้อย่างชัดเจน

เธอขโมยเด็กทารกออกไปทิ้ง ทำไมถึงมีคนสงสัยเธอที่เป็นเด็กเหมือนกันได้

เธอถึงจำเป็นต้องทำให้อิ๋งจื่อจินตาย

แต่ตอนนี้…

อิ๋งลู่เวยกัดฟัน เธอลุกขึ้นเคาะประตูห้องนอน “แม่คะ ยังหลับอยู่ไหม”

“เพิ่งตื่น” น้ำเสียงคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอ่อนแรง “ลู่เวย เข้ามาสิ”

อิ๋งลู่เวยเปิดประตูเข้าไป

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งร่างกายไม่แข็งแรง นอนเยอะ ยังพักอยู่ใจกลางเมือง

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเล่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้เธอฟัง

พอเห็นลูกสาวคนเล็กของตัวเอง แววตาของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็อ่อนโยน “ลู่เวย แม่จำได้ว่าเมื่อวานลูกจัดคอนเสิร์ต เป็นไงบ้าง”

“ก็ดีค่ะ” อิ๋งลู่เวยเม้มริมฝีปาก ยิ้มพลางพูด “มั่วหย่วนยังบอกว่าหนูเล่นดีกว่าเมื่อก่อนอีกนะคะ”

“งั้นก็ดี งั้นก็ดี” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งยิ้มไม่หยุด “งานแต่งของลูกกับมั่วหย่วนก็ควรพูดเรื่องกำหนดการได้แล้ว”

อิ๋งลู่เวยก้มหน้า สีหน้าเย็นชา เธอพูดเสียงเบา “แม่คะ แต่เช้าวันนี้หนูมีเลือดออกอีกแล้ว”

“อะไรนะ” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งตกใจ “งั้นทำไมยังไม่รีบไปโรงพยาบาลอีก”

ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “ลูกเลี้ยงคนนั้นล่ะ ยังไม่รีบให้มาบริจาคเลือดให้ลูกอีก”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท