The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 653-654

ตอนที่ 653-654

DND.653 – จบงานวิวาห์
ใบหน้าอันคุ้นเคยของหลิงเสี่ยวเทียนปรากฏออกมาเพียงแต่ใบหน้านี้ดูแก่ชราขึ้นไปอีก ร่างของเขาผอมบาง ใบหน้าตอบลงมาก เขาต่างจากเจ้าตำหนักผู้ทรงพลังคนเดิมยิ่งนัก
ซือหยูรู้สึกถึงความอบอุ่นน้ำตาเกือบจะไหลออกมา เขามองใบหน้านี้และรู้ว่าหลิงเสี่ยวเทียนต้องเป็นแบบนี้เพราะเขา!
หลิงเสี่ยวเทียนได้สละชีวิตตัวเองและส่งมอบสายเลือดปีศาจให้กับซือหยูเพื่อให้ซือหยูมีชีวิตอยู่ต่อเขาได้มอบโอกาสให้ซือหยูได้มีชีวิตอีกครั้ง ส่วนตัวเขากลายเป็นคนแก่เฒ่าที่อ่อนแอ
ซือหยูหยิบเอาแก้วพลังทั้งหมดในแหวนมิติออกมาใส่ลงในโลงศพมังกรหมอกโลงศพดูดซับพลังชีวิตเข้าไปและปล่อยพลังที่ไหลเข้าสู่ร่างของหลิงเสี่ยวเทียนโดยตรง
ร่างกายที่ซูบหอมของเขาเริ่มฟื้นฟูด้วยความเร็วที่รับรู้ได้และดูมีกำลังขึ้นมาใบหน้าที่แก่ชราของเขายังคืนความหนุ่มกลับมาดังเดิม แต่เส้นผมขาวมิได้กลับมาเหมือนเดิมเลย
เปลือกตาเสาสั่นเล็กน้อยดวงตาที่ดูสับสนเบิกโพลงขึ้นจ้องมองซือหยูที่เรียกเขาเบาๆ
“ท่านเจ้าตำหนักหลิง…”
หลิงเสี่ยวเทียนสับสนและมิอาจพูดได้ชัดเจนเพราะเขาหลับไปนานมาก! ต้องใช้เวลาอยู่บ้างก่อนที่เขาจะเริ่มพูดได้เบาๆ
“หยิน…หยินหยูเจ้ายังมีชีวิตอยู่…”
แม้ว่าเขาจะหลับใหลเขาก็รับรู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ซือหยูพยักหน้าและยิ้มเบาๆ
ซือหยูเริ่มบอกหลิงเสี่ยวเทียนกับสิ่งที่เขาต้องเจอในสามปีที่ผ่านมาทั้งหมดรวมถึงตอนที่เขากลายเป็นราชาปีศาจหิมะทมิฬผู้คลั่งแค้นและการได้มาเป็นเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์คนปัจจุบัน
เมื่อหลิงเสี่ยวเทียนฟังจนจบเขาก็ถูกฟื้นฟูตัวจนเต็มที่แล้วเขาหายใจเข้าลึก ความรู้สึกต่างๆพรั่งพรูออกมาเมื่อมองซือหยู
“ครั้งนั้นข้าเพียงแค่ทำตามคำสัญญาที่จะปกป้องเจ้าตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจ ไม่คิดเลยว่าวันนี้เจ้าจะได้เป็นเจ้าพันธมิตร! ชะตาของเจ้าช่างตระการตานัก!”
หลิงเสี่ยวเทียนพูดขณะที่ถอนหายใจ
เขายอมรับและนับถือในสิ่งที่ซือหยูได้ทำแต่เขาก็ไม่สบายใจกับเรื่องที่เขาออกจากอาณาจักรทมิฬและมาสู่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ นั่นเป็นเพราะในใจของเขายังกังวลอยู่กับอาณาจักรทมิฬแม้ว่าเขาเกือบตายเพราะอาณาจักรทมิฬก็ตาม!
“ท่านเจ้าตำหนักข้าต้องไปอาณาจักรทมิฬเดี๋ยวนี้ ข้าจัดการศัตรูของพวกเราหมดแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
ซือหยูพูดราวกับรู้ว่าหลิงเสี่ยวเทียนคิดอะไรและก็เป็นอย่างที่เขาพูด หลิงเสี่ยวเทียนโล่งใจเมื่อได้ฟังคำชี้แจงของซือหยู
หลิงเสี่ยวเทียนพูดขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะข้าขอฝากทวีปนี้ไว้กับเจ้า”
ซือหยูพยักหน้า
“ผู้เฒ่าจิวเจ้าตำหนักหลิง โปรดดูแลผู้เฒ่าฉิวกับจ้าวยี่หยูตอนที่ข้าไม่อยู่ ข้าจะกลับมาในสามวัน”
ผู้เฒ่าจิวพยักหน้า
“เจ้าไม่ต้องห่วงจ้าวยี่หยูเพียงยังไม่ได้สติ ชีวิตของนางมิได้เป็นอันตราย ส่วนผู้เฒ่าฉิวเองก็ต้องการโอสถพิเศษที่ข้าไม่มี แต่อาณาจักรทมิฬน่าจะยังมีอยู่ ตอนที่ไปที่นั่น จงบอกพวกเขา นางจะไม่เป็นไรนางเราได้โอสถมา”
หลังจากที่ได้ใช้โอสถที่นี่มาสิบวันพวกเขาหยุดผู้เฒ่าฉิวไม่ให้อาการทรุดลงไปได้ แต่ชีวิตของนางยังตกอยู่ในอันตราย
“นี่เป็นโอสถที่เจ้าต้องเอาไปอย่าลืมเอามันกลับมาด้วย!”
ผู้เฒ่าจิวโยนสร้อยหยกให้ซือหยู
ซือหยูมองดูมันอย่างละเอียด
“โอสถหางวิหคเพลิงม่วงโอสถจันทร์ลับอดุล…เอาล่ะ ข้าจำได้แล้ว”
ซือหยูอ่านเบาๆ
“พวกท่านทั้งสองข้าจะไปแล้ว”
เขาลอยขึ้นและบินจากไป
“พลังวิญญาณอะไรกัน”
ผู้เฒ่าจิวรู้สึกทึ่ง
หลิงเสี่ยวเทียนที่อยู่ข้างๆเอามือไพล่หลังและมองซือหยูที่บินออกไปเขายิ้มอย่างอ่อนโยนที่มุมปาก
“ผู้เฒ่าจิวเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังต้องซ่อนสถานะตัวเองอยู่อีกรึ?”
คำพูดของเขาดูแปลกตามระดับพลังและความอาวุโส หลิงเสี่ยวเทียนเป็นแค่คนธรรมดาเมื่อเทียบกับผู้เฒ่าจิว แต่เขายังกล้าพูดกับผู้เฒ่าจิวเช่นนั้น!
ผู้เฒ่าจิวหรี่ตาตอบ
“หืมเจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าเป็นแค่เจ้าตำหนักตำแหน่งเล็กจ้อยของอาณาจักรทมิฬจริงๆรึ?”
หลิงเสี่ยวเทียนหันไปมองผู้เฒ่าจิวด้วยความใจเย็นเขาไม่หวาดกลัวผู้เฒ่าจิวแม้แต่น้อย เขายังปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมาอีก
เขาตอบกลับ
“ผู้เฒ่าจิวคงจะดีกว่าถ้าท่านไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ท่านจะตายเอาได้”
คำพูดของเขาค่อนข้างจริงจังและทรงพลังความมั่นใจนั้นมากพอจะทำให้คนใจสั่น หลิงเสี่ยวเทียนในตอนนี้ต่างกับในอดีตมาก และเขายังมีเรื่องลึกลับเพิ่มขึ้นมาอีก เขาดูไม่เหมือนหลิงเสี่ยวเทียนคนก่อนเลย
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ผู้เฒ่าจิวชักสีหน้าราวกับได้เจอกับศัตรูผู้ยิ่งใหญ่
หลิงเสี่ยวเทียนมองเขาด้วยสายตาคมกริบ
“ข้าบอกแล้วว่าท่านไม่จำเป็นต้องรู้ท่านรู้ว่าข้ามิได้มุ่งร้ายต่อท่านก็พอ”
ผู้เฒ่าจิวละสายตาไปผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเขาจะใจเย็นลง
“อืมข้าก็มิได้มีเหตุผลร้ายในการซุกซ่อนฐานะของข้า ข้าทำเพื่อป้องกันตัวเอง”
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้นซือหยูเป็นคนสำคัญต่อข้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับซือหยู ใครในโลกนี้ก็ช่วยชีวิตท่านจากความโกรธของข้าไม่ได้”
หลิงเสี่ยวเทียนทิ้งคำพูดเอาไว้และบินขึ้นทันที
แต่ก่อนที่เขาจะไปเขาเหลือบมองผู้เฒ่าจิวอีกครั้งและมองผู้เฒ่าฉิว
“บาดแผลผู้เฒ่าฉิวร้ายแรงถ้าข้าไม่พลาด นี่จะต้องเป็นบาดแผลจากอสูรเนรมิตร ท่านจงทำให้ดีที่สุด ข้าไม่อยากให้ซือหยูตายแบบนี้!”
อสูรเนรมิตรรึ?ผู้เฒ่าจิวหันไปมองผู้เฒ่าฉิวด้วยความตกใจ เขาไม่รู้เลยว่านางโดนทำร้ายด้วยคนที่น่ากลัวเช่นนั้น!
“แล้วเจ้าจะไปที่ไหน?”
เมื่อหันไปอีกครั้งผู้เฒ่าจิวก็เห็นว่าหลิงเสี่ยวเทียนไปไกลแล้ว
หลิงเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างลึกลับ
“บอกซือหยูว่าเราจะได้เจอกันในอีกไม่นาน”
ผู้เฒ่าจิวยืนคิดและพูดกับตัวเองเบาๆ
“ว่ากันว่าเขตหยินหยูคือสถานที่ที่อาณาจักรทมิฬถือกำเนิดขึ้นมายังร่ำลือว่ามันถูกปกป้องจากยอดฝีมือลึกลับมาหลายชั่วอายุคน หรือว่าหลิงเสี่ยวเทียนจะเป็นคนผู้นั้น?”
…..
ซือหยูไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้เขาอยู่ในสวน
เซี่ยนเอ๋อนั่งอยู่ใต้เงาไม้ในสวนเดียวกันนางถือขนวิหคสีแดงเพลิง นางกำลังมองดูมัน ดูเหมือนจะมีอักษรประหลาดเขียนไว้ด้วย
ในตอนนั้นก็มีเงาของชายคนหนึ่งบดบังขนนกเซี่ยนเอ๋อเงยหน้าและพบกับใบหน้าอันคุ้นเคย
“พี่ซือหยู”
เซี่ยนเอ๋อยิ้มอย่างน่าหลงใหลลักยิ้มสองข้างปรากฏที่แก้ม
“เจ้าดูอะไรอยู่รึ?”
ซือหยูย่อตัวลงสวมกอดนาง
เซี่ยนเอ๋อหน้าแดงนางปล่อยตัวให้อยู่ในอ้อมกอดของเขา นางพิงศีรษะกับไหล่ของเขา ลมหายใจหอมหวานโชยออกมา…
“มันคือขนนกที่ราชาภูติทิ้งไว้ให้ข้ามันเหมือนกับมีบางอย่างที่ใช้รักษาได้เขียนเอาไว้ แต่ข้าไม่เข้าใจ พี่ซือหยูช่วยข้าอ่านมันได้หรือไม่?”
นางถาม
การรักษารึ?ซือหยูเหลือบมองด้วยความแปลกใจ…นี่เป็นวิชารักษาที่หาได้ยากอย่างที่สุด และมันใช้รักษาจุดกำเนิดพลังที่ถูกทำลายได้!
เป็นที่รู้กันว่าถ้าหากจุดกำเนิดพลังถูกทำลายฐานพลังก็จะแตกสลายไป แม้ว่าซือหยูจะค่อนข้างมีความรู้จากตำราที่ได้อ่าน เขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องการรักษาจุดกำเนิดพลังที่ถูกทำลายมาก่อนเลย! เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเคยเกิดขึ้นบนโลกนี้!
และวิชารักษานี้ยังแปลกมากมันเป็นวิชาที่ต้องใช้พลังหยินจำนวนมากพร้อมกับวารีที่ราชาภูติทิ้งเอาไว้เพื่อสร้างจุดกำเนิดพลังอีกครั้ง จากนั้นจุดกำเนิดพลังใหม่ก็จะแตกต่างกับของคนธรรมดา…เพราะมันใหญ่กว่ามาก!
“ไม่คิดเลยว่าจะมีวิชาแบบนี้อยู่บนโลก!”
ซือหยูเดาะลิ้นสงสัย
“อ๊ะ!พี่ซือหยู พี่เข้าใจมันเร็วขนาดนี้เลยรึ?”
เซี่ยนเอ๋อเบ้ปากใบหน้านางดูหม่นหมอง
ซือหยูยิ้มและลูบหัวนาง
“หึหึพอเจ้าโตขึ้น เจ้าก็ต้องรู้เรื่องแบบนี้เหมือนข้าแน่นอน”
แม้ว่านางจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าเพราะวิชานี้เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะของคนสองคนที่เป็นบุรุษและสตรี คงจะแปลกถ้านางเข้าใจมันได้
“ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
เซี่ยนเอ๋อทำแก้มป่องดวงตาสดใสมองซือหยูด้วยความโมโห นั่นทำให้นางดูน่ารักยิ่งกว่าเดิม
ซือหยูมองใบหน้าของนางที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับอกเล็กๆกลิ่นหอมหวานของนางทำให้ซือหยูรู้สึกรุ่มร้อน ถูกแล้ว เซี่ยนเอ๋อไม่ใช่เด็กอีกแล้ว
“เซี่ยนเอ๋อถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไร โปรดดูแลผู้เฒ่าฉิวกับจ้าวยี่หยู ข้าจะต้องออกเดินทาง ไม่นานก็กลับแล้ว”
ซือหยูพูด
เซี่ยนเอ๋อพยักหน้าเพราะเข้าใจสถานการณ์ของซือหยูดี
“ได้เลยพี่ซือหยูไปจัดการธุระเถอะ ข้าอยู่ที่นี่ได้ไม่เป็นอะไร อ๊ะ! ข้าเกือบลืมแน่ะ พี่จิงหยูอยากให้ข้านำสิ่งนี้ให้พี่ซือหยู…0”
เซี่ยนเอ๋อหยิบเอาตำราออกมาจากกระเป๋ามันคือตำราสวรรค์จรัสนภา
เซี่ยจิงหยูขอให้เซี่ยนเอ๋อมอบมันให้กับซือหยูตอนที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรและเพราะเรื่องราวต่างๆมากมายจึงทำให้นางไม่มีโอกาสมอบมันให้ซือหยูจนถึงตอนนี้
“นี่มันอะไร?”
ซือหยูรับมันมาด้วยความสับสนดูเหมือนว่ามันจะเป็นตำราที่เซี่ยนเอ๋อเก็บไว้กับตัวมานาน
ซือหยูเปิดมันด้วยความสงสัยเขาพบว่ามันคือตำราสวรรค์ที่เป็นสมบัติเทพ มันมีเจตจำนงของเจ้าของเดิมอยู่ด้วย ซือหยูสามารถใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของตัวเองลบเจตจำนงที่เซี่ยจิงอยู่ทิ้งเอาไว้ได้งว่ายๆ แต่เขากังวลว่าพลังนั้นจะทำให้เซี่ยนเอ๋อเป็นอันตราย
“พี่จิงหยูมอบมันให้ข้าตอนที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรใตอนนั้นนางเลือกจะสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตข้า ข้าไม่รู้ว่าพี่ยี่หยูคือพี่จิงหยูในตอนนั้น แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่นางช่วยข้า”
นางคิดถึงตอนนั้นและประทับใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นแม้เรื่องจะผ่านมานานแล้ว
ซือหยูตกใจเขาเข้าใจแล้วว่าเจตจำนงของเจ้าของตำราจะหายไปถ้าหากผู้ถือครองตาย ตอนนั้นเซี่ยจิงหยูเตรียมตัวตายอยู่นาง นางจึงอยากจะให้ตำรานี้กับเขา สิ่งที่อยู่ในตำราเล่มนี้จะต้องสำคัญอย่างมาก!
“ข้าจะเก็บมันไว้แล้วถามเซี่ยจิงหยูตอนที่นางได้สติคืนมาแล้ว”
ซือหยูหยักหน้าและจูบหน้าผากเซี่ยนเอ๋อเบาๆ
“เซี่ยนเอ๋อรอข้าก่อนนะ ข้าจะรีบกลับมา”
เซี่ยนเอ๋อหน้าแดงนางโบกมือลาซือหยูอย่างเขินอาย นางมองซือหยูที่บินจากไป นางอุ่นใจมากเมื่อซือหยูหันกลับมามองนางเป็นครั้งสุดท้าย
ตลอดมานางเป็นฝ่ายตามหลังเขามาโดยตลอด นางทิ้งตำแหน่งสำคัญในหัวใจไว้เพื่อเขา และนางที่อ่อนแอและอ่อนโยนก็ต้องการเขาให้ปกป้อง
หลังจากที่ผ่านสี่ปีอันยากลำบากสุดท้ายพวกเขาก็ได้กลับมาสวมกอดกันอีกครั้งดังเดิมอย่างที่อยู่บนเกาะเฉินยี่ นางมีความสุขมากเมื่อรู้ตัวว่าอดีตกำลังจะกลับมา
“เซี่ยนเอ๋อรอข้าก่อน พอข้าจัดการเรื่องทวีปเสร็จแล้ว เราจะได้แต่งงานกันเสียที”
ซือหยูยิ้มและบอกนางด้วยความมั่นใจ
ถึงเวลาแล้วที่เขากับเซี่ยนเอ๋อจะได้ทำงานแต่งงานที่ถูกขัดขวางให้สำเร็จลุล่วง

DND.654 – ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์
“พี่พูดอะไรนะ?”
เซี่ยนเอ๋อถาม
เซี่ยนเอ๋อตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ตัวนางก็หน้าแดงราวกับถูกไฟเผา นางวิ่งหนีก้มหน้า ดวงตากลมโตมีน้ำตาที่เกิดจากความเขินอาย
ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองนางวิ่งหนีไปสุดท้ายเขาก็ต้องเลือกระหว่างเซี่ยนเอ๋อกับเซี่ยจิงหยู เขามิอาจทำให้เซี่ยนเอ๋อเสียใจได้
ซือหยูราวกับได้ยกภูเขาออกจากอกเขาออกบินไปไกล
ณทวีปเหนือ ที่คณะวิหคเพลิง
คณะวิหคเพลิงที่เคยยิ่งใหญ่ในตอนนี้ถูกทิ้งร้างสิ่งปลูกสร้างมากมายเสียหาย กำแพงมีแต่รอยแตกร้าว
“รอบๆนี่มันรกชะมัดดูพวกคนตรงหน้าจะดีกว่านะ”
ชายหนุ่มรูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลาพูดกับตัวเองที่ยืนข้างบึง
ข้างหลังเขามีกึ่งภูติมากมายที่ยืนถือกระบี่ยาวในมือแต่ละคนดูโหดร้ายป่าเถื่อน
แต่ไม่มีใครเลยที่ขยับตัวพวกเขายืนนิ่งราวกับก้อนอิฐ
“ข้าพิชิตคณะวิหคเพลิงเพลิงที่รวบรวมยอดฝีมือหญิงสาวงดงามได้แล้วจากที่ข้าดู หญิงสาวพวกนี้งดงามอย่างที่ข่าวลือว่าไว้จริงๆ”
ชายหยุ่มรูปงามผู้นี้คือผู้ศักดิ์สิทธิ์
เขาพูดต่อ
“ถ้าห้าศักดิ์สิทธิ์มาถึงข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขา”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“เจ้าเลือกผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดมาจากพวกตัวประกันรึยัง?”
ทหารข้างหลังเขาโค้งด้วยความนับถือ
“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว”
เขาปรบมือเรียกสาวสวยทั้งสิบคนออกมาข้างหน้าแค่มองครั้งเดียวก็เห็นได้ว่าแต่ละคนนั้นยั่วยวน บริสุทธิ์ อ่อนโยน บ้างดูหยิ่งยโส แต่ละคนนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์อันน่าทึ่ง
หกศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองแต่ละคนแต่เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ
“พวกนางงดงามก็จริงแต่ฐานพลังอ่อนด้อยนัก ธาตุหยินของสตรีจะเพิ่มตามฐานพลัง ไม่มีสาวงามที่พลังเยอะกว่านี้แล้วรึ?”
“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์ในด้านความงาม เจ้าคณะวิหคเพลิงกับเฟิงเซี่ยนฉีศิษย์เก่าของนางคือหญิงสาวที่งดงามที่สุด พวกนางจะต้องทำให้ท่านห้าศักดิ์สิทธิ์พอใจแน่นอน แต่นางก็เสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว ข้าเกรงว่าท่านห้าศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่ยอมรับนาง”
ทหารตอบอย่างเป็นกังวล
“เจ้าคณะวิหคเพลิงกับเฟิงเซี่ยนฉีเป็นหญิงงามที่หาได้ยากข้าเคยเห็นพวกนางมาก่อน”
หกศักดิ์สิทธิ์นั้นทำหน้าที่โจมตีคณะวิหคเพลิงเขาต้องเคยเห็นสองคนนี้อยู่แล้ว เขาได้เห็นความงามอันน่าประทับใจจากทั้งสอง
“สตรีเช่นนั้นเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วรึ…เสียของนัก!”
หกศักดิ์สิทธิ์สบถออกมา
ทหารแอบรู้สึกสับสนเพราะนางทั้งสองนั้นงดงามยิ่งนัก แต่ทั้งสองก็ถูกพรากความบริสุทธิ์ไปแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่านางทั้งสองถูกชายคนเดียวกันพรากความบริสุทธิ์ไป
“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์เราจะทำอย่างไรกับนางสองคนดี? พวกนางหมดคุณค่าไปแล้ว จะส่งพวกนางให้กับพี่น้องของเราดีหรือไม่?”
เขาถาม
แม้ว่าหกศักดิ์สิทธิ์จะต้องการสาวบริสุทธิ์แต่คนอื่นก็มิได้คิดเช่นนั้น นอกจากนางทั้งสองยังมีหญิงสาวที่ประเมินค่ามิได้อีกในคณะวิหคเพลิง ที่นี่เป็นดั่งสวนสวรรค์ของบุรุษ
“หึหึข้าจะให้ทั้งสองกับเจ้าตอนที่ข้าเล่นกับพวกมันเสร็จแล้วส”
หกศักดิ์สิทธิ์ยิ้มอย่างชั่วร้าย
เขาพูดต่อ
“แต่นี่ยังไม่ใช่เวลา!ต้องรอให้ห้าศักดิ์สิทธิ์มาถึงเสียก่อน ถึงสองคนนั้นจะเสียความบริสุทธ์ไป พลังหยินก็ยังคงไม่หมดแน่ ยังไม่ถึงเวลาของพวกเรา พวกเจ้าจงสั่งการว่าห้ามไม่ให้ใครแตะต้องก่อนที่ห้าศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาถึงและเดินทางต่อไปที่อื่น มิเช่นนั้นข้าจะประหารพวกเจ้าให้หมดด้วยตัวเอง!”
เสียงของหกศักดิ์สิทธิ์ดูดุร้ายอย่างมาก
เหล่าทหารที่ร้อนรุ่มในใจหยุดความคิดร้ายของตนเองในทันทีเพราะหกศักดิ์สิทธิ์พูดถูก ห้าศักดิ์สิทธิ์ต้องมาก่อนเสมอ
“ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้วเซี่ยหวู่กับวู่เหิงเป็นอย่างไรบ้างนะ? ห้าศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงทวีปเหนือเป็นที่แรก จะต้องไม่มีอะไรพลาด…”
หกศักดิ์สิทธิ์พูดเบาๆ
ทหารข้างหลังเขาพูดขึ้นมา
“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์พักให้สบายได้เลยท่านเจ็ดศักดิ์สิทธิ์เซี่ยหวู่ กับท่านแปดศักดิ์วิทธิ์วู่เหิงมีกองทัพที่ดีที่สุดไปด้วย คงไม่มีปัญหาอะไรกับการจัดการพวกสำนักที่อ่อนแอ”
หกศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“ข้าไม่ได้กังวลวู่เหิงนักถึงกำลังจะอ่อนแอกว่าเซี่ยหวู่ เขาก็ใจเย็นกว่าและไม่รีบร้อนคิดอ่าน วู่เหิงคงไม่พลาด แต่เซี่ยหวู่มันเลือดร้อน มันอาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป…”
“รายงาน!”
จู่ๆก็มีรายงานมาจากนอกคณะวิหคเพลิง
คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาคือชายแก่หน้าซีดผมขาวเขาดูกระสับกระส่ายในแววตา
“ทำไมเจ้ารีบร้อนนักยี่ซง?”
หกศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วถาม
ยี่ซงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเหล่าทหารเขาโค้งให้กับหกศักดิ์สิทธิ์
“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์เกิดเรื่องใหญ่แล้ว กองทัพใหญ่ของเซี่ยหวู่ถูกกำจัดหมดเลย!”
เสียงของเขาสะท้อนถึงหูของทหารแต่ละคนไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ทุกคนคิดว่าหูฝาดด้วยซ้ำ
“เจ้า!พูดใหม่ซิ!”
ใบหน้าของหกศักดิ์สิทธิ์เยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
ยี่ซงกัดฟันพูดซ้ำ
“กองทัพของเซี่ยหวู่ถูกกำจัดหมดแล้ว…”
แกร๊ก
กระเบื้องมรกตที่เท้าของหกศักดิ์สิทธิ์แตกเป็นเสี่ยงใบหน้าที่ดูสงบนิ่งได้จากไปแล้ว มันแทนที่ด้วยความดุร้าย
“ฝีมืออาณาจักรทมิฬรึ?”
หกศักดิ์สิทธิ์ถามอย่างเย็นชา
เขาคิดไม่ออกเลยว่าทวีปเฉินหลงจะแข็งแกร่งเช่นนี้สิ่งที่เป็นไปได้ก็คืออาณาจักรทมิฬที่ไม่ได้แสดงตัวมาจนถึงตอนนี้
“ไม่ใช่ขอรับ”
ยี่ซงกระสับกระส่าย
“เป็นฝีมือของวคนอื่น”
“ใครกัน?มีคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่ในเฉินหลงด้วยเรอะ?”
หกศักดิ์สิทธิ์ถามด้วยความแปลกใจ
“มันคือพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!”
ยี่ซงปริปากออกมา
“ท่านเซี่ยหวู่ตายเพราะเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!”
“เป็นไปไม่ได้!”
หกศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากจะเชื่อเขาพูดด้วยความมั่นใจ
“มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าราชาโลกดับสูญเป็นคนลงมือแต่ไอ้ที่เรียกว่าเจ้าพันธมิตรมันก็แค่เศษขยะที่ยังไม่เป็นภูติด้วยซ้ำ มันจะฆ่าเซี่ยหวู่ได้ยังไง?”
ยี่ซงส่ายหน้าเงียบๆใบหน้านั้นดูตกใจ
“มิใช่ขอรับแต่เป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ มันชื่อซือหยู!”
“ซือหยูรึ?มันเป็นเทพที่ไหนกัน? มียอดฝีมือในเฉินหลงที่พวกเราไม่รู้จักอยู่อีกรึ?”
หกศักดิ์สิทธิ์ถามด้วยความสงสัย
ยี่ซงพูดเสียงสั่น
“เขามิใช่เทพเขาไม่ได้เป็นภูติด้วยซ้ำ เท่าที่ข้ารู้ สามปีก่อนเขาเป็นแค่คนที่ไม่มีใครรู้จักและต่ำต้อย!”
เขาพูดต่อ
“แต่เขาบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์จนทำให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์โกรธเกรี้ยวเขาควรจะถูกผู้ศักดิ์สิทธิ์ฆ่าตายไปแล้วถ้าไม่ได้ราชาแห่งความมืดเข้ามาขวาง ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามฆ่าเขาด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็หายไปจากเฉินหลง เขาปรากฏตัวในสามปีให้หลังและเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์”
เขาส่ายหน้า
“เขายังมีพลังเพิ่มขึ้นมามหาศาล!ตามข้อมูลของเรา ผู้ศักดิ์สิทธิ์วู่เหิงได้กลายเป็นข้ารับใช้ของเขา ท่านเซี่ยหวู่ก็ถูกจับเป็น! เขายังฆ่ากึ่งภูติยี่สิบสามคนด้วยฝ่ามือเดียว ไม่มีทางรู้เลยว่าพลังที่แท้จริงของเขาอยู่ในขั้นไหน!”
ยี่ซงคือภูติที่ซ่อนตัวอยู่ในทวีปเฉินหลงในฐานะของเก้าศักดิ์สิทธิ์เขายังเป็นหนึ่งในคนตระกูลยี่แห่งแปดตระกูลโบราณ ดังนั้นเขาจึงมีระดับต่ำที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
เก้าศักดิ์สิทธิ์คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยที่เขาเคยคิดจะฆ่าเมื่อคราวก่อนได้กลายมาเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์และมีพลังที่น่ากลัว
เพี๊ยะ
เก้าศักดิ์สิทธิ์ถูกตบอย่างแรงมีรอยฝ่ามือแดงปรากฏบนใบหน้า
“ไอ้บัดซบ!ทำไมเจ้ามาบอกข้าตอนนี้?”
หกศักดิ์สิทธิ์โกรธจัด
“ร้อยปีก่อนราชาของเราเสียสละไปมากให้เจ้าได้ซ่อนตัวอยู่ในเฉินหลง เจ้าต้องรายงานเรื่องคนที่แข็งแกร่งในทวีปกับพวกเรา ทำไมเจ้าถึงเก็บเรื่องซือหยูเอาไว้ไม่บอกใคร?”
เก้าศักดิ์สิทธิ์ตอบด้วยความขมขื่น
“เขาเป็นแค่คนธรรมดาในตอนนั้นแต่พอเขาหายตัวไป ข้าก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก”
“แค่คนธรรมดาเรอะ?ยี่ซง เจ้าแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว!”
“ฎีกาสวรรค์มิอาจคาดเดาใครก็ตามที่เลือกเส้นทางนี้จะมีพลังที่เหนือจินตนาการ โดยเฉพาะในขั้นฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ขึ้นไป มันแข็งแกร่งกว่าพวกคนในระดับเดียวกัน ถ้าเข้าใจฎีกาสวรรรค์ที่แข็งแกร่งแล้ว การฆ่าคนที่มีพลังเหนือกว่าก็ไม่ใช่เรื่องยาก คนในจิวโจวยังต้องกลัวคนพวกนี้”
เขาถาม
“เจ้าลืมบุรุษไร้ใจหนึ่งในองครักษ์ทั้งห้าของจักรพรรดิจิวโจวไปแล้วเรอะ?พลังตอนที่มันใช้ฎีกาสวรรค์แข็งแกร่งพอๆกับราชาเขตกลางของเรา แม้แต่ราชาของเรายังต้องหาทางรับมือมัน มันเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาองครักษ์ทั้งห้า”
เขาถามต่อ
“ถ้าไอ้เด็กนี่บ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ได้แล้วเจ้าคิดได้ยังไงว่ามันเป็นแค่คนธรรมดา? เจ้าอยู่ทวีปเฉินหลงนานเกินจนเลอะเลือนไปหมดแล้ว!”
ยี่ซงใจเต้นแรงเมื่อถูกตบหน้าเขารู้ว่าเขาได้ทำผิดพลาดไปแล้ว
ถ้าเขารายงานเรื่องนี้เสียก่อนบางทีเขตกลางก็อาจจะทำทุกอย่างเพื่อฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็คงจะต่างออกไป
“เป็นความผิดข้าเองท่านหกศักดิ์สิทธิ์โปรดเมตตาข้าด้วย”
เหงื่อเย็นๆซึมออกมาจากหน้าผากยี่ซง
หกศักดิ์สิทธิ์ตะโกนอย่างเย็นชา
“ถึงเวลาต้องรวบรวมคนทั้งหมดที่หาได้แล้วข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า ข้าจะจัดการเจ้าหลังจากที่จัดการเรื่องในเฉินหลงเรียบร้อย!”
เขาสั่ง
“คุ้มกันที่นี่ข้าจะไปหาพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ด้วยตัวเอง!”
เขากระโดดขึ้นฟ้าและหายตัวไปในพริบตา

ชายคนหนึ่งเดินทางด้วยความเร็วสูงภาพที่ได้เห็นเลื่อนไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ซือหยูเดินทา่งมาหลายพันลี้ เขาผ่านทวีปเฉินหลงมาไกล เขากำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรทมิฬ
“ท่านอาจารย์ถ้าท่านพูดจริง ถ้าลำดับห้าธาตุได้รวมกับมุกบาดาล มันจะใช้พลังของมุกบาดาลได้สามในสิบส่วนรึ?”
ซือหยูถามขณะที่บินอยู่
มุกสีครามอำพันที่บดขยี้เซี่ยหวู่คือสิ่งที่เขาได้ใช้รวมกับลำดับห้าธาตุซือหยูเพิ่งจะชำระมันได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน เขาจึงไม่มีพลังจะรวมมันเข้าด้วยกัน แต่เป็นหยุนย่าสีที่ช่วยให้ซือหยูสร้างมันขึ้นมาได้
“หึหึข้าจะโกหกเจ้าทำไมเล่า? ยังมีพลังภูติส่วนเกินในมุกบาดาล ถึงเจ้าจะชำระมันจนหมด เจ้าก็ใช้พลังของมันไม่ได้ มันคงจะเสียของเปล่าๆ”
เขาตอบและพูดต่อ
“เราก็แค่รวมมันกับลำดับห้าธาตุเปลี่ยนมันให้เป็นลำดับบาดาล เจ้าจะใช้พลังภูติที่มันมีฆ่าศัตรูของเจ้า พลังของมันแข็งแกร่งกว่าลำดับห้าธาตุมากกว่าสิบเท่าเสียอีก จะใช้มันอย่างไรก็แล้วแต่เจ้า”
ลำดับบาดาลรึ?ซือหยูเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นลำดับที่ซับซ้อนถ้ามาจากหยุนย่าสี
“ไม่ดีนักที่เรามีมุกบาดาลแค่ลูกเดียวถ้ามีครบห้า พลังของมันจะมหาศาลขึ้นไปอีก!”
หยุนย่าสีพูดเสียงดัง
ซือหยูกลอกตาเขาโชคดีมากอยู่แล้วที่ได้มุกบาดาลมาหนึ่งลูก เขาคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะได้มันมาอีกได้จากไหน!

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน